การกลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่งในวันแรกของ พ.ศ.2564 ไม่มีเรื่องอื่นใดควรกล่าวขวัญถึงมากไปกว่าการทำงานของบุคคลที่สมควรยกย่องเป็นข้าราชการแห่งปี นั่นคือ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ทุ่มเททำงานในการป้องกันการลุกลามของ ไวรัส ตัวร้าย โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร หรือมหาชัย
เป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่าจังหวัดนี้เป็นแหล่งรวมของแรงงานชาวพม่าที่มารับจ้างทำงานอยู่เป็นแสนๆคน จะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่จุดระบาดหนนี้เริ่มต้นที่ ตลาดกุ้งสมุทรสาคร อย่างชัดเจน แล้วแพร่ขยายไปค่อนประเทศในเวลาไม่นานนัก จนนับเป็นวิกฤติโควิดรอบ 2 ข้ามปีมาจนถึงวันนี้
ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องรับผิดชอบกับความเป็นไปทุกอย่างในจังหวัด ผู้ว่าฯวีระศักดิ์ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างครบถ้วนบริบูรณ์แบบถึงลูกถึงคน
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือตัวท่านเองเลยพลอยติดเชื้อร้ายนี้เข้าไปด้วยจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการที่น่าเป็นห่วง
มาลองดูเส้นทางการทำงานของ ผู้ว่าฯนักสู้ ท่านนี้ จากเด็กอ่างทองเข้ามารับราชการในร่มเงาของมหาดไทย โดยเริ่มต้นที่ กรมการพัฒนาชุมชน ตำแหน่งสุดท้ายคือพัฒนาการ อำเภอป่าโมก อ่างทอง แล้วโอนมาอยู่กรมการปกครองเป็น ปลัดอำเภอ และขึ้นเป็น นายอำเภอ ครั้งแรกเมื่อปี 2544 นายอำเภอแม่วงก์ นครสวรรค์ จากนั้นวนเวียนรับราชการเป็นนายอำเภอในจังหวัดสุพรรณบุรีมาหลายแห่งเช่น เดิมบางนางบวช ศรีประจันต์ เมืองสุพรรณบุรี แล้วขึ้นเป็นปลัดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ที่สุพรรณบุรี
เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดครั้งแรกในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเมื่อปี 2559 อยู่ได้ 2 ปี ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ 1 ปี แล้วมาเป็นเจ้าเมืองสมุทรสาครเมื่อ 1 ตุลาคม 2562 รับศึกโควิด-19 รอบแรกมาได้ด้วยความเรียบร้อยจนถึงท้ายปี 2563 คราวนี้
โพสต์สุดท้ายก่อนเข้าโรงพยาบาลของ ผู้ว่าฯวีระศักดิ์ เปิดใจว่า “อีก 2 ปีเกษียณอายุราชการคงไม่มีใครอยากเกษียณพร้อมกับปัญหาคาราคาซังอยู่ ความมุ่งมั่นอย่างเดียว ณ ตอนนี้คือ ทำอย่างไรให้มหาชัย สมุทรสาคร กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม...ไล่ผมเถิดครับ ถ้ายังไม่มีคุณภาพแห่งการทำงานพอ”
นี่คือความสมควรในการเป็นข้าราชการแห่งปีของวีรบุรุษสมุทรสาคร.
“ซี.12”