รูดม่านศึกซักฟอก "หมอชลน่าน" ปิดท้ายชำแหละ "นายกฯ-9 รมต." กรีดซ้ำแผลเก่า "ป้อม-ตู่-จุรินทร์" เข้าขั้นไอซียู จี้คืนอำนาจประชาชน สลายภาพ "สภาปลวก" กัดกิน ปชต. ปลุก ส.ส.ร่วมลงมติไม่ไว้วางใจเปลี่ยนแปลงชาติ เปรยใส่ "ชวน" เลือกตั้งคราวหน้าร่วม รบ.กัน

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 19 ก.พ.64 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เป็นมาตรการที่เราถือว่ามีความจำเป็น และเข้มข้นที่สุดในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายนิติบัญญัติ ในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชน ขอบคุณที่นายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายใส่ใจให้การอภิปรายครั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ฝ่ายค้านทุกคนล้วนทำหน้าที่ด้วยใจสุจริต การใช้วาทะ ถ้อยคำ หรือการแสดงบางสิ่งอาจทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ตนในฐานะตัวแทนต้องกราบขออภัยในการอภิปรายครั้งนี้ ทั้งหมดภาพรวมเราฝ่ายค้านได้ชี้ให้เห็นการบริหารงานผิดพลาดตามข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจน สาเหตุที่ทำให้เกิดความล้มเหลวเกิดขึ้นนั้นเกิดจาก 1.เกิดจากวิธีคิด จิตสำนึก ลีลาชีวิต และคุณลักษณะส่วนบุคคล การบริหารราชการแผ่นดิน 2.ความเชื่อมั่นและการยอมรับนับถือจากต่างประเทศ 3.ความรู้ความสามารถ ภูมิปัญญา วุฒิภาวะของนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหา 4.การทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ การเอื้อประโยชน์ 5.จริยธรรม และ 6.การไม่ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 57 ถดถอยมาตลอด ความยากจนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น ท่านทำให้คนในประเทศจนกันถ้วนหน้า ศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศลดลง สู้ใครไม่ได้ ธุรกิจออนไลน์ที่จะเป็นโอกาสก็ถูกเบียดไปอย่างชัดเจน เรากำลังถูกนานาอารยประเทศที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ออกระเบียบมากำหนดวิถีชีวิตประชาชนในประเทศของเรา เขาจะบอยคอต หรือแซงชั่นเรา เหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะท่านยึดอำนาจเข้ามาปกครองประเทศ แล้ววางแนวทางการสืบทอดอำนาจโดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือ มีมาตรา 44 ที่ทำให้ท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดนี้ เราเรียกกันว่าระบอบเผด็จการ ใช้ดำเนินการในหลายเรื่องจนเป็นเหตุ และเป็นผลพวงที่พวกเรานำมาอภิปรายวันนี้ เช่น กรณีเหมืองทองอัครา การยกเลิก พ.ร.บ.ร่วมทุน ยกเลิกการทำพีไอเอ จนทำให้เราต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านในวันนี้ 

...

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีกระบวนการสมคบคิด แบ่งหน้าที่กันทำเพื่อครองอำนาจ ผ่านระบบ 3 ป.สามารถคุมองค์กรต่างๆ ได้หมด พี่น้องประชาชนจึงเรียกพวกท่านว่า "สภาปลวก" เพราะท่านมากัดกินบ้านทีละนิดๆ กัดกินประชาธิปไตยทีละนิด เราต้องช่วยกันทำให้ระบอบประชาธิปไตยกลับมาให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ อย่างนี้ อย่างไรก็ตาม จากการอภิปรายของเพื่อนสมาชิก คำตอบชี้แจงข้อกล่าวหาไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อตัวผู้ที่ถูกอภิปรายเลย หลายเรื่องท่านไม่ตอบเงียบไปเลย กรณีนายกฯ ตั้งที่ปรึกษาที่มาจากธนาคารกรุงไทย บางกรณีตอบแต่เบี่ยงเบนประเด็น เช่น กรณีเหมืองทองที่ต้องชดใช้ก็เบี่ยงไปตอบเรื่องคดีจำนำข้าว ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ถามวัวตอบควาย บางเรื่องแปลกที่ท่านตอบได้ทันทีมีสไลด์ด้วย คนเตรียมข้อมูลท่านเก่งมาก ในการตอบหลายครั้งนายกฯ หรือรัฐมนตรีมักมีถ้อยคำพูดกับสมาชิกที่อภิปรายว่า ไม่สุภาพ กล่าวหา รุนแรง ก็ต้องบอกว่าการอภิปรายคือการตั้งข้อกล่าวหา คนอภิปรายพูดตามความรู้สึก เวทีแห่งนี้ในยุคหลังๆ ออกไปแล้วไม่มองหน้ากันเราต้องไปสร้างวัฒนธรรมใหม่ เพราะเมื่อก่อนอภิปรายแล้วออกไปก็เป็นเพื่อนร่วมสภากัน เป็นมนุษย์เหมือนกัน วันนี้คำตอบถ้าท่านไม่ตอบ แปลว่าท่านยอมรับว่าทำ หรือถ้าตอบแบบไม่มีน้ำหนักไม่มีหลักฐาน ก็ถือว่าพวกตนได้เปรียบในทางคดี เรากล่าวหารัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

"ประเด็นสำคัญ เช่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อภิปรายโดยเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้หลายคนบอกท่านไปไอซียูจากกรณีทุจริตถุงมือยาง มีทั้งเอกสารหลักฐาน คลิปเสียง ฯลฯ ผู้อภิปรายได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน ผู้ที่ทุจริตมีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีอย่างแนบแน่น ท่านรัฐมนตรีตอบชี้แจงมีอาการปรากฏ ทำไมกระดาษที่ท่านถือมันสั่น ประเด็นที่ท่านตอบท่านยอมรับโดยสุจริตใจว่ามีการทุจริตจริง บอกว่าตนจะดำเนินการให้ถึงที่สุดในกรณีนั้นๆ ต่อมาคือกรณีคนสนิทของท่านท่านไม่ชี้แจง ตอบเพียงย้อยแย้งว่าคนใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ไปทำความผิด จะไม่ถูกลงโทษหรืออย่างไร และท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงไปรษณีย์ที่แต่งตั้งบอร์ด อคส.เท่านั้น ทั้งที่ท่านเป็นรัฐมนตรีที่กำกับดูแล ถ้าท่านเป็นรัฐมนตรีแล้วเปรียบตัวเองเป็นเพียงแค่บุรุษไปรษณีย์อย่างนี้ ถ้าตนเป็นนายกฯตนจะพิจารณาท่านเป็นคนแรกเลย เพราะ ครม.คงไม่อยากได้รัฐมนตรีที่มาเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์" นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ต่อมาก็ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประเด็นข้อกล่าวหามีเยอะมาก แต่ที่อยากให้เห็น คือ โครงการทุจริตขุดลอกแหล่งน้ำโดยการใช้งบองค์การทหารผ่านศึก (อคส.) ท่านตอบชี้แค่ ไม่รู้ๆ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เกี่ยวกับตน การตอบแบบนี้คือการจำนนด้วยหลักฐาน และตนก็มีหลักฐานเป็นปึกๆ ที่จะเอาผิดท่าน ดังนั้นท่านต้องรู้

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ต่อมาคือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้อกล่าวหาเยอะมาก แต่ที่ตนจะนำมาขยายเพราะท่านรัฐมนตรีชี้แจงไม่ชัดเจน คือ กรณีการแต่งตั้งเลขา สกสค. ท่านไม่ได้ชี้แจง บอกเพียงถูกต้องตามระเบียบและหลักเกณฑ์ แต่ผู้อภิปรายได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนเรื่องนี้ กมธ.ศึกษาฯ ก็กำลังสอบอยู่ เรื่องการแต่งตั้งนี้ทั้งส่อไปในทางทุจริต และเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง การแต่งตั้งมีที่มาที่ไป มีการตระเตรียม เรื่องนี้ต้องดำเนินการต่อ เพราะผิดกฏหมาย ป.ป.ช. มาตรา 127 และ 126(4) รวมไปถึงกรณีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบอร์ด และการกู้เงินขององค์การค้าคุรุสภา เพื่อนำมาจัดพิมพ์หนังสือ ซึ่งมีการทำให้ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์สูงขึ้น และกรณีอื่นๆ อีก 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ต่อมาคือ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีคมนาคม ท่านเอื้อกลุ่มทุน ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฟังคำตอบท่านไม่ชัดเจน ท่านอ้างว่าทำได้ ท่านถามว่าใครได้ประโยชน์ แล้วผิดกฎหมายอะไร กรรมเกิดจากการกระทำ แล้วมันจะชัดขึ้นเพราะหลักฐานชัดเจน ต่อมาคือ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านเอื้อประโยชน์ให้กับเครือญาติเรื่องโครงการจะนะ ไม่ใช่แค่นี้ วันนี้ท่านมีคดีอยู่ใน ป.ป.ช.เป็นสิบคดี แค่นี้ก็ไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปแล้ว

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ต่อมาคือ นายกฯ ตลอด 4 วันของการอภิปราย ท่านเป็นพระเอกตลอด มีชื่อท่านทุกวัน ถูกกล่าวหาทุกวัน มีใบเสร็จ เหตุที่นายกฯไม่สมควรเป็นนายกฯต่อไป คือ คดีเหมืองทองอัครา ท่านใช้อำนาจโดยมิชอบ ท่านใช้มาตรา 44 ที่ท่านออกเองไปปิดเหมือง ท่านใช้กฎหมายพิเศษตามอำเภอใจ หลักฐานมัดแน่นคณะเจรจาเรื่องนี้มีการประชุมลับยกที่เพื่อแลกเปลี่ยนให้ยุติหรือถอนฟ้อง มีที่ดินที่อนุมัติไปแล้ว และรออนุมัติกว่าล้านไร่ เพื่อแลกอาชญาบัตร ท่านเอาทรัพยากรและทรัพย์สินของชาติไปแลกเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง เป็นชายชาติทหารควรสำนึก เพราะเมื่อก่อนชายชาติทหารเขายอมเอาเลือดเนื้อไปแลกเพื่อปกป้องแผนดิน แต่ชายชาติทหารที่ชื่อประยุทธ์ กลับเอาแผ่นดินไปแลกเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไว้วางใจไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับส่วยแรงงานข้ามชาติและส่วยบ่อนการพนันอีก ถ้าไม่มีโควิดฯเรื่องนี้คงฝังอยู่ในสังคมไทย ต้องขอบคุณโควิดฯที่มาเปิดเผยความเหลวแหลกของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อมาคือมิติทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการบริหารงานล้มเหลว การเยียวยาโควิดฯเห็นคนในชาติเหมือนปลวกเหมือนมดเหมือนโยนข้าวเปลือกให้ไก่ ใครแข็งแรงก็ได้ไป ใครไม่แข็งแรงก็โดนเบียด ไปจนถึงการจัดหาวัคซีนที่ปิดกั้นทางรอดของคนไทย ผูกขาด ปิดกั้นเอกชนที่จะเข้ามา ถือเป็นความล้มเหลว

"เราไม่อาจไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ให้บริหารประเทศของเราไปสู่หายนะ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพ ท่านไม่สามารถชี้แจงได้ ท่านบอกเป็นเพียงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ท่านในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องรับผิดชอบ รวมถึงการใช้อำนาจแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่เอื้ออำนวยให้คนที่ท่านต้องการแต่งตั้ง และไม่เป็นไปตามความเหมาะสม เรื่องนี้ท่านก็ไม่สามารถตอบได้ สิ่งเหล่านี้มาจากการบริหารงานของท่านที่บ่อนเซาะทำลายประเทศ" นพ.ชลน่าน กล่าว

ต่อมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องวัคซีนโควิดฯต้องโทษท่าน อย่างไรก็ตามนี่คือพฤติการณ์และพฤติกรรมเพียงบางประเด็นเท่านั้น ที่ตนนำมาขยาย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่มีคำตอบชี้แจงที่เป็นที่พอใจเลย ถ้าปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรี 9 ท่าน บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะไปตรงกับข้อกล่าวหาของตนที่บอกว่า มีกระบวนการของการร่วมกันคิด แบ่งหน้าที่กันทำ ร่วมกันรับประโยชน์จะคงดำรงอยู่กับประเทศชาติบ้านเมืองเราในสภาแห่งนี้

"ผมอยากขอร้องไปที่จิตสำนึกของท่าน ผมเชื่อมั่นว่าท่านเองก็รักประเทศ จงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุด อยากเห็นลูกหลานของเรามีอนาคต สิ่งที่ผ่านมา 7-8 ปี ขอให้จบแค่นี้ เรามาช่วยกันเถิด โดยเฉพาะตัวนายกฯตนขอใจท่านเถิด เราจะไม่พูดว่าท่านมีที่มาอย่างไร จะวางโครงข่ายสืบทอดอำนาจอย่างไร เราให้อภัยท่าน แม้บ้านเมืองจะเสียหายมาขนาดไหน เราก็ยินดีให้อภัยถ้าท่านเริ่มคิดนับตั้งแต่วินาทีนี้ ทั้งนี้เราในฐานะ ส.ส.ที่ต้องลงคะแนนมีจิตสำนึกกลับไปตรึกตรอง ตรวจสอบใจ ตรวจสอบสมอง ตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น มองไปที่อนาคตของลูกหลานใช้วิถีทางตามรัฐธรรมนูญในการลงมติไม่ไว้วางใจ การลงมติไม่ไว้วางใจนี้ จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ เท่ากับปล่อยให้รัฐมนตรีและนายกฯอยู่ในตำแหน่งต่อไป" นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า คืนอำนาจที่แท้จริงให้ประชาชน นี่คือทางรอดของบ้านเมือง แล้วมันจะแก้วิกฤติของบ้านเมืองที่รายล้อมอยู่ เขาชุมนุม เพราะเขาต้องการประชาธิปไตย เพียงแค่นายกฯและองคาพยพตัดสินใจ นี่คือการลงทุนที่น้อยมาก ความสูญเสียก็จะไม่มาก หลังการอภิปรายนี้ ความมุ่งหวังสูงสุดคือการยกมือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทุกท่าน เราจะได้มีนายกฯและ ครม.ใหม่ที่มาจากในรัฐสภาของเรามาทำหน้าที่ต่อ แต่คงไม่เกิดเพราะเวลา 1 วันที่ตนฝากไว้คงจะน้อยไป เสียงจะออกมาว่าไว้วางใจ แต่ความไว้วางใจนี้ตนเชื่อว่าจะทำให้เกิดการปรับ ครม.เพราะจะมี รัฐมนตรีบางท่านที่คะแนนจะผ่านเพียงผ่านเท่านั้น แต่จะเป็นคะแนนที่ไปบีบให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับไปมองและปรับเปลี่ยน ครม.แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน ที่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองมากขึ้น เอาใจใส่พี่น้องประชาชนให้มากขึ้น อย่าเพิกเฉยต่อปัญหา ท่านประกาศสงครามกับความยากจน ยาเสพติด และผู้มีอิทธิพลไปเลย ใช้กระบวนการของภาครัฐเข้าไปสู้อย่างเต็มที่ อาวุธที่สำคัญคือองค์ความรู้ ไม่ใช่ทำงานแบบมั่วไป คิดเอาเองคาดการณ์เอาเอง การอภิปรายวันนี้จะเป็นไฟที่สุมเข้าไปรออีก 2 ปีข้างหน้า แล้วรอคำตอบจากพี่น้องประชาชนว่า เขาจะตัดสินอย่างไร เมื่อเขามีโอกาส 

"ผมก็หวังอยากเห็นท่านประธานมาอยู่ร่วมรัฐบาลกัน เมื่อมีโอกาสเลือกตั้งครั้งหน้าพวกผมไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีทั้ง 9 คนได้ พวกเราเต็มที่เพียงแต่ขอร้องไปยังเพื่อนสมาชิกฝ่ายสนับสนุน ถ้าเห็นคล้อยและตรึกตรองดีแล้ว ขอเสียงจากท่านมาเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีให้บ้านเมือง มาลงคะแนนไม่ไว้วางใจกันเถิด" นพ.ชลน่าน กล่าวทิ้งท้าย