“วิษณุ” เมินฝ่ายค้านเล่นไม่เลิก ลั่นใครจะไปร้องสอบต่อก็ช่าง ยันฝ่ายรัฐบาลถือว่าคดีนายกฯอยู่บ้านหลวงจบแล้ว เคลียร์อีกขั้นระเบียบ ทบ.มีกฎหมายรองรับ แต่เป็นเรื่องภายในไม่จำเป็นต้องลงราชกิจจานุเบกษา การันตี “บิ๊กตู่” รับสิทธิประโยชน์ตามระเบียบไม่ใช่กรณีพิเศษ เทียบเคียง “ป๋าเปรม” เป็นอดีต ผบ.ทบ.ก็อยู่บ้านสี่เสาเทเวศร์ได้ เป็นสิทธิขาด ผบ.ทบ.อนุมัติให้อดีต ผบ.ทบ.ที่ทำคุณงามความดีให้กองทัพ “เรืองไกร” จวกพูดให้ชัดยึด ก.ม.ฉบับไหน อย่าโบ้ย ทบ. จ่อหาช่องยื่น ป.ป.ช.เล่นงานตุลาการศาล รธน. ยกระเบียบ ทบ.มาหักล้าง รธน. “ประเสริฐ” ขอเช็กข้อกฎหมาย ถ้าเข้าข่ายลากขึ้นเขียงซักฟอก พท.ตั้ง กก.การเมือง “ชัยเกษม” คุมทีม แทนชุดยุทธศาสตร์ “เจ๊หน่อย” “ครูใหญ่” พาราษฎรขอนแก่นออนทัวร์ขยายแนวร่วม ขู่ผู้กุมอำนาจเตรียมรับศึกใหญ่ไว้เลย

จากกรณีฝ่ายค้านเดินหน้าตรวจสอบหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่มีความผิดกรณีอยู่บ้านพักกองทัพบก ไม่เข้าข่ายการมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือขัดกันแห่งผลประโยชน์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถือว่าจบแล้ว โดยเทียบเคียงว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้รับสิทธิประโยชน์ตามระเบียบ ทบ. เช่นเดียวกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ที่อยู่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์

...

“วิษณุ” ลั่น รบ.จบบ้านหลวงร้องต่อก็ช่าง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่มีความผิดกรณีอยู่บ้านพักหลวง โดยยกระเบียบกองทัพบกเป็นเหตุผลทั้งที่ไม่มีกฎหมายรองรับว่าเรื่องนี้เมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาถือว่าจบแล้ว แต่ใครจะร้องก็เป็นสิทธิที่ทำได้ ร้องไปยังกรรมาธิการจะรับเรื่องหรือไม่ต้องไปถามกรรมาธิการ จะไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้หรือไม่ไม่มีความเห็น เราเป็นผู้ต้องหาเป็นจำเลย จะบอกว่ายกฟ้องแล้วไม่จบคงเป็นจำเลยที่แปลก แต่ถ้าโจทก์ร้องว่าผิด ศาลบอกยกฟ้องไม่ผิดโจทก์บอกไม่จบก็อุทธรณ์ฎีกาได้ บังเอิญว่าคดีนี้ไม่มีอุทธรณ์ฎีกา เมื่อไม่จบจะไปอย่างไรก็ช่างคุณ

ระเบียบภายใน ทบ.ไม่ต้องลงราชกิจจา

เมื่อถามว่าระเบียบกองทัพบกไม่มีกฎหมายรองรับจริงหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า มีกฎหมายรองรับแต่ให้ไปถามรายละเอียดที่กองทัพบก อีกทั้งระเบียบดังกล่าวไม่จำเป็นต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะเป็นระเบียบภายในที่ออกมาตั้งแต่ปี 2548 ที่มีอำนาจจัดสวัสดิการภายใน เมื่อถามย้ำว่าประเด็นนี้ในมุมของรัฐบาลถือว่าสะเด็ดน้ำใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วมีผลผูกมัดทุกองค์กรทั้งปวงต้องตอบว่าจบ ใครที่เห็นว่าไม่จบจะไปร้องต่อก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนจะรับหรือไม่รับ แล้วทำอย่างไรต่อก็แล้วแต่ ถือเป็นเรื่องสำคัญ จะรายงานสภาฯ จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะส่งให้ ป.ป.ช. หรือจะส่งศาลหรือจะทำอย่างไรก็แล้วแต่

รับประโยชน์ตามระเบียบไม่ใช่กรณีพิเศษ

นายวิษณุกล่าวอีกว่า ข้อสังเกตว่าการยกระเบียบกองทัพบกบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความผิด ทำให้ระเบียบใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ศาลไม่เคยบอกว่าอะไรสูงกว่า คำตอบมีชัดทั้งหมดหากไปอ่านคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ เริ่มต้นเขาร้องว่าผิดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 184 (3) ที่ระบุว่าไม่ให้รับเงินหรือสิทธิใดๆจากหน่วยงานของรัฐเป็นกรณีพิเศษ เว้นแต่จะเป็นการรับซึ่งหน่วยงานนั้น ได้ปฏิบัติต่อบุคคลทั่วไปในธุรกิจการงานปกติ ถ้าเริ่มต้นด้วยการรับอะไรที่ไม่พิเศษก็รับได้ รับตามระเบียบ แต่ระเบียบนั้นมาตรา 184 (3) อนุญาตให้ออก ดังนั้น อะไรที่เป็นกรณีพิเศษต้องดูเป็นเรื่องๆไป เมื่อมีการออกระเบียบให้ทำได้มันก็ไม่ใช่กรณีพิเศษ เฉกเช่นทำไมนายกฯไปอยู่บ้านพิษณุโลกได้ ถือเป็นการรับสิทธิประโยชน์จากส่วนราชการไม่ใช่หรือ คำตอบก็คือไม่ใช่กรณีพิเศษ ใครเป็นนายกฯอยู่ได้ทุกคน ใครเป็นรัฐมนตรีได้รับเงินเดือนทุกคน การเข้าอยู่บ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน

ยกได้สิทธิอดีต ผบ.ทบ. เช่น “ป๋า” บ้านสี่เสา

“แต่หากอ้างว่าเป็นนายกฯอยู่บ้านพิษณุโลกได้แต่อยู่บ้านพักทหารไม่ได้เพราะนายกฯคนอื่นไม่มีสิทธิอยู่บ้านพักทหาร แต่ระเบียบกองทัพบกให้สิทธิอดีต ผบ.ทบ. ที่ทำคุณประโยชน์อยู่ก็เหมือนกับการให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี อดีต ผบ.ทบ. ก็อยู่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ได้ และอดีต ผบ.ทบ.หลายคนอยู่บ้านเกษะโกมลได้” นายวิษณุกล่าว

ผบ.ทบ. มีสิทธิให้อดีต ผบ.ทบ. ใช้บ้านพัก

นายวิษณุกล่าวต่อว่า คำว่าบ้านหลวงของทหารต่างจากข้าราชการทั่วไป หลายคนอาจไม่เข้าใจ แบ่งเป็น 2 ประเภท ไม่ได้เพิ่งมีความหมายตอน พล.อ.ประยุทธ์ถูกฟ้องมีมาตั้งแต่ปี 2548 แบ่งเป็นบ้านพัก กรมสวัสดิการทหารบกดูแล มีสิทธิให้ข้าราชการเข้าอยู่ได้ ออกค่าน้ำค่าไฟเองเมื่อพ้นจากตำแหน่งต้องย้ายออก และบ้านรับรองหรือบ้านพักรับรองที่ไม่ระบุระยะเวลาที่ต้องออก คล้ายบ้านพักประจำตำแหน่ง ไม่อยู่ในอำนาจกรมสวัสดิการกองทัพบก แต่อยู่ในอำนาจ ผบ.ทบ.คนเดียวเท่านั้นและให้ได้เฉพาะ ผบ.ทบ. หรืออดีต ผบ.ทบ. ต้องทำคุณงามความดีให้กับกองทัพบก แต่หากเป็น ผบ.ทบ. และอดีต ผบ.ทบ.ที่ไม่ทำคุณงามความดีให้กองทัพบกเขาก็ไม่ให้อยู่ เมื่อ ผบ.ทบ. อนุญาตแล้วก็เป็นบ้านรับรองจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ จัดสิทธิประโยชน์ค่าน้ำค่าไฟ ยาม และสิ่งอื่นให้” นายวิษณุกล่าว

“เรืองไกร” โต้ “วิษณุ” พูดให้ชัดอย่าโบ้ย ทบ.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุประเด็นบ้านพักหลวงจบแล้วว่า ถ้าคิดแบบนายวิษณุ อ้างใช้ดุลพินิจและข้อยกเว้นตามระเบียบมาเลี่ยงรัฐธรรมนูญ หลักการแบบนี้ประชาชนคงไม่รับ สิ่งที่ตั้งคำถามไปยัง กมธ.ป.ป.ช. คือระเบียบกองทัพบกออกด้วยกฎหมายใด แล้วมีอะไรรองรับ ระเบียบจะมาใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญได้อย่างไร ถ้านายวิษณุบอกว่าเรื่องนี้จบแล้วต้องตอบให้ชัดว่ามีกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ให้ไปถามรายละเอียดกับกองทัพบก และที่ว่าจบนั้นหมายรวมถึงความผิดอาญาของศาลยุติธรรมด้วยหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแค่เรื่องข้อกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญทุกอย่างก็จบ

จ่อหาช่องยื่น ป.ป.ช.สอยศาล รธน.

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีประเด็นข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องด้วย เคยมีคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วยังต้องไปเป็นคดีที่ศาลอาญา เช่น คดี อ.247/2561 ที่อัยการฟ้องแกนนำ กปปส. อยู่ และแม้คำวินิจฉัยจะผูกพันทุกองค์กร แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ถูกตรวจสอบได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) ให้อำนาจ ป.ป.ช.ตรวจสอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกรณีร่ำรวยผิดปกติทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้ กรณีศาลรัฐธรรมนูญยกระเบียบ กองทัพบกมาหักล้างรัฐธรรมนูญอาจเป็นประเด็นที่จะนำเรื่องร้องต่อ ป.ป.ช.ได้ กำลังดูรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งก่อนตัดสินใจยื่นร้อง ป.ป.ช.ไต่สวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเร็วๆนี้

พท. เช็กระเบียบ ทบ.ถ้าเข้าข่ายถูกซักฟอก

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตรวจสอบประเด็นบ้านพักหลวงในค่ายทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ ว่าต้องนำข้อมูลประเด็นระเบียบกองทัพบกที่มีการร้องอยู่ไปตรวจสอบให้ชัดเจน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าเข้าข่ายผิดกฎหมายจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การประชุมสภาฯสมัยนี้ยื่นญัตติได้ถึงเดือน ก.พ. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล มีผู้ให้ข้อมูลการใช้งบฯไม่ชอบมาพากลพอสมควร หากได้รายละเอียดครบถ้วนจะนำไปซักฟอกรัฐบาลในสภา ขออุบไว้ก่อนใกล้ถึงเวลาอภิปรายจะเปิดเผย รับรองฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ดทั้งของนายกฯและรัฐมนตรีอื่นๆ

จี้สำนึกนายกฯรีบย้ายพ้นบ้านหลวง

นายประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทยและอดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้ไปต่อ แต่ก่อนอื่นควรแสดงสปิริตรีบย้ายออกจากบ้านพักดังกล่าว เพราะยังมีข้อครหามากมาย คนยังคาใจที่สำคัญเบียดเบียนทหาร ข้าราชการชั้นผู้น้อย ควรเป็นผู้ที่ได้พักในบ้านพื้นที่ทหารมากกว่า คนเป็นนายกฯ ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบและจริยธรรม จากนั้นขอให้รีบสะสางปัญหาบ้านเมือง วันนี้ความแตกแยกร้าวลึกไปถึงสถาบันครอบครัว พ่อแม่ลูกปู่ย่าหลานเหลน เนื่องจากความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน ทั้งหมดล้วนเป็นผลสืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับเลวร้ายที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ร่างขึ้นมา

ประชดรีดภาษีสร้างบ้านให้คนดีอยู่

“น่าสนใจประเด็นที่ว่าคนที่สร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง อยู่บ้านพักรับรองได้ กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์สร้างบรรทัดฐานให้คนที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ต่อไป ผวจ.อยู่จวน ผวจ.ได้ต่อไปเรื่อยๆ ผู้พิพากษาก็ต้องอยู่ต่อ ผู้การตำรวจก็ใช่ ปลัดกระทรวง กำนัน นายก อบจ. อบต. คนเหล่านี้สร้างประโยชน์ทั้งนั้น ต่อไปต้องตั้งงบฯมาสร้างบ้านกันยกใหญ่ บ้านพักเต็มเมืองเปลืองภาษีประชาชน” นายประชากล่าว

ส.ส.-ส.ว.109 คนแปรญัตติร่าง รธน.

เมื่อเวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. แถลงว่า กมธ.เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 1 ว่าด้วยชื่อรัฐธรรมนูญ และมาตรา 2 ว่าด้วยการกำหนดให้รัฐธรรมนูญให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ มีสมาชิกรัฐสภาเสนอแปรญัตติขอแก้ไขเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ มีจำนวนผู้แปรญัตติ 109 คน แบ่งเป็น ส.ว. 8 คน และ ส.ส. 101 คน จากนี้ฝ่ายเลขานุการจะเชิญผู้ขอแปรญัตติชี้แจง กมธ.ต่อไป หากยังติดใจ ประสงค์จะนำไปอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาก็ทำได้

ฝ่ายค้านไม่ส่ง 2 ตัวแทนสมานฉันท์

ที่พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการส่งตัวแทน 2 คนเป็นกรรมการสมานฉันท์ว่า ฝ่ายค้านหารือกันแล้วมีมติไม่ส่งตัวแทนไปร่วมกรรมการชุดดังกล่าว เพราะดูองค์ประกอบคณะกรรมการแล้ว ยังไม่มีความเป็นกลางเพียงพอที่จะเข้าไปร่วม อีกทั้งคู่ขัดแย้งหลักปฏิเสธเข้าร่วมกับกรรมการชุดดังกล่าว ทำให้ไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะจบได้ ฝ่ายค้านจึงไม่ร่วมสังฆกรรม

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคเพื่อไทยได้ติดตามอย่างใกล้ชิด มี ส.ส.เพื่อไทยแปรญัตติ 37 คน ในประเด็นสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และไม่ทิ้งประเด็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ ที่มีหลักการสอดคล้องกัน ส่วน พ.ร.บ.ประชามติจะติดตามใกล้ชิด

“สิระ” เชิญแกนนำ–ผบ.ตร.ถกแก้ม็อบ

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะ กมธ.วันที่ 9 ธ.ค. จะเชิญตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมมาให้ข้อมูล อาทิ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายอานนท์ นำภา รวมไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาพูดคุยทำความเข้าใจ ร่วมกันหาทางออกประเทศ การชุมนุมแม้จะใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมายแต่เป็นการละเมิดกฎหมาย

