“อนุทิน” ย้ำชัด ภายในเดือน ก.พ.จะมีวัคซีนโควิด-19 ฉีดให้คนไทย และภายใน มิ.ย.วัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยจะสำเร็จ พร้อมฉีดให้คนไทยทุกคน ยัน ไม่ล่าช้าจนกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
วันที่ 4 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะนำมาใช้ในการการควบคุมโควิด-19 ว่า การควบคุมโรคระบาด หรือโรคติดต่อ ที่ได้ผลที่สุดก็คือ ต้องมีวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชน เพื่อส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งขณะนี้หลายๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทย กำลังเดินมาถึงจุดนี้ ยืนยันว่าเดือนมิถุนายนนี้ วัคซีนจากโรงงานในประเทศไทยจะถูกส่งไปฉีดให้แก่คนไทย ไม่ต้องรอวัคซีนจากต่างประเทศ ซึ่งไม่มีความแน่นอนเท่าวัคซีนจากโรงงานที่อยู่ในประเทศไทย
รองนายกฯและรมว.สธ. กล่าวต่อว่า ความมั่นคงด้านวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับทุกชาติในโลก หากเราจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติด้วยความปลอดภัย การที่เราสั่งซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ กับสั่งซื้อวัคซีนจากโรงงานในประเทศ สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้คือ การจัดหาวัคซีนให้แก่คนไทย และการสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนให้แก่ประเทศไทยในคราวเดียวกัน ซึ่งขอยืนยันว่าเป็นดีลที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
“ผมบอกได้เลยครับว่า รัฐบาลและภาคเอกชนทำงานกันหนักมาก จนเราได้เซ็นสัญญากับแอสตราเซเนกาเป็นสัญญาจัดซื้อวัคซีนราคาที่ต่ำที่สุด เท่าที่เราเจรจามากับผู้ผลิตหลายราย บวกกับการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเพื่อจำหน่ายในอาเซียน ซึ่งต้องถือเป็นความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศไทย ป้องกันการขาดแคลนวัคซีนในอนาคตได้ เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะมีการพัฒนาวัคซีนต่อๆ ไป ประเด็นนี้ถ้าเราตัดประเด็นการเมืองออกไป ควรจะต้องชื่นชมทีมสถาบันวัคซีน และอาจารย์แพทย์ทุกคนที่ช่วยกันผลักดันจนบรรลุผลเกิดเป็นสัญญาขึ้นมาได้” รองนายกฯ กล่าว
...
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า มีคำถามว่า ประเทศไทยรอวัคซีนแอสตราเซเนกาถึงเดือนมิถุนายนช้าเกินไปหรือไม่ และจะทำให้เราฟื้นฟูเศรษฐกิจช้าหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าไม่ช้า เพราะในช่วงที่เราเจรจาเรื่องวัคซีนเมื่อกลางปีที่แล้วเป็นช่วงเวลาที่การระบาดในประเทศไทยมีน้อยมาก เดือนมิถุนายนที่เราจะมีวัคซีนพร้อมสำหรับฉีดให้คนไทยเป็นวลาที่เหมาะสม คณะแพทย์ไม่ต้องการให้คนไทยเป็นชาติแรกๆ ที่ต้องใช้วัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งยังไม่มีผลการศึกษาที่สมบูรณ์ และมีผลข้างเคียงที่ไม่ชัดเจน
“ย้ำตรงนี้ครับ ฟังกันให้ชัดๆ ครับว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนกุมภาพันธ์จะมีวัคซีนมาประเทศไทย เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย ตามแผนการกระจายวัคซีน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดครับ วัคซีนทุกยี่ห้อ รวมทั้งที่ประเทศไทย จะนำมาใช้ทั้งซิโนแวค และแอสตราเซเนกา เป็นวัคซีนที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังไม่มีวัคซีนโควิด-19 ที่ซื้อขาย และใช้ในเชิงพาณิชย์ได้เหมือนวัคซีนทั่วไปที่เรารู้จักและคุ้นเคยหรือเคยใช้ โดยปกติการผลิตวัคซีนสำหรับโรคอุบัติใหม่ตัวหนึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีจึงจะนำมาขึ้นทะเบียนและใช้กันอย่างกว้างขวาง แต่วัคซีนโควิด-19 ใช้เวลาเพียง 8-9 เดือนก็นำมาใช้กับประชาชนแล้ว เป็นวัคซีนที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ใช้ได้อย่างมีเงื่อนไข และไม่รับรองผลใดๆ ทั้งสิ้นกับผู้รับวัคซีน บางรายอาจจะมีภูมิคุ้มกัน บางรายอาจจะไม่มี อาจจะมีผลข้างเคียงมากน้อยไม่เท่ากัน และบริษัทไม่รับผิดชอบต่อผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ในขณะที่ผู้ซื้อ และผู้รับวัคซีนต้องรายงานผลการฉีดวัคซีน และติดตามผลให้ผู้ผลิตทราบ” นายอนุทิน อธิบายชัด
ส่วนที่การสำรวจความต้องการในการฉีดวัคซีนของคนไทยในครั้งที่สอง มีคำตอบในเชิงที่คนไทยเริ่มลังเลในการฉีดวัคซีน และขอใช้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไทยจะตอบแบบนั้น และส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการให้ข้อมูลของแพทย์อย่างตรงไปตรงมาว่า วัคซีนที่ฉีดอยู่ในขณะนี้ยังไม่มีผลการศึกษาที่สมบูรณ์ และยังมีผลข้างเคียงที่ต้องระวังมากพอสมควร หลายคนที่เคยตอบว่า ฉีดแน่นอน ฉีดเร็วที่สุด ก็อาจจะกลับไปคิดใหม่ ทบทวนใหม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขพยายามที่จะพิจารณาคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคน.