ฝ่ายค้านจ่อยื่นเชือด 4 รมต.หลังถล่มคาเขียง “ประเสริฐ” ฟุ้ง หลักฐานชัดส่งศาล รธน.-ศาล อาญา-ป.ป.ช.เอาผิด พรรคร่วมฯกั๊กข้อมูลปิดลับผวาข้อสอบรั่ว ซีกรัฐบาลไม่ห่วงประเด็นซักฟอก หวั่นหอกดาบใน พปชร.ล่อกันเอง มี รมช.คิดการใหญ่สอย รมว.ยึดโควตา วางเกมแทงหลังระดมกว่า30 ส.ส.ในสังกัดโหวตสวนดิสเครดิตบีบไขก๊อก “วิโรจน์” เฉลย “ณัฏฐพล” ขาเก้าอี้สั่น ปูด ส.ส.พปชร.ยื่นหอกให้เชือดเอง “วิรัช” เสียงแข็งขั้วรัฐบาลเสียงไม่แตกแถว ลูกหาบเย้ยถล่มให้มีสาระ ไม่ใช่มีแต่น้ำ ตีหัวเข้าบ้าน “เพื่อไทย” ผุดโครงการ “The Change maker” ระดมคนรุ่นใหม่ร่วมคิด ร่วมทำ เปลี่ยนแปลง ปั้นนโยบายซื้อใจประชาชน

พรรคฝ่ายค้านโหมโรงก่อนเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกันอย่างคึกคัก โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยระบุเตรียมหลักฐานยื่นเอาผิด 4 รัฐมนตรีได้แน่นอน ขณะที่มีกระแสข่าวรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ เดินเกมเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรีร่วมพรรคกันเอง หวังกดดันให้มีการปรับ ครม.

...

พท.จ่อฟ้อง 4 รมต.หลังซักฟอก

เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคเตรียมตัวพร้อมแล้วทั้งข้อมูลและ ส.ส.ผู้อภิปราย เบื้องต้นมี 15 คน บางคนอาจต้องอภิปราย 2 ครั้ง เราพร้อมเป็นอย่างยิ่ง พรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคได้ส่งหัวข้อประเด็น แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเนื้อหา เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อน เรากับพรรคร่วมฝ่ายค้านพูดคุยกันตลอดในสัปดาห์หน้าจะคุยกันอีก ส่วนหลักฐานที่จะเตรียมยื่นเอาผิดรัฐมนตรีหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลไปแล้ว ขณะนี้รวบรวมหลักฐานต่างๆเพื่อให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคดำเนินการภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญาและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีรัฐมนตรี 4 คนที่อยู่ในข่ายมีหลักฐานชัดเจน

ตั้งทีม ส.ส.รับมือประท้วงตีรวน

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ส่วนการเตรียมรับมือการประท้วงจากฝ่ายรัฐบาล พรรคมีวอร์รูมและเตรียมทีม ส.ส.ในสภาฯไว้ตอบโต้ กรณี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลประท้วงไม่มีเหตุผลหรือประท้วงเพื่อเอาใจใครบางคน หากฝ่ายใดประท้วงจะถูกหักเวลาฝ่ายนั้น ขอให้ประธานสภาฯควบคุมการประชุมเคร่งครัด ทราบมาว่ามีหลายประเด็นที่ยังไม่ทันอภิปรายเตรียมประท้วงแล้ว อยากให้ฟังฝ่ายค้านอภิปรายก่อน อยากให้ประท้วงน้อยที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังเนื้อหามากที่สุด หากประท้วงการอภิปรายจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ขอเรียกร้องฝ่ายรัฐบาลขอให้ประท้วงมีเหตุผลเป็นไปตามข้อบังคับ ไม่ใช่อยากประท้วงก็ประท้วงจนทำให้ผู้อภิปรายไม่สามารถอภิปรายต่อได้ทั้งที่ไม่มีเหตุอันควร เมื่อถามว่ากรณีญัตตินายกรัฐมนตรีที่พาดพิงไปถึงสถาบันตามที่หลายฝ่ายกังวล จะกำชับเรื่องเนื้อหาที่จะพูดหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า คิดว่าไม่ ญัตติถูกบรรจุในระเบียบวาระ ประธานสภาฯ ได้ลงนามรับรอง ถือว่าถูกต้อง ดังนั้นถ้าจะประท้วงตั้งแต่เปิดญัตติ คงไม่มีเหตุผล ขอให้ประท้วงเนื้อหาที่ฝ่ายค้านอภิปรายเกินเลยไปดีกว่า

“เสธ.แมว” ชี้ 3 ชนวนการเมืองเดือด

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะ กรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเผชิญหน้าทางการเมืองได้ยกระดับถึงแนวเข้มข้น เห็นได้จากประเด็นที่ 1 วันที่ 5 ก.พ. ตำรวจ สภ.คลองหลวง นัดผู้ต้องหา 22 คนเป็นนักศึกษาเยาวชน ไปรับทราบข้อหาคดี และจะถูกนำตัวไปศาลเพื่อฝากขัง ขณะเดียวกันถูกตอบโต้กลับจากคนของคณะราษฎรทันควันว่าหากฝากขังได้จริง ต้องเจอการชุมนุมสวนกลับทันที ตำรวจจึงต้องเปลี่ยนใจปล่อยตัวไม่ฝากขัง อีกทั้งยังได้มีการสื่อถึงกลุ่มคนที่ต้องการร่วมขับไล่รัฐบาลให้รู้ถึงเป้าหมายของพวกขบวนการสืบทอดอำนาจว่า เขาต้องทำลายคณะราษฎร และเขาจ้องขยายอนุรักษนิยม ฉะนั้นคนของคณะราษฎรจึงส่งเสียงลั่นว่าปี 64 ชี้ชะตาราษฎร มีโจทย์ต้องแก้ คือ “แพ้คือราบคาบ ชนะคือเต็มใบ”

รบ.อ่วมหาวัคซีนช้า-ยื้อแก้ รธน.

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 การจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด ประเทศรอบบ้านเราเขาได้รับมาฉีดกันแล้ว แต่เรายังไม่ได้รับ วัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลจัดการแย่มาก และยังไม่แสดงออกถึงความรับผิดชอบ และประเด็นที่ 3 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว.แต่งตั้งไร้ความชอบธรรม ยังคงยึกยักจะชะลอการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง 3 ประเด็นล้วนเป็นเชื้อสุมไฟให้เกิดความแตกหักทางการเมือง การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น ยังเป็นทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองได้ แต่ ส.ส.จะแสดงออกได้อย่างมีเสรีภาพหรือไม่ ยึดโยงอยู่กับการที่ฝ่ายความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรมต้องปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของตน สร้างสภาวะแวดล้อมให้สังคมไทยได้เชื่อมั่นและยอมรับว่าบ้านเมืองนี้มีการปกครองที่เป็นธรรมจริง

ฝ่ายค้านกั๊กข้อมูลสกัดข้อสอบรั่ว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงความเคลื่อนไหวการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้นัดหมายเพื่อสรุปและลำดับผู้อภิปรายให้สอดคล้องและไม่ซ้ำซ้อนกันภายในสัปดาห์หน้า โดยแต่ละพรรค ผู้อภิปรายแต่ละคนจะเปิดเผยรายละเอียดเนื้อหาการอภิปรายต่อกันให้น้อยที่สุด รวมไปถึงเอกสารหลักฐานที่จะแสดงประกอบการอภิปราย ที่แน่นอนแล้วว่าไม่ต้องนำเสนอให้ประธานสภาฯอนุญาตก่อน ดังนั้น บางส่วนจะปิดเป็นความลับ เพื่อป้องกันปัญหาข้อสอบรั่ว เนื่องจาก ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ไว้ใจกันเอง เกรงจะนำข้อมูลไปให้ฝ่ายรัฐบาล จนสามารถเตรียมคำชี้แจงได้อย่างผิดปกติ ซ้ำรอยการอภิปรายครั้งก่อนที่เกิดกรณีรัฐมนตรีพาวเวอร์พอยต์สวย และสามารถชี้แจงได้ละเอียดกว่าประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายเสียอีก

แฉ รมต.พปชร.ระแวงถูกแทงหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านฝ่ายรัฐบาลไม่ค่อยกังวลการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านครั้งนี้เท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าไม่มีข้อมูลไม้เด็ด หรือใบเสร็จที่จะล้มรัฐบาลได้จริง ขณะที่รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายบางคนมีความเป็นห่วงจากกลไกภายในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลที่มีปัญหาความขัดแย้งภายใน อาจมีผลไปถึงเสียงโหวตไว้วางใจของรัฐมนตรีแต่ละรายที่อาจได้ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนกันอย่างชัดเจน แกนนำที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการบางรายต้องการชิงอำนาจการนำภายในพรรค และต้องการได้คะแนนไว้วางใจมากกว่ารัฐมนตรีว่าการของพรรคบางราย เพื่อหวังผลในการปรับคณะรัฐมนตรีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเขย่าให้รัฐมนตรีบางคนหลุดจากตำแหน่ง จะได้มีโอกาสขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ

รมช. จัด 30 งูเห่าโหวตเขย่าเก้าอี้ รมว.

“มีการล็อบบี้ให้ ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐงดออกเสียง หรือถึงขั้นโหวตสวนไม่ไว้วางใจเพื่อดิสเครดิตรัฐมนตรีบางคน โดยอาจจะมีส่วนต่าง ส.ส.มากถึง 30 คน รวมไปถึงพวก ส.ส.งูเห่าในฝ่ายค้านที่ขาใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐดูแลอยู่ ปกติจะโหวตไว้วางใจ ก็จะโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี หรือไม่ลงมติรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐบางรายตามใบสั่ง เพื่อกดดันเร้ากระแสสังคมให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีด้วยผลคะแนน ทั้งที่ยังไม่มีการอภิปรายและชี้แจงกันเลย” รายงานข่าวระบุ

“วิโรจน์” ฟันธง “ณัฏฐพล” เก้าอี้สั่น

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวระบุแกนนำพรรคพลังประชารัฐที่เป็น รมช.บางรายล็อบบี้คะเเนน หวังเขย่าให้รัฐมนตรีบางคนหลุดจากตำแหน่งในการปรับ ครม.หลังจบศึกซักฟอกว่า เเม้จะไม่เอ่ยชื่อรัฐมนตรีที่โดนเขย่า เเต่เดาไม่ยากเลยว่าคือนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ไม่เเปลกใจที่มีข่าวทำนองนี้ออกมา ส.ส.ต่างพรรคเจอหน้ากันในสภาฯพอถอดหัวโขนออก ส.ส.ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ถึงการทำงานของนายณัฏฐพลบางคนถึงขั้นตำหนิอย่างรุนเเรง

ส.ส.-ผู้บริหาร ศธ.-ครู-นร.ไม่เอา

“โดยเฉพาะเรื่องร้องเรียนด้านการศึกษาที่ ส.ส.เเต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด นำส่งไปให้ช่วยรับไปปรับแก้ไข อาทิ ปัญหาทุกข์ยากของครูการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม การแก้โควิด-19 ระบาดและการเเสดงออกตามสิทธิเสรีภาพของนักเรียนในโรงเรียน แต่นายณัฏฐพลกลับไม่ตอบรับ ขนาด ส.ส.พลังประชารัฐฟากเดียวกันเองยังส่ายหน้า ไม่เหมือนกับรัฐมนตรีบางคนเเม้ ส.ส.ฝ่ายค้านส่งเรื่องให้ช่วยเเก้ไขยังช่วยแก้ทันท่วงที งานนี้เรียกว่าผู้บริหารสถานศึกษาก็หมั่นไส้ ครู นักเรียนและฝ่ายค้านก็ไม่เอา ต้องรับผลกรรม” นายวิโรจน์กล่าว

ปูด ส.ส.พปชร.ยื่นหอกให้เชือด

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า การที่เขาไปอวดดี เที่ยวไปคุยโวว่าเป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ เคยถาม ส.ส.พลังประชารัฐหรือยังว่าเขาหมั่นไส้ประโยคนี้หรือเปล่า เข้ามาในสภาฯอันดับไม่สำคัญขึ้นอยู่กับผลงาน ถ้าเป็นจริงตามข่าวก็เป็นเรื่องผลกรรม ต่อให้ผู้ใหญ่จะวิ่งเคลียร์ให้ก็ไม่ไหวหรอก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเขารอเห็นวันนี้มานานเเล้ว มาแอบกระซิบให้ตนอภิปรายจัดหนักๆ “ผมบอกให้ก็ได้ว่าข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เตรียมไว้ บางส่วนผมได้มาจาก ส.ส.พลังประชารัฐหลายคน ดังนั้น ขอทำนายไว้ล่วงหน้าเลยว่ารัฐมนตรีศึกษาธิการจะได้คะแนนไว้วางใจน้อยที่สุดในศึกซักฟอกรอบนี้ เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวระบุ ส.ส.ขาใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ เลี้ยงดู ส.ส.งูเห่าในฝ่ายค้านอยู่ด้วยหลายคนว่า งูเห่าพรรคไหนมีไม่มีไม่รู้ แต่ถ้าเจอหรือมีงูเห่าสีส้มเมื่อไหร่ก็ตีตาย เมื่อนั้น จะเห็นว่าอดีตที่ผ่านมาเราไม่เคยให้ใครมาฝากเลี้ยง ไม่เคยดองงูเก็บเอาไว้ ถ้าการกระทำชัดเจน พรรคจะมีมติขับออกจากพรรค

“วิรัช” ยันเสียงขั้ว รบ.ไม่มีแตกแถว

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาลกล่าวถึง กระแสข่าวแกนนำ ในพรรค พปชร.บางคน เตรียมล็อบบี้ ส.ส.ของพรรค 30 คน โหวตสวนรัฐมนตรีในพรรคบางคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน และพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องเป็นเอกภาพ โหวตไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อถามว่าในส่วนของพรรค พปชร. จะต้องมีมติพรรคเพื่อให้ ส.ส.ทุกคนโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่าถึงเวลาตนจะดำเนินการเอง ไม่ต้องเป็นห่วง

“ธนกร” หยันให้มีสาระ ไม่ใช่มีแต่น้ำ

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านโหมโรงฉายหนังตัวอย่างกันอย่างเต็มที่ประเภทบู๊ล้างผลาญ ประกาศจะล้มรัฐบาลให้ได้ รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกประเด็น โดยเฉพาะนายกฯพร้อมมาก มั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดอะไร มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ส่วนเลขาธิการพรรคเพื่อไทยระบุวางตัว 15 ส.ส.อภิปรายแบบจัดหนัก ข้อมูลแน่น หลักฐานชัด ขอให้ข้อมูลแน่นจริง อย่าน้ำท่วมทุ่ง ขอให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ อย่าอภิปรายแบบสาระไม่มี หน้าตาดีไปวันๆ รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกประเด็น จะได้ให้ประชาชนรับทราบ และจะได้แสดงผลงานรัฐบาลไปด้วย

ต้องใช้ข้อมูลจริงอย่าแค่ตีหัวเข้าบ้าน

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชา-รัฐ กล่าวว่า จากผลสำรวจซูเปอร์โพล ประชาชนร้อยละ 86.3 เชื่อมั่นนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ เพราะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ นิด้าโพลเสียงส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจการดำเนินการของรัฐบาลตั้งแต่ ธ.ค.63-31 ม.ค.64 ในการป้องกันแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ ยิ่งทำให้ไม่ห่วงฝ่ายค้านจะอภิปราย แต่ซูเปอร์โพล ร้อยละ 98.3 มองฝ่ายค้านอภิปรายเพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าชาติ ร้อยละ 90.9 คาดหวังข้อมูลฝ่ายค้านจะน่าเชื่อถือ จึงอยากให้ตระหนักทำการบ้านรอบคอบรอบด้านไม่นำข้อมูลเลื่อนลอยมาพูดแล้วตีหัวเข้าบ้าน

ปชป.โว รมต.ไม่จำเป็นต้องกลัว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่มีอะไรน่ากังวล เพียงแต่ฝ่ายค้านต้องนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง ไม่อยากให้นำข้อมูลไม่ถูกต้องมาเชื่อมโยงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดเพราะจะเข้าตัวฝ่ายค้านได้รัฐมนตรีของพรรคพร้อมชี้แจงในทุกประเด็นชัดเจน ตรงไปตรงมา ยึดหลักความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ตั้ง สิ่งนี้จะเป็นเกราะคุ้มกัน ไม่ได้โกง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลหรือกลัว จะใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการทำงานที่เกิดผลสำเร็จนับไม่ถ้วน ผลสำเร็จทุกเรื่องประชาชนได้ประเทศได้ประโยชน์อย่างมากมาย

พท.ค้าน “ไพบูลย์” ชงตีความรื้อ รธน.

ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึง กรณีมีญัตติขอให้รัฐสภาลงมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐและนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะเข้าสู่ระเบียบที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 9 ก.พ. จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดหรือไม่ว่า ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่เห็นด้วย อยากให้สมาชิกรัฐสภารับฟังเหตุผลก่อนโหวต อย่าทำแบบพวกมากลากไป หากมีมติให้ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญจริง จะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลง จากเดิมมีไทม์ไลน์กำหนดไว้แน่นอน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม รับปากไว้ว่าจะให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เลื่อนไปมากแล้ว ไม่อยากให้สิ่งที่ประชาชนรอคอยทอดนานออกไปอีกอย่างไม่มีเหตุผล

ปชป.ไม่สนดันสุดลิ่มวาระ 2–3

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงถึงการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้มีความชัดเจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายประเด็น อาทิ ให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาแก้ไขวาระ 2-3 ส.ส.ร.จะมาจากการเลือกตั้งทั้ง 200 คน เราจะเดินหน้าผลักดันวาระที่ 2-3 ให้สำเร็จ กรณีนายไพบูลย์จะยื่นที่ประชุมร่วมรัฐสภาขอมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรคเราชัดเจนมาตั้งแต่ ส.ส. ของพรรคลงชื่อในญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่กังวล ยื่นหลังเสร็จสิ้นวาระ 3 ได้ เพราะรัฐธรรมนูญให้สิทธิเปิดช่องทางไว้อยู่แล้ว

“จุรินทร์” ระดมขุนพลใต้ดัน “พงศ์สินธุ์”

นายราเมศกล่าวว่า หัวหน้าพรรคได้เรียกประชุม ส.ส.และอดีต ส.ส.ภาคใต้พูดคุยกำหนดยุทธศาสตร์การหาเสียง กำชับยึดความสุจริต นำเสนอนโยบายและผลงานที่เกิดขึ้นประจักษ์แล้ว เชื่อว่าผลสำเร็จในการทำงานของพรรคจะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของพี่น้องในเขต 3 จ.นครศรีธรรมราช โดยส่วนตัวนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ จะได้เปรียบกว่าคนอื่น คลุกคลีอยู่กับประชาชนมาตลอด ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจทุ่มเท ถือว่าเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 3 ไว้วางใจให้เป็น ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช

พปชร.ไม่ส่งคนลง ลต.เทศบาล

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดให้มีการเลือกตั้งสภาเทศบาล นายกเทศมนตรี ขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.64 โดยกำหนดวันรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 8-12 ก.พ.64 พรรคพลังประชารัฐ มีมติไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง หรือสนับสนุนกลุ่มการเมือง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นตัวแทนในนามของพรรค เช่นเดียวกับที่ผ่านมาในการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยืนยันปฏิบัติตามมติของพรรคที่จะไม่ให้การสนับสนุน หรือช่วยเหลือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ในการเลือกตั้งท้องถิ่นในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ด้วยเช่นกัน

พท.ลุย “คิด เพื่อ ไทย” เพื่อดูแล ปชช.

เมื่อเวลา 10.05 น. ที่ห้องสมุด Think Lab ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการเปิดโครงการ “The Change maker คิด เพื่อ ไทย” มีแกนนำพรรคที่มีส่วนก่อตั้งและเป็นที่ปรึกษาโครงการ อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายภูมิธรรม เวชยชัย นางพวงเพ็ชร ชุณละเอียด ส.ส.คนรุ่นใหม่ พรรคเพื่อไทย อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ ที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่เข้าร่วมคับคั่ง โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า แม้รัฐธรรมนูญจะบีบให้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน แต่เราไม่ละทิ้งจุดยืนการดูแลประชาชน โครงการนี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด เพื่อไทยอยากดิสรัปตัวเอง เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง จะรวบรวมแนวคิดของคนรุ่นใหม่ ผนึกกำลังแนวคิด สิ่งต่างๆ ที่จะเดินไปพร้อมกับประชาชน เพื่อสร้างพลังในการสร้างความสำเร็จให้ประเทศชาติในอนาคต

ชวนร่วมคิด ร่วมทำ เปลี่ยนแปลง

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วิกฤติครั้งนี้เป็นการรวมทุกวิกฤติมารวมไว้ด้วยกัน เป็นมหาวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์ เราเจอ 5 วิกฤติในเวลาเดียวกันคือ วิกฤติการเมือง วิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติสังคม วิกฤติโรคระบาด วิกฤติจากการดิสรัปชันทางเทคโนโลยี ไม่รู้สึกว่าวันนี้มีความหวัง หากปล่อยให้คนกลุ่มเดิมๆทำหน้าที่ต่อไป ไม่อยากให้ทุกอย่างจมดิ่งมากกว่านี้ กระบวนการสร้างแพลตฟอร์มร่วมกันคิด ร่วมกันทำเป็นสิ่งสำคัญมาก อะไรต่างๆกำลังทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ การตัดสินใจร่วมคิด ร่วมทำ เปลี่ยนแปลงจะเป็นจุดหนึ่งของการก้าวกระโดด ต้องเร่งทำ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ในฐานะที่ปรึกษาโครงการกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีเบ้าหลอมมาจากพรรคไทยรักไทย ถือเป็นพรรคการเมืองครองใจประชาชนมาตลอด 20 ปี มีเคล็ดลับครองใจประชาชนคือ คน คิด เคลื่อน พรรคไทยรักไทย รวบรวมบุคคลที่มีความสามารถ ร่วมกันคิดเสนอนโยบาย แนวทางแก้ปัญหาที่ทำได้จริง คิดแนวทางการปฏิบัติไว้ถูกต้อง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่ พลังสร้างสรรค์สูงกว่า ผู้ใหญ่ต้องรับฟัง เราจะระดมคน ความคิด ความร่วมมือ ช่วยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน

จับคนรุ่นใหม่ร่วม ส.ส.ปั้นผลงาน

นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไทยและโครงการ The Change maker กล่าวว่าถึงเวลาที่เราทุกคนจะร่วมมือระดมสรรพกำลังหาแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ ปลุกความหวังคนในสังคมไทยให้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านแพลตฟอร์มทางการเมืองครั้งแรกของเมืองไทย ที่มีคนรุ่นใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเข้าร่วมผนึกกำลังกับพรรคที่มี ส.ส. นักการเมืองมากประสบการณ์ มาช่วยกันคิดสรรหานโยบายที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของยุคสมัย คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ 100 คน เข้าร่วมกระบวนการออกแบบนโยบายร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมลงพื้นที่จริงกับ ส.ส.ในพื้นที่ ร่วมสร้างสรรค์ผลงานจริงตั้งแต่เริ่มเสนอปัญหา ไปสู่โปรเจกต์ทดลองเพื่อแก้ปัญหาระดับชาติได้จริงในอนาคต โครงการ The Change Maker เปิดรับบุคคลทั่วไปที่สนใจสมัครเข้าร่วมได้ที่ช่องทาง Google Form ตั้งแต่วันที่ 7-28 ก.พ.ติดตามรายละเอียดการรับสมัครเพิ่มเติมและความคืบหน้าโครงการได้ที่ Facebook Instagram Twitter และ Telegram THINKPHEUTHAI

อดีตแกนนำ ทษช.แห่บริจาค พท.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ยอดเงินบริจาคพรรค การเมืองประจำเดือน พ.ย.และ ธ.ค.63 โดยเดือน พ.ย. ยอดบริจาคเดือน พ.ย.2563 พรรคเพื่อไทย 20 รายการรวม 23 ล้านบาท มาจากผู้บริจาคหลายกลุ่ม อาทิ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.พลังงาน รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 3 ล้านบาท นายพชร นริพทะพันธุ์ บุตรชาย และสมาชิกพรรคเพื่อไทย 4 ล้านบาท ยังพบกลุ่มบุคคลที่เคยเคลื่อนไหวกับพรรคไทยรักษาชาติร่วมบริจาคเงินให้เพื่อไทย อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย 2 ล้านบาท นายวราวุธ ยันต์เจริญ อดีตสมาชิก ทษช. อดีตที่ปรึกษา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม 1 ล้านบาท น.ส.จุฑารัตน์ เมนะเสวต 3 ล้านบาท นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตแกนนำพรรค ทษช. 1 ล้านบาท นายวีรภัทร พาสุนันท์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ทษช.บริจาค 5 แสนบาท เป็นต้น

โพลเชื่อแกนนำ รบ.แตกตัวตั้งพรรค

วันเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง การเมืองใหม่ กรณีศึกษา 1,622 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5-7 ก.พ. พบว่า ร้อยละ 91.8 สนับสนุนนายกรณ์ จาติกวณิช ออกจากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อทำการเมืองใหม่ ร้อยละ 91.5 สนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ออกจากประชาธิปัตย์ ร้อยละ 91.4 สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกจากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 90.7 สนับสนุนกลุ่มนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ออกจากพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 96.1 ระบุอีกไม่นานสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนจะลาออกมาเป็นแกนนำตั้งการเมืองใหม่ ขณะที่ร้อยละ 3.9 ระบุไม่ใช่