ชุมนุมย่าน ศก.เรียกรับประโยชน์หรือไม่

“วันนี้ผู้ชุมนุมไม่ใช่นักศึกษาแล้ว มีแต่คนเสื้อแดงเป็นส่วนใหญ่ที่หวังผลแต่เรื่องการเมืองเป็นหลัก และข้องใจชุมนุมย่านธุรกิจเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ จึงขอให้หยุดได้แล้ว เพราะประชาชนเดือดร้อน ที่สำคัญเลิกชุมนุมในย่านธุรกิจได้แล้วควรชุมนุมบนพื้นฐานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผมสงสัยว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นนี้ มีการต่อรองเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ เพราะการชุมนุมที่ราชประสงค์และแยกลาดพร้าวเป็นย่านธุรกิจไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงสงสัยว่าการชุมนุมแต่ละครั้งต้องใช้งบฯเท่าไหร่ และถ้าอยากให้นายกฯลาออก ก็เอาหลักฐานการทุจริตของนายกฯมาให้ผมจะจัดการเอง ถามว่าวันนี้ชุมนุมมาหลายเดือนแล้ว มีหลักฐานหรือไม่ว่านายกฯทุจริตอย่างไร ถ้าไม่มีหลักฐานก็เลิกชุมนุมได้แล้วหรือเรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภาดำเนินการแล้ว แต่กลับมีกระบวนการจาบจ้วงสถาบันฯทุกวัน ขอร้องให้ตำรวจต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง” นายสิระกล่าว

“วิษณุ” ชี้ยังไม่จำเป็นต้องประกาศห้ามชุมนุม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินปัจจุบัน จะบังคับไม่ให้มีการชุมนุมป้องกันโควิด-19 ได้หรือไม่ว่า มีข้อกำหนดใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินสามารถกำหนดเรื่องต่างๆได้ตามมาตรา 9 ช่วงแรกได้กำหนดห้ามชุมนุมก่อนผ่อนคลายลง หากจะประกาศห้ามชุมนุมอีกก็ทำได้ แต่ปัจจุบันไม่ได้ประกาศห้ามชุมนุมเอาไว้ เพราะยังไม่เห็นถึงความจำเป็น แต่ถ้าจะประกาศสามารถกำหนดเป็นพื้นที่ๆได้หรือกำหนดพฤติกรรมการชุมนมได้ รวมถึงตั้งเงื่อนเวลาได้ เมื่อถามว่าเหตุการณ์ล่าสุด ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) จะพิจารณามาตรการเข้มงวดขึ้นได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ ศบค.ชุดเล็กที่มี พล.อ.รัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานเป็นผู้พิจารณา วันที่ 2 ธ.ค.ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบศ.) ได้สั่งการเรื่องดังกล่าว ต่อกรณีที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือว่าจะตีวงเฉพาะภาคเหนือหรือไม่ หรือจะขยายมาถึง กทม.หรือไม่ แล้วแต่ว่าจะทำอย่างไร

นายกฯมีอำนาจเพิ่มข้อกำหนดได้

เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่จะต้องให้เกิดการติดเชื้อโควิด-19 เนื่องมาจากการชุมนุมทางการเมืองเสียก่อน จึงจะบังคับไม่ให้มีการชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ต้อง เมื่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วก็สามารถออกข้อกำหนดเพิ่มได้ เช่น การห้ามชุมนุม การควบคุมสื่อ ตอนนี้เราไม่ได้ใช้เลย ศบค.ชุดใหญ่มีหน้าที่เสนอต่อนายกฯ เพราะอำนาจเป็นของนายกฯ เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและมีข้อกำหนดห้ามการชุมนุม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะจะไม่ถูกนำมาใช้ แต่ขณะนี้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยที่ไม่ได้บังคับห้ามชุมนุม จึงนำ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะมาใช้ สรุปคือต้องใช้กฎหมายทีละอย่าง

“ครูใหญ่” พาราษฎรขอนแก่นออนทัวร์

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สวนสาธารณะ สระหนองโก เทศบาลตำบลหนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ขอนแก่น และนายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที นายภาณุพงษ์ ศรีธนานุวัฒน์ กลุ่มดาวดิน แนวร่วมกลุ่มราษฎร ร่วมกันจัดเวที “ราษฎรขอนแก่นออนทัวร์” มีนักเรียน นักศึกษานำภาพขาวดำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายไพบูลย์ นิติตะวัน น.ส.ปารีณา ไกร–คุปต์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรีและนายสิระ เจนจาคะ เขียนข้อความประกอบว่างานฌาปนกิจ 7 ทรราช โดยมีนักเรียน นักศึกษาและประชาชน ร่วมกันชู 3 นิ้ว ขอถ่ายรูปกับแกนนำเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ขู่ผู้กุมอำนาจเตรียมรับศึกใหญ่ไว้เลย

นายอรรถพลกล่าวว่า ได้หารือกันว่ากลุ่มราษฎรขอนแก่นปักหลักชุมนุมทุกวันเสาร์ที่อนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ ควรขยายพื้นที่ออกไปในต่างอำเภอในวันที่ไม่ตรงกับวันเสาร์ จึงเลือกเป็น อ.กระนวนบ้านเกิดเป็นจุดแรกจัดเวที “ราษฎรขอนแก่นออนทัวร์” อธิบายจุดประสงค์ข้อเรียกร้องให้เกิดความเข้าใจว่านี่คือการต่อสู้ทางความคิดและข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของราษฎร 63 สำหรับศึกใหญ่ฝากไปบอกผู้มีอำนาจว่า เรากำลังเตรียมตัวกันอยู่ ยังบอกไม่ได้ขอเก็บเป็นความลับ

พท.ตั้ง กก.การเมือง “ชัยเกษม” คุมทีม

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นัดประชุมแกนนำพรรค อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค เพื่อกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ภายหลังการประชุม นายสมพงษ์แถลงว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อให้การทำงานของพรรคเหมาะสม จึงตั้งคณะกรรมการการเมืองมีนายชัยเกษม นิติศิริ เป็นประธาน นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานกิจการพิเศษพรรค เป็นที่ปรึกษา และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค เป็นเลขานุการคณะกรรมการฯ

ผุด กก.พัฒนาเขต ลต.ส่งครบ 350 เขต

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง เนื่องจากที่ผ่านมามีสมาชิกพรรคเข้าออกจำนวนมาก ต้องทำให้ชัดเจนเรื่องพื้นที่ ที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคจะขยายเขตเลือกตั้งส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครบทั้ง 350 เขต จำเป็นต้องพัฒนาเขตเลือกตั้ง รวมถึงจะมีหน่วยงานจัดอบรมให้สมาชิกพรรค บุคคลทั่วไปที่สนใจการเมืองให้เป็นนักประชาธิปไตย นักการเมืองรุ่นใหม่ จะเกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ต่างๆ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้เดือน ม.ค.2564

มีหน้าที่วางแผนทางเดินการเมือง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการการเมืองมีหน้าที่ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองและติดตามการทำงานต่างๆ เพื่อกำหนดท่าทีและบทบาทพรรคให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไปในแนวเดียวกัน การตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้งเหตุผลสำคัญหนึ่งเพื่อขยายฐานเสียงและฐานสมาชิกพรรคให้เพิ่มมากขึ้น ต่างจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์เดิม เนื่องจากรวบรวมคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่เข้ามาทำงานร่วมกัน และกระจายอำนาจไปในส่วนต่างๆ เชื่อว่าการทำงานจะออกมาดี” นายประเสริฐกล่าว

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ไขก๊อกสมาชิก พท.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ส่งจดหมายขอลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.เป็นต้นไป หลังเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 19 ส.ค.62 โดยการชักชวนของนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส แกนนำกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทยและอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.