
บจธ.เตรียมจัดตั้ง สถาบันบริหารจัดการที่ดิน กระจายการถือครอง ยั่งยืน
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) บจธ. เตรียมจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการที่ดิน พร้อมกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน คาดเสนอเข้า ครม.ได้ มิ.ย. 2564
วันที่ 23 ก.พ. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานกรรมการสถาบันบริหาร จัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. มอบหมายให้ นายกุลพัชร ภูมิใจอวด รองผู้อานวยการ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อานวยการ บจธ. เป็นประธานจัดแถลงข่าว ความคืบหน้าของ ร่างพระราชบัญญัติบริหาร จัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน พ.ศ. .... ณ ห้องกมลทิพย์ 1 ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพ
ข่าวแนะนำ

นายกุลพัชร ภูมิใจอวด รองผู้อำนวยการ บจธ. ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวย บจธ. กล่าวว่า เนื้อหาของ ร่าง พ.ร.บ.สถาบันบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน พ.ศ. .... แบ่ง ภารกิจการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ
1) การบริหารจัดการและการกระจายการถือครองที่ดิน จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นหลายจังหวัด พบว่า มีกลุ่มชุมชนหลายกลุ่มที่พบปัญหาไม่สามารถเข้าถึงสิทธิในที่ดินเพื่อนำมาประกอบอาชีพและอยู่ อาศัย บ้างต้องเช่าที่ดินทำกิน ไม่มีความมั่นคงในชีวิต เนื่องจากที่ดินในระบบตลาดมีราคาสูง และเข้าถึงยาก สถาบันฯ จะเข้าไปเป็นสื่อกลางในการร่วมกันจัดหาที่ดินและเจรจาร่วมกับกลุ่มชุมชนให้เกิดความเป็นธรรม โดยจะจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรผู้ยากจนชุมชนและองค์กรชุมชนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ให้มีที่ดิน ทำกิน ได้มีการบริหารจัดการที่ดินร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน ในรูปแบบแปลงรวม มีกรรมสิทธิ์ร่วม โดยมีอำนาจในการจัดสรรที่ดิน เพื่อนำมาให้เช่า หรือเช่าซื้อระยะยาว เสียค่าธรรมเนียมต่ำ สนับสนุนการจัดทำผังแปลงที่ดินตามหลักภูมิสถาปัตย์และโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึง สินเชื่อเพื่อพัฒนาที่ดิน และที่อยู่อาศัย ซึ่งในปัจจุบัน บจธ. ได้ให้การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ตามโครงการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน ไปแล้ว 16 กลุ่ม ใน 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดจันทบุรี จังหวัดลำพูน และจังหวัดนครราชสีมา เกษตรกรจำนวน 982 ครัวเรือน จำนวนที่ดินประมาณ 2,000 ไร่
2) การป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดิน ด้วยการให้สินเชื่อเพื่อป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดินอันเนื่องมาจากการจำนอง ขายฝาก และการบังคับคดี ให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา รวมไปถึงจัดซื้อที่ดินของลูกหนี้ ที่ถูกขายทอดตลาด หรือหลุดขายฝากไปแล้ว เพื่อคงสิทธิให้เกษตรกรและผู้ยากจนได้กลับมามีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในที่ดินเดิมของตนเอง โดย บจธ. ได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้ว 388 ราย สามารถป้องกัน และคงสิทธิในที่ดินได้ประมาณ 2,700 ไร่
3) การสนับสนุนอาชีพให้เกษตรกร ในพื้นที่ดำเนินการของสถาบันฯ ที่ได้จัดสรรให้กลุ่มเกษตรกรไปแล้ว สถาบันฯ จะสนับสนุน ส่งเสริมให้ทาการเกษตรแบบผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ และสนับสนุนต่อเนื่องแบบครบวงจร โดยการอบรมให้ความรู้ การเรียนรู้ศึกษาดูงาน เพื่อให้เกษตรกรได้เกิดทักษะในการทำเกษตรกรรม สามารถดำรงชีวิตได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน สถาบันฯ จะสนับสนุน การจัดทำแผนการผลิต และด้านการจัดหาตลาด ฯ และบูรณาการร่วมกับภาคีต่างๆ เพื่อจัดสรรงบประมาณมาสนับสนุน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชน สร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกร ตาม นโยบายของรัฐบาลเข้าถึงประชาชนในระดับฐานรากมากขึ้น

"สำหรับที่ดินที่ใช้ดำเนินงานตามร่าง พ.ร.บ.สถาบันบริหารจัดการที่ดินฯ จะใช้ที่ดินที่จัดหาจากทั้งภาคเอกชนและภาครัฐตามที่หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบมอบหมายให้ตามนโยบายการบริหาร จัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบัน บจธ. ได้ลงนามความตกลงกับกรมธนารักษ์ เพื่อขยายความร่วมมือในการนำที่ราชพัสดุมาให้ บจธ. บริหารจัดการต่อให้เพื่อเกษตรกร ผู้ยากจน และผู้ที่มีความประสงค์จะใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ทำการเกษตรในราคาที่ไม่แพง เป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากที่ราชพัสดุได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการขยายกลุ่มเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มแรงงาน จึงเกิดความตกลงร่วมมือระหว่าง บจธ. และสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ในการให้ความช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคมที่ต้องออกจากงานในช่วงโควิด-19 และกลับภูมิลำเนาเดิมโดยไม่มีอาชีพรองรับ ซึ่งมีความประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ไม่มีที่ดินทำกิน รวมทั้งมีที่ดินแต่ขาดเงินทุนประกอบอาชีพ โดย บจธ. จะเป็นฐานรองรับให้กับ แรงงานเหล่านี้ ถือเป็นการปรับเปลี่ยนภารกิจของ บจธ. ตามสภาพแวดล้อมทางสังคม เพื่อให้เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นายกุลพัชร
นายกุลพัชร กล่าวอีกว่า สาระสำคัญที่ปรากฏในร่าง พ.ร.บ.สถาบันบริหารจัดการที่ดิน ฯ ยังมีเรื่องการจัดตั้ง “กองทุนบริหาร จัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน” เพื่อดำเนินงานด้านต่างๆ ตาม วัตถุประสงค์ ทั้งนี้ หัวใจของร่าง พ.ร.บ. ฯ คือส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนมากขึ้น โดยการกำหนดให้มี กรรมการตัวแทนภาคประชาชน จํานวนเก้าคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจาก เครือข่ายภาคประชาชนด้านที่อยู่อาศัย ด้านการเกษตร ด้านแรงงาน ด้านสวัสดิการสังคม ด้านกลุ่มชาติพันธุ์ ด้านกฎหมายสิทธิชุมชน และด้านส่งเสริมความเข้มแข็งชุมชน เข้ามาร่วมในการกำหนดนโยบายการบริหารงานของสถาบันฯ ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการของภาคประชาชนมากขึ้น

"สำหรับขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ บจธ. จะสรุป รายละเอียดเพื่อนำเสนอเข้าที่สู่การพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งขาติ (คทช.) โดยคาดว่าจะผ่านความเห็นชอบจาก คทช. เนื่องจากเป็นกฎหมายที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้เกิดการกระจายถือครองที่ดิน ช่วยฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และสังคมได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และยังเป็นกฎหมายที่มาจากความต้องการของภาคประชาชน คาดว่าจะสามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนมิถุนายน 2564 หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาสภาฯ ต่อไป" นายกุลพัชร กล่าว