ปลอดโควิด-19-ปลอดการเมืองล้วนเสริมสุขให้คนไทยก่อนที่จะก้าวย่างไปสู่ปีใหม่ แม้ยังคาดการณ์ไม่ได้จะเป็นยังไงต่อไป แต่เชื่อเถอะว่า...จะฟันฝ่าเอาชนะให้ผ่านพ้นไปได้
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้อีกไม่กี่วันก็จะผ่านพ้นจากปี 2563 ไปสู่ปี 2564 เริ่มต้นปีใหม่หลังจากต้องเผชิญทุกข์มา 1 ปีเต็มๆ
หนักหนาสากรรจ์แบบ “พูดไม่ได้ร่ำไห้มิออก”
แต่ยังดีกว่าทุกข์ของนักการเมืองคนหนึ่งที่อยู่ในอกได้แต่กรอกตาไปมาด้วยคำพูดสั้นๆแค่นั้น “กูพูดไม่ได้”...
“ปลอดโควิด-19-ปลอดการเมือง” ถือเป็นโชคดีท้ายปีท่ีจะได้ฉลองปีใหม่กันได้อย่างปลอดโปร่งโล่งใจ
ประกาศออกมาแล้วจะหยุดเคลื่อนไหวการเมืองชั่วคราว ปีหน้าค่อยมาว่ากันใหม่
“โควิด-19” มาท้ายปีแต่ยังเชื่อมือสาธารณสุขไทยเอาอยู่แน่
ยังไงเสีย ชีวิตผ่านพ้นมาได้อย่างอยู่รอดปลอดภัยก็ถือว่าโชคดีแล้ว ปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยมาว่ากันอีกที
แต่ที่แน่ๆคนโชคดีที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่ฝ่าดงการเมืองมาได้แบบเฉียดอยู่เฉียดไปเหมือนกัน
ยังได้เห็นหน้าเห็นตากันอีกจะเบื่อกันแค่ไหนก็ทนอดอดทนกันต่อไป
ทว่าในความเป็นผู้นำประเทศในปีต่อไปนั้นคงไม่ใช่ผ่านไปได้ง่ายๆเพราะยังมีอะไรที่ “สั่งสม” เอาไว้อีกเพียบ
ที่จะต้องโชว์ผลงานสร้างความแตกต่างใหม่ให้ปรากฏอาศัย “กินบุญเก่า” อย่างเดียวไม่ได้แล้ว...นี่พูดกันซีเรียสบนพื้นฐานที่เป็นจริง
ถ้าประชาชนไม่มีความสุขแล้ว... อะไรก็เกิดได้ทั้งนั้น
ไม่ว่าใคร ฝ่ายไหนก็ตาม
ปฏิทินการเมืองอย่างหนึ่งที่จะเป็นตัวแปรสำคัญคือผลการเลือกตั้งนายก อบจ. และ อบจ.ในวันที่ 20 ธ.ค.63
...
พอจะจับเป็นทิศทางการเมืองในอนาคตต่อไปได้อย่างหนึ่ง
ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ยังเป็นการบ้านที่รอการจัดการว่าจะลงเอยหรือจบแต่ไม่จบอย่างไรยังเป็นเงื่อนไขสำคัญเช่นกัน
แต่พอจะวัดได้จากอารมณ์ความรู้สึกของสังคมที่คงจะเบื่อหน่ายต่อสภาพที่เกิดขึ้นมานานพอสมควร
ไม่จบไม่สิ้นกันเสียที
จนพอจะเป็นดัชนีบ่งบอกถึงทิศทางประเทศจะเป็นไปเช่นไรได้
พวกเขาคงต้องออกมาเคลื่อนไหวแก้ไขด้วยมือของเขาเองแล้ว เพราะปล่อยเอาไว้อย่างนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ที่สำคัญก็คือไม่มีใครจะช่วยได้ถ้าไม่ช่วยตัวเอง
ถ้าประเทศคือประชาชน ประชาชนคือประเทศ
ประชาธิปไตยจริง ประชาธิปไตยปลอม...อย่างไหนก็ตามหากไม่สามารถสนองสุขให้คนส่วนใหญ่ได้
ก็ไปไม่รอดทั้งนั้น
แต่ที่แน่นอนในความเปลี่ยนแปลงของสังคมแบบท้าทายที่เกิดขึ้นนั้นล้วนสะท้อนปัญหากองใหญ่ของประเทศ
เป็นความจริงที่ต้องแก้ไขอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อยู่ที่ว่าจะแก้ไขกันอย่างไร วิธีไหนเพื่อจะได้อยู่ร่วมกันต่อไป หากตรงจุดตรงประเด็นอย่างเข้าใจปัญหาด้วยบริบทเดียวกัน
คงไม่ใช่แค่ปรองดองสมานฉันท์กันอย่างหลวมๆเฉพาะหน้า
แต่มันหมายถึงอนาคตที่ดีในความเป็นคนไทยและประเทศไทย!!!
“ลิขิต จงสกุล”