
ต้องปฏิรูปการเมือง
ผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในระบบรัฐสภา และประชาธิปไตยมากขึ้น หรือลดลง ผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลพบว่าเสียงส่วนใหญ่ 55.40% เชื่อว่าการเมืองไทยจะเหมือนเดิม 30.28% เชื่อว่าน่าจะแย่ลง 14.32% มองว่าน่าจะดีขึ้น และ 70.26% เห็นว่าการประท้วงเสียเวลาเปล่า
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกว่าจะมองโลกในแง่ดี มีการฉายซ้ำข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า เรายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำ เพื่อนำประเทศสู่ความมั่นคงมั่งคั่ง และยั่งยืน การนำประเทศไปสู่แนวหน้า หรืออยู่ในสายตาของชาวโลกเป็นไปได้ เขามีความพร้อม แต่ต้องข้ามกับดักในอดีต
ข่าวแนะนำ
อะไรคือกับดักในอดีตคืออะไร? หลายคนอาจหมายถึงความขัดแย้งในสังคมอันสืบเนื่องมาจากความเห็นต่างทางการเมือง นำไปสู่ความขัดแย้ง ความรุนแรงและหลายครั้งจบลงด้วยการยึดอำนาจ การฉีกรัฐธรรมนูญ โดยหวังว่าจะนำไปสู่การข้ามความขัดแย้ง แต่รัฐประหาร กลับเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
สาเหตุสำคัญเนื่องจากมีแนวคิดทางการเมืองต่างกัน ฝ่ายหนึ่งยึดแนวทางประชาธิปไตย อีกฝ่ายยึดแนวทางอำนาจนิยม การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาเป็นกลไกสำคัญในการขจัดความขัดแย้ง โดยสันติวิธี โดยผ่านการถกเถียงในสภา แม้บางส่วนจะดุเดือดเผ็ดร้อน แต่ส่วนใหญ่เป็นการพูดด้วยข้อมูลและเหตุผล
ผลการลงมติรัฐบาลเป็นผู้ชนะ ตามประเพณีระบบรัฐสภา แต่ถ้าฟังเสียงนักวิชาการ หรือผลการสำรวจของสำนักโพล ส่วนใหญ่ให้ฝ่ายค้านชนะ รัฐมนตรีส่วนใหญ่สอบตก เพราะตอบข้อกล่าวหาไม่ชัดเจน แต่ทุกฝ่ายยอมรับ เพราะเป็นไปตามกติกาประชาธิปไตย แม้จะเป็นเพียงประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่เราก็ต้องก้าวไปให้ถึงเป้าหมาย
เริ่มต้นด้วยการร่วมมือกันอย่างจริงจัง ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการพิจารณาในวาระที่ 2 ในวันที่ 24 และ 25 นี้ เป็นร่างแก้ไขวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ร่วมกันเสนอทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมที่จะเดินหน้า แต่พรรคพลังประชารัฐอ้างว่าวาระที่ 3 ต้องฟังศาลรัฐธรรมนูญก่อน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ ยังเเป็นลูกผีลูกคน ไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้แก้ได้หรือไม่จะได้รับความเห็นชอบจาก 2 ใน 3 ของสมาชิกสองสภาหรือไม่ โดยเฉพาะ ส.ว. และพรรคแกนนำรัฐบาล เรื่องนี้จะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจ พล.อ.ประยุทธ์จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง หรือแค่วาทกรรม.