'เลขาฯพปชร.' เขิน ตอบถูกดันนั่ง รมว.ศธ.-ดีอีเอส บอก แล้วแต่ผู้ใหญ่ ให้อยู่ตรงไหนก็ทำงานเต็มที่ ย้ำ เสียใจเหตุการณ์ 7 ดาวฤกษ์ รอผลคกก.สอบข้อเท็จจริง รู้ดี 'หนู' ยังฉุน วอน พรรคมีขั้นตอน


วันที่ 1 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้อาจจะถูกผลักดันให้ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ว่า ยังไม่มีการพูดถึง และยังไม่มีสัญญาณเรื่องการปรับ ครม.จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

"อันนั้นยังเป็นข่าวตามปกติที่มักจะเกิดขึ้นก่อนการปรับ ครม. ก็จะมีการคาดการณ์อะไรกันไปต่างๆ ก็คาดเดากันไป" นายอนุชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพปชร. ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ จะมีการพูดคุยเรื่องการปรับ ครม.ในคราวเดียวกันหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า หากมีการเสนอเป็นวาระหารือในที่ประชุมก็คงต้องพูดคุยกัน แต่ถึงอย่างไรในเวลา 16.30 น. ของวันที่ 2 มีนาคม ก็มีการประชุม กก.บห.อย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า จะมีการปรับครม. โดยปรับแลกกระทรวงกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุชา กล่าวว่า ข่าวก็เป็นข่าว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะดำเนินการ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร มีแต่ข่าว และตนในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. ก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับใคร ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเห็นทุกครั้งว่าก่อนปรับครม. ก็มักจะมีสถานการณ์เช่นนี้ คือมีอย่างนั้นอย่างนี้ออกมา จนจะกลายเป็นเรื่องปกติ

...

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากดูช่วงเวลาขณะนี้แล้ว ควรจะเป็นการปรับเพียง 3 ตำแหน่งที่ว่าง หรือควรจะเกลี่ยใหม่ทั้งหมด นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯโดยตรงที่จะคิดและตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ในการทำงานของรัฐบาล และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ซึ่งนายกฯคงคิดในแง่มุมเหล่านี้มากกว่า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพปชร. ร่วมกันลงลายมือชื่อเสนอให้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐพิจารณาคนในมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทนมากกว่าที่จะเลือกคนนอก เลขาธิการพปชร. กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ และไม่รู้ว่ามีหนังสือดังกล่าวที่ไปถึงหัวหน้าพรรคจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามการจะเลือกคนในหรือคนนอก อยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจเอง ว่าอะไรคือประโยชน์สูงสุดต่อการทำงานของรัฐบาล และต่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งตนมั่นใจในจุดนั้นเพราะข่าวที่ออกมาถือเป็นข่าวปกติที่จะเกิดขึ้นในช่วงจะมีการปรับครม. ไม่น่าจะมีอะไรเป็นข้อวิตกกังวล


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. ทราบหรือไม่ว่า มีการเคลื่อนไหวดังกล่าวภายในพรรคเอง นายอนุชา กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ก่อนปรับครม. ทุกครั้งก็มักจะมีเหตุการณ์อย่างนี้ ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีตแม้แต่น้อย ส่วนกรณีที่มีส.ส.ภาคใต้แสดงเจตจำนงอยากให้มีรัฐมนตรีจากภาคใต้ด้วยนั้น ทุกอย่างอยู่ที่กก.บห.พรรคพปชร. และนายกฯ เชื่อว่าคงไม่มีใครมาต่อรองตำแหน่ง ทั้งนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับใครในเรื่องทำนองอย่างนี้ และยังไม่มีส.ส.ใต้คนไหนมาพูดคุยอะไรกับตน มีเพียงกระแสข่าว และตนก็ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองทุกครั้งที่จะมีกระแสข่าว และขอย้ำว่าทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯคนเดียวว่าช่วงเวลาเหมาะสมอย่างไร จะเร็วหรือช้า ใครที่เหมาะสมอยู่ที่ความคิดของนายกฯเพียงคนเดียว แต่เชื่อว่าการตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่การทำหน้าที่ของรัฐบาล เพื่อทำงานให้กับประชาชนและประเทศชาติได้ต่อไป ซึ่งเป็นหลักคิดของผู้นำรัฐบาลอยู่แล้ว


เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวหากได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้ไปดำรงในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง นายอนุชา กล่าวว่า "ผมแล้วแต่ผู้ใหญ่ไม่ว่าจะให้ผมไปทำงานในส่วนไหนก็ทำอย่างเต็มความสามารถ ไม่มีการต่อรองหรือเรียกร้องใดๆ ผมไม่เคยพูดเรื่องเหล่านั้น แล้วโดยส่วนตัวผมชอบทำงาน ขอให้เป็นตำแหน่งเชิงสร้างสรรค์ หากผู้ใหญ่มอบหมายผมก็ทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ ก็จะทำ แม้กระทั่งอยู่ตำแหน่งปัจจุบันนี้ผมก็ทำอย่างเต็มความสามารถ ให้เกิดประโยชน์ต่อรัฐบาลสังคมและประเทศชาติ"

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลการสอบสวน 7 ส.ส. พรรคพปชร. ที่โหวตสวนมติพรรค นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่ครบกำหนดการสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนไม่ลงไปยุ่งไม่เข้าไปก้าวก่าย ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์

ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่ายังไม่พอใจในเรื่องดังกล่าว นายอนุชา กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน รอให้คณะกรรมการสอบก่อน ยังมีขั้นตอนการทำงานของพรรค ให้คณะกรรมการได้พิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องพา 7 ส.ส.ไปขอโทษหัวหน้าพรรคภท. หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ก็ต้องเป็นขั้นเป็นตอนว่าจะทำถึงจุดไหนอย่างไร แต่ยังที่ตนได้กล่าวไปแล้วก็ขอย้ำอีกครั้งว่าตนเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในทางการเมืองถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องของส่วนรวม

เมื่อทำย้ำว่า แต่ดูแล้วทางพรรคภท. ยังไม่รับคำขอโทษ นายอนุชา กล่าวว่า "ก็ไม่เป็นไรก็ไปว่ากัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมต้องทำจะรับหรือไม่รับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมในฐานะเลขาธิการพรรค จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ควรทำ เพราะเป็นเรื่องของการอยู่ร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายอนุชาให้สัมภาษณ์ สักพักหนึ่งนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะประธานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้เดินทางถึงหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลเพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติครั้งที่ 2/2564 ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทันใดนั้นนายอนุชาได้เข้าสวมกอดและจับมือกับนายวราวุธ จนกระทั่งถูกกลุ่มผู้สื่อข่าวแซวว่า แลกกันกระทรวงกันหรือไม่ ระหว่างพรรคพปชร. และพรรคชทพ. ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของวงสนทนา ก่อนนายอนุชาจะยกมือไหว้และตบบ่านายวราวุธ ก่อนจะแยกย้ายกันไปประชุม โดยนายอนุชาได้เดินไปที่ตึกภักดีบดินทร์ เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม.