นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าเพื่อไทย รอด “คดีกบต้ม” อัยการสั่งไม่ฟ้อง ชี้ เตือนก่อน 3 ปี แต่ “ประยุทธ์” ไม่ฟัง เศรษฐกิจไทยจึงทรุดหนัก “เพื่อไทย” จ่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ แนะ เลิกใช้ ก.ม.ปิดปากประชาชน และปรับตัวเองก่อนหายนะ
วันที่ 5 ก.พ. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า วันนี้ผมได้รับหนังสือเลขที่ 0026.(12)3/169 ลงวันที่ 29 มกราคม 2564 จาก กองกำกับ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ลงนามโดย พันตำรวจเอกพิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผู้กำกับการ 3 บก. ปอท. แจ้งว่า พนักงานอัยการมีหนังสือที่ อส 0009.3/0171 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2563 มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผมในคดีอาญาเลขที่ 0051/2560 ที่ คสช. ฟ้องผม ในคดีที่รู้จักกันดีว่าคือคดี “กบต้ม” ที่เป็นทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่มีอยู่จริง แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ในขณะนั้น น่าจะไม่มีความรู้ จึงได้ให้คนมาฟ้องผม ซึ่งตอนที่ คสช. ฟ้องผมในเรื่องนี้นั้น ข่าวได้กระจายไปต่างประเทศ และทำให้ประเทศไทยถูกขบขันในเรื่องนี้อย่างมาก
"ผมต้องขอขอบคุณสำนักอัยการที่ให้ความเป็นธรรมกับผมอีกครั้ง หลังจากที่ได้สั่งไม่ฟ้องคดีรูปปกนิตยสารไทม์ และรูปการดูด ส.ส. 4.0 ที่สำนักอัยการ ได้สั่งไม่ฟ้องไปแล้วก่อนหน้านี้ เพราะคดีทั้งหมดน่าจะเป็นความพยายามที่จะให้ผมหยุดการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเท่านั้น และจะเป็นประวัติศาสตร์จารึกความพยายามของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่จะปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เพราะผมโดนเรียกทั้งหมด 12 หน เป็นการเรียกปรับทัศนคติ 8 หน เรียกดำเนินคดีอีก 4 หน" นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมต้องขอขอบคุณ คุณนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศ ที่ได้ช่วยเหลือว่าความแก้ต่างให้ในคดีต่างๆ ตลอดมา จนปัจจุบันผมไม่มีคดีใดๆ ค้างอยู่อีกต่อไปแล้ว หากจำกันได้ ผมได้เตือนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจไทยที่จะย่ำแย่มาตลอด และทฤษฎีกบต้มนี้ ผมเตือนมาตั้งแต่ปี 2560 หรือ กว่า 3 ปีที่แล้ว ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ จะเปิดใจรับฟัง และหาทางแก้ไขปรับปรุง เศรษฐกิจไทยคงไม่ย่ำแย่แบบนี้ เศรษฐกิจไทยทรุดหนักมาตลอดตั้งแต่มีการปฏิวัติ เหมือนที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า ไทยเป็นคนป่วยของเอเชียและจะป่วยหนัก ตั้งแต่ก่อนที่มีการระบาดของไวรัสโควิด และมาทรุดหนักหลังวิกฤติไวรัส ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอาการหนักยิ่งกว่ากบต้มเสียอีก คนกำลังลำบากกันอย่างแสนสาหัส SMEs เจ๊งกันมาก หนี้สินของประเทศและหนี้สินของประชาชนพุ่งกระฉูด การว่างงานเพิ่มขึ้นมาก และยังมีแนวโน้มที่จะแย่ลงอีกเรื่อยๆ เพราะพลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถพัฒนากรอบคิดให้ทันโลกได้ ขนาดสื่อหลักของญี่ปุ่นยังเตือนว่า เศรษฐกิจไทยจะแย่ต่อไปอีก 10 ปี ในบทความ “เศรษฐกิจไทย : หายนะแบบสโลโมชั่น” ซึ่งตรงกับ ทฤษฎีกบต้ม ที่ผมเตือนไว้ 3 ปีแล้ว โดยเรื่องการบริหารประเทศที่ล้มเหลวนี้ พรรคเพื่อไทย และฝ่ายค้านจะได้นำมาตีแผ่อภิปรายไม่ไว้วางใจให้ประชาชนได้ทราบในไม่ช้านี้
...
"จากที่ผมได้เตือนแล้วและเป็นจริงนี้ ผมอยากให้พลเอกประยุทธ์ ได้เรียนรู้และหัดรับฟังความคิดเห็นและคำแนะนำของคนกลุ่มต่างๆ โดยเลิกใช้กฏหมายเพื่อพยายามปิดปากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเลิกปิดปากนักศึกษาและเยาวชน และหัดรับฟังเพื่อนำมาปรับปรุงความคิดที่ล้าหลัง ตกยุคให้ทันสมัยขึ้น ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ความหายนะจริง ตามคำทำนาย ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ พัฒนาตัวเองไม่ได้และยังยึดติดกับกรอบคิดแบบเดิมๆ ก็ควรจะพิจารณาตัวเองลาออก อย่าได้เป็นสาเหตุของความหายนะให้กับประเทศอีกต่อไป" รองหัวหน้าเพื่อไทย กล่าว...