“สมพงษ์” เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ อัดรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” บริหารราชการล้มเหลวผิดพลาด ประชาชนทุกข์ยาก ระบบเศรษฐกิจพัง ด้าน “ไพบูลย์-ปารีณา” ลุกประท้วงพาดพิงสถาบัน
เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 16 ก.พ. 2564 ซึ่งเป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 23 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันแรก โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงเรื่องการที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องการให้แก้ไขญัตติการอภิปรายซึ่งมีการเกี่ยวโยงถึงสถาบัน ภายหลัง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐหลายรายยังยืนยันว่าไม่อยากให้โยงสถาบัน ว่า เป็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นความเห็นของตนเพียงคนเดียว
ต่อมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อไปว่า อยากให้ปรับปรุงข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นการกล่าวหารัฐบาลด้วยข้อหารุนแรง ไม่ต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นจำเลยของประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านรับไปหารือ แต่ญัตติไม่ผิดข้อบังคับ หากไม่แก้ก็สามารถบรรจุได้และเป็นสิทธิ์ที่จะอ่านญัตติได้ แต่หากวันหน้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าญัตตินี้ไม่ชอบ ตนก็ต้องรับผิดชอบ และเมื่อมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ยุบสภา และเชื่อว่าทุกคนในที่นี้มีวุฒิภาวะมากพอในการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มีความกังวลหากจะกล่าวพาดพิงถึงสถาบัน จึงอยากทักท้วง พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีเจตนาให้การอภิปรายล่าช้า แต่เพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการปฏิบัติ พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของประธานสภาฯ ถือเป็นที่สุด จากนั้น ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลสลับกันลุกขึ้นกล่าวถึงประเด็นนี้อย่างดุเดือด บางครั้งมีการแทรกขณะที่อีกคนกำลังพูด จนนายชวนต้องปรามเรื่องมารยาทในการประชุม
...


ล่าสุดในเวลา 10.45 น. ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เริ่มแถลงเหตุผลในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 10 รัฐมนตรี ถึงสาระสำคัญว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่อง ไร้ภาวะผู้นำ มีพฤติการณ์และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ท่ามกลางประชาชนยากลำบากในภาวะการระบาดของโควิด-19 ใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ ได้ชื่อว่าการทุจริตเฟื่องฟู ไม่มีความรอบคอบระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่คำนึงประเทศชาติและประชาชน ไม่ยึดมั่นและไม่ศรัทธาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างสถาบันและประชาชน แอบอ้างมาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ละเมิดหลักนิติรัฐนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน การบริหารแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง จากนั้นกล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากนั้นกล่าวถึงพฤติการณ์ของทั้ง 8 รัฐมนตรีที่อยู่ในรายชื่อ
วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันถอยหลังเข้าสู่จุดจบของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเปิดเผยความไร้ประสิทธิภาพ เปิดโปงการทุจริต คุกคามเสรีภาพประชาชน ตลอดการบริหาร 6 ปี 8 เดือน ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย ประชาชนมีความทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด ไม่มีวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำ อวดอ้างความซื่อสัตย์ แต่นิ่งเฉยให้พวกพ้องทุจริต และไม่ยินยิมให้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นแสงแห่งความหวังไล่ความมืดมน เพราะจุดจบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังมาถึงในไม่ช้านี้ จากนั้นให้ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เริ่มการอภิปรายโดยจะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง


ทั้งนี้ ในระหว่างนั้น นายไพบูลย์ ได้ประท้วงเป็นระยะว่ามีกล่าวโยงถึงสถาบันในการอภิปราย ถือว่าเป็นการทำให้เกิดปัญหาเสียหายต่อสถาบัน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอภิปราย ขอให้ประธานสภาฯวินิจฉัย โดย นายชวน ระบุว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้การประชุมวุ่นวาย ทางด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็ลุกขึ้นประท้วงเช่นกัน ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ร่วมฟังอยู่ในที่ประชุมด้วย.