นายกฯ ขอ ปชช.ร่วมรับผิดชอบสังคม สกัดโควิด-19 นำสู่ความสุขในปีใหม่ เผย รอฟังมาตรการจัดโซน จำกัดจำนวนคนเข้างานเคาต์ดาวน์ วอนอย่านำเรื่องอื่นมาเป็นปัญหา บอกเสียใจถ้าประเทศขัดแย้ง ประกาศพร้อมทำงานให้จนตาย
วันที่ 15 ธ.ค. ที่สถานีกลางบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้เข้มงวดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนก็ตาม แม้แต่ชายแดนเราก็ติดตามได้ ตรวจสอบ นำมารักษา ฉะนั้นไม่อยากให้ตื่นตระหนกกันมากนะ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรวมคนในพื้นที่แคบๆ ไม่มีระยะห่าง ไม่ใส่หน้ากาก สิ่งเหล่านี้อันตราย โดยเฉพาะการรวมคนจำนวนมากในพื้นที่จัดการละเล่นจัดการแสดงต่างๆ หากไม่ใส่หน้ากาก เป็นอันตรายที่สุด โอกาสแพร่เชื้อติดเชื้อมีมาก ตรงนี้ไม่ได้ขู่ใคร แต่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนั้นการจัดแสดงอะไรก็ตามที่มีคนหลายๆ จังหวัด ไปรวมกันเที่ยวตรงนั้น ถ้าเราไม่ควบคุมให้เข้มงวด จะเกิดปัญหา ถ้าเกิดโรคระบาดจากตรงนั้นแพร่ขึ้นมา ผู้ที่เข้าไปชมกี่จังหวัดที่ไป และต้องกลับจังหวัดของตัวเองที่เป็นภูมิลำเนา ก็จะนำการแพร่ระบาดกลับมาขยายต่อได้ นั่นแหละจะไปถึงที่เรียกว่าซุปเปอร์สเปรดเดอร์ แต่วันนี้ยังไปไม่ถึงตรงนั้น และตนก็ไม่อยากให้ถึงตรงนั้น ตนไม่อยากให้ทุกอย่างกลับไปล็อกดาวน์เหมือนเดิม ฉะนั้นอยู่ที่ความร่วมมือระหว่างกัน ถ้าพูดให้ร้ายกันไปมาก็มีปัญหา วันนี้โลกกำลังมีปัญหา เราต้องพยายามลดปัญหาให้มากที่สุด
...
นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นหมอ แพทย์ พยาบาล อาสาชายแดน ก็มีการจับกุม ต้องเสนอข่าวกันแบบนี้บ้าง ไม่ใช่ว่าจับกุมแล้วไปเสนอว่าต้องมีมากกว่านี้ เป็นการคิดต่อไปอีก ถ้าจับไป 30 คน ก็คิดว่าต้องมีมากกว่านี้ ถ้าเขาจับได้ 30 คน คือ 30 คน 50 คน คือ 50 คน ถ้าเขียนดักหน้าดักหลังคนทำงานก็มีปัญหา วันนี้ตนได้เพิ่มกำลังทหารชายแดนมากพอสมควร ตลอดเส้นทางทั้งโดรนและคน ลวดหนาม ลองคิดดูเขาทำงานหนักขนาดไหน ถ้าติติงกันเป็นเรื่องก็เป็นปัญหา เจ้าหน้าที่ก็หมดกำลังใจ แต่ตนก็ได้ให้กำลังใจหน้าที่ตลอดทุกเรื่อง การแก้ปัญหาส่วนราชการต่างๆ เขาทำอยู่ ข้าราชการทำอย่างหนัก ถ้าท่านพูดหรือเขียนดักหน้าดักหลังกันไปมา มันจะทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ถ้ามันจะเกิดมันก็เกิด แต่มันต้องแก้ไขให้ได้
"สิ่งสำคัญที่อยากจะเน้นช่วงต่อจากนี้ไป ช่วงต่อไปนี้กำลังจะเดินหน้าเข้าสู่ปีใหม่ของเรา ปีแห่งความสุข เราไม่อยากให้กลับไปสู่ความทุกข์แบบเดิม คือ ล็อกดาวน์ ฉะนั้นเราต้องช่วยกันรักษาระยะห่าง กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากาก ต้องเตือนกัน หลายคนกลัวแต่บางคนไม่กลัว เพราะเห็นว่าไม่ติดเลยไม่กลัว แต่มันเกิดขึ้นได้ทุกโอกาส ต้องระวังอย่างที่สุด งานปีใหม่กำลังให้พิจารณาอยู่ว่าจะจัดกันอย่างไร จัดในพื้นที่ที่เป็นฟอรั่ม หรือเป็นโซนได้หรือไม่ ให้คนจำนวนน้อยมาในพื้นที่ไม่ใช่เข้ามาแออัดกัน 30,000 คน ในพื้นที่เดียวกัน มันตามอะไรไม่ได้ ตอนนี้กำลังให้วางแผนทั้งกรุงเทพมหานคร และท้องถิ่น จึงอยากกราบเรียนให้ผู้ที่จัดงานได้รับทราบ ว่าจะแบ่งพื้นที่เป็นหลายโซนด้วยกัน จะต้องมีมาตรการที่รัดกุมในการตรวจคนเข้าออก รวมถึงปริมาณคนที่เข้าไปได้ จะต้องมีการติดตามได้ทางโทรศัพท์ หากเกิดตรงไหนจะได้ตามตัวถูกและแก้ปัญหาได้ ช่วงที่ผ่านมาทำดีแล้วต้องขอบคุณประชาชนโดยทั่วไป และส่วนราชการถ้าไม่ร่วมมือกันมาตั้งแต่ต้นวันนี้ไม่เป็นอย่างนี้ มันจะหนักกว่านี้ นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องเข้มงวด จำเป็นต้องมีพระราชกำหนดออกมาเพื่ออะไรเข้าใจหรือยัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เลย แต่เป็นเรื่องสุขภาพของพวกท่านทั้งสิ้น ฉะนั้นขอให้แยกแยะให้ออก" นายกฯ กล่าว...
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งตนเคยบอกไปแล้ว มี 3 รั้วด้วยกัน รั้วแรกคือแนวชายแดนทหารทั้งทางบกทางน้ำ และใช้โดรน ส่วนแนวที่ 2 พื้นที่ชั้นในตอนใน จังหวัดต่างๆ ได้มีมาตรการคัดกรองของพื้นที่ ตามหลักสาธารณสุข และแนวที่ 3 คือ ท้องถิ่น ชุมชน แม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็มีการเฝ้าระวัง ดูว่ามีใครผิดปกติเข้ามา และมีความเสี่ยงแค่ไหน มาจากที่ไหนหรือหายไปนานแล้วกลับมาภูมิลำเนา ได้รับการตรวจสอบหรือไม่ หรือเข้ามาช่องทางที่ผิดหรือเปล่า ซึ่งตัวท่านเองรู้ดีจะต้องรับผิดชอบสังคมด้วย สังคมถึงจะปลอดภัย
"วันนี้ผมอยากให้การเดินหน้าไปสู่ปีใหม่ของเราเต็มไปด้วยความสุข ประชาชนมีความสุข รัฐบาล และผมก็มีความสุข ถ้าประชาชนมีความทุกข์ รัฐบาลและผมทุกข์ยิ่งกว่า ขอให้จำคำพูดผมไว้ ผมทำทุกอย่าง ฉะนั้นกรุณาช่วยกันบ้าง สร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงโครงการคนละครึ่งด้วยว่า ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาโควิดได้ จ่ายเงินคนละครึ่งอะไรทำนองนี้ ถ้าเราไม่ทำมาก่อนก็คงไม่มี รัฐบาลคิดทำมานานแล้ว วันนี้ต้องมีคนทำให้ ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพิ่มรายได้ให้คนรุ่นใหม่ มันต้องมีคนทำให้ อยู่ดีๆรุ่นใหม่จะเริ่มเองทั้งหมดไม่ได้ เพราะเราอยู่ร่วมกันกับคนหลายวัย ดังนั้นต่างคนก็ต่างเสริมกันเข้ามา ความสงบสุข ความรักความสามัคคีสำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยในเวลานี้ และผมคาดหวังว่าในปีหน้า ถ้าวัคซีนสำเร็จจริง โดยที่เราไม่ไปซุปเปอร์สเปรดเดอร์ก่อน เราน่าจะเป็นประเทศที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเพื่อน เพราะเราเตรียมความพร้อมไว้หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งต้องยอมรับว่าลดจำนวนลงหลายประเทศ แต่ตอนนี้รัฐบาลจะสนับสนุนท่องเที่ยวให้ต่างประเทศเข้ามาคงยาก เพราะเปิดอย่างไรเขาก็ไม่เข้ามา ถ้าจะมาก็ 8 ล้านคนไม่เกิน 10 ล้านคน ซึ่งเดิมมี 40 ล้านคน ตนเปิดให้เขามาเขาก็ยังไม่มา เพราะต้องเจอกักตัว 14 วัน ซึ่งจำนวนวันนี้เป็นเรื่องของสาธารณสุขพิจารณาบนความไม่เสี่ยง เรียกว่าเราต้องเลี้ยงตัวเองให้ได้ในช่วงนี้ ถ้าล้มก็ประคองอย่าให้ล้มหัวทิ่มหัวตำ ประคับประคองให้ยืนขึ้นลุกให้ไว และเดินหน้าให้เร็ว เพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปในช่วงโควิด อย่าให้เรื่องอื่นมาเป็นปัญหากับรัฐบาลหรือประชาชน
“ผมไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันเพราะยิ่งขัดแย้ง ประเทศชาติก็จะยิ่งเสียโอกาส ผมเองก็เสียใจ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือเราต้องรวมใจ ไทยสร้างชาติให้ได้ ไปในทิศทางที่ลดความขัดแย้ง เข้าไปสู่ความสงบเรียบร้อยให้ได้โดยเร็ว อีกทั้งต้องเคารพกฎหมาย ผมขอแค่นั้น ผมทำงานให้ท่านจนตาย ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในตำแหน่งจนตาย แต่พร้อมทุ่มเท วันนี้ทุกคนทุ่มเทให้กับพวกท่านทั้งหมด ก็ขอให้ใจกับเขาสักหน่อย ของผมไม่ต้องให้ก็ได้ เพราะอย่างไรผมก็ให้กับพวกท่านอยู่แล้ว ผมอาจจะเป็นเป้าใหญ่ไปหน่อย" นายกฯ กล่าว