“พล.อ.ประวิตร” ห่วงเกษตรกรและผู้ยากจนทั่วประเทศ สั่งการช่วยเหลือที่ดินทำกิน และป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดิน เผยผลดำเนินงาน บจธ. ตลอด 5 ปี แก้ไขปัญหาไปแล้วกว่า 1,300 ครัวเรือน
วันที่ 13 ธ.ค. 2563 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล บจธ. มีความเป็นห่วงความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้มอบนโยบายสู่การปฏิบัติแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2563 ให้มีการบูรณาการการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินร่วมกับ บจธ. โดยใช้ช่องทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและศูนย์ดำรงธรรมอำเภอรวบรวมข้อมูลการขอความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินและผู้ที่กำลังจะสูญเสียสิทธิในที่ดิน ส่งข้อมูลให้ บจธ.ไปดำเนินการตามหลักเกณฑ์ โดยตนเองและผู้บริหาร บจธ.ได้ประชุมชี้แจงภารกิจการให้ความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินและการป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดินให้เกษตรกรและผู้ยากจนทั่วประเทศ โดยก่อนหน้านี้มีประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานแล้ว 20 จังหวัด และช่วงเดือน ต.ค. - ธ.ค. ได้ลงพื้นที่ชี้แจงภารกิจร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ภาคกลางทุกพื้นที่แล้ว

...
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า ความคืบหน้าในการลงพื้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มอบหมายสั่งการให้หัวหน้าส่วนราชการส่งข้อมูลให้ บจธ. ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2563 ขณะที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มอบหมายให้ปฏิรูปที่ดินส่งข้อมูลประชาชนมาลงทะเบียนขอความช่วยเหลือที่ดินทำกินประมาณ 1,800 คน ให้กับ บจธ. เช่นเดียวกับที่จังหวัดราชบุรี ที่สภาเกษตรกรจังหวัดราชบุรีแจ้งว่ามีข้อมูลประชาชนที่ขึ้นทะเบียนขอสนับสนุนที่ดินทำกินกว่า 3,000 คน จะนำส่งให้ บจธ. และปฏิรูปที่ดินจังหวัดชลบุรี แจ้งว่า ชลบุรีมีที่ดิน ส.ป.ก. 500,000 กว่าไร่ และพื้นที่ คทช. อีก 2 แปลง บางส่วนจัดสรรให้ประชาชนไปแล้ว แต่ยังมีอีก 300 กว่าคนที่ยื่นขอมีที่ดินทำกินไว้ ก็จะส่งให้ บจธ.พิจารณาช่วยเหลือเช่นกัน ส่วนการลงพื้นที่ชี้แจงภารกิจที่จังหวัดลพบุรี ปรากฏว่ามีสมาชิกองค์กรเกษตรกรไทยฟู 856 คน จาก 4 อำเภอ คือ โคกสำโรง หนองม่วง สระโบสถ์ และบ้านหมี่ กำลังประสบปัญหาไม่มีที่ดินทำกิน ต้องทำกินในที่ดินราชพัสดุและเช่าที่เอกชน ได้ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือมายัง บจธ. โดยยอมรับว่าสาเหตุหลักที่ทำให้สมาชิกไม่มีที่ดินทำกิน เนื่องจากส่วนใหญ่เคยมีที่ดินของตัวเอง แต่ประสบปัญหาทำการเกษตรขาดทุน ทั้งจากราคาผลผลิตตกต่ำ การกู้ยืมเงินจากนายทุนมาลงทุน รวมทั้งปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ผลผลิตเสียหายจนสิ้นเนื้อประดาตัวและสูญเสียที่ดิน โดยมีชาวบ้าน 800 กว่าคน จาก 4 อำเภอ รวมความต้องการที่ดินทำกินจริงๆ ประมาณ 2,156 ไร่ กระจายใน 4 อำเภอ

ทางด้าน นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนกลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินเข้ารับฟังข้อมูลและภารกิจของ บจธ.ด้วย เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีมีโครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนที่ บจธ.สนับสนุน คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนา ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 77 ไร่ มีผู้เข้าทำประโยชน์ 26 ครัวเรือน ในรูปแบบการเช่า ซึ่ง นายวิเชียรยุติ จันทร์เขียว ที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนาฯ ยืนยันว่าได้รับการสนับสนุนที่ดินจาก บจธ. และมีการเข้าทำประโยชน์ประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ทั้งสร้างแหล่งน้ำ ปลูกพืชผัก และมีการพัฒนาแหล่งน้ำครบทุกแปลงแล้ว รวมถึงการปลูกพืชอายุสั้น ไม้ยืนต้น และที่อยู่อาศัย
ขณะที่ นายกุลพัชร ภูมิใจอวด รองผู้อำนวยการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ บจธ. ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ บจธ. ตลอดระยะเวลา 5 ปี จนถึงปี 2563 ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้เกษตรกรไปแล้ว 1,369 ครัวเรือน รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมด 5,066 ไร่.
