2 ช็อตเร่งด่วนที่ต้องกู้วิกฤติเฉพาะหน้า กับความโกลาหลน้ำท่วมใหญ่ 7 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช มวลน้ำมหาศาลซัดบ้านเรือน สะพาน รถยนต์ พังระเน-ระนาด สังเวยชีวิตชาวบ้านหลายราย ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก

รัฐบาลเร่งโชว์สกิลช่วยผู้ประสบภัย เยียวยาความช่วยเหลือ อพยพกันวุ่นวาย

กับอีกคิวแทรกสำคัญ อาการขนหัวลุกของคนไทยที่เชื้อโควิด-19 ส่อระบาดใหม่ ก๊วนสาวไทยที่ไปทำงาน อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ลอบเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ ตะลอนเที่ยวทั่วสารทิศ แพร่เชื้อไปหลายจังหวัด

กราฟผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดในรอบสัปดาห์ กระจายไปทุกพื้นที่ แม้กระทั่ง กทม.

การขาดความรับผิดชอบของคนไม่กี่คน ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ทำลายความมุ่งมั่น ความร่วมมือของทีมสาธารณสุข และคนทั้งประเทศที่ร่วมกันประคองมาตรฐานมาด้วยดี

ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำ เชื้อร้ายจะกลับมาหลอนคนไทยอีกหรือไม่

2 ภารกิจสำคัญที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ใช้เป็นหนทางแก้มือ กู้ความเชื่อมั่นประชาชนกลับคืนมา

งานเข้าต่อเนื่อง ไม่เหลือเวลาให้ลิงโลดที่ได้ไปต่อ หลังพ้นมลทินกรณีอยู่บ้านพักรับรองของกองทัพบก ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุไม่เข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์

ในคิวที่ม็อบราษฎรยังตามหายใจรดต้นคอ “ลุงตู่” ขู่ยกระดับการชุมนุม อาศัยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเร่งอารมณ์มวลชนให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น

แต่ก็ไม่สามารถเหมารวมได้ว่า เอฟเฟกต์จากคำชี้ขาดศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้ม็อบพองโตขึ้น แม้อารมณ์หลายคนจะผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวังไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเติมคนเข้าม็อบ ได้หมด ส่วนหนึ่งเพราะข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมทะลุฟ้าไปไกลมาก ทำให้ไม่สามารถรวมมวลชน ให้เป็นเนื้อเดียวกันได้

...

อย่างที่ฝ่ายค้านหรือแกนนำม็อบก็รู้คำตอบลึกๆในใจ ยังไง “ลุงตู่” ก็หลุดคดี แต่หวังจุดกระแสการเมือง นำคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญไปขยายผลขยี้ปมความเหลื่อมล้ำ 2 มาตรฐาน ระเบียบของกองทัพมีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ

เลี้ยงกระแสมวลชน ในภาวะการณ์ปัจจุบันที่การโชว์พลังของม็อบในพักหลังมีจำนวนพร่องลง ไม่รู้จะปักหลักสู้ระยะยาวได้เหมือนม็อบการเมืองในอดีตหรือไม่

ภายใต้การแบกรับความกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆจากคดีเล็กคดีน้อย เรื่องฝ่าฝืนชุมนุมโดยไม่ขออนุญาต ไปจนถึงเรื่องเบิ้มๆ มาตรา 112 ที่พันรุงรังรอบตัวหัวโจกม็อบเต็มไปหมด

แนวโน้มม็อบอ่อนแรงลง เพราะอยู่ในช่วงการสอบของนักศึกษา และไม่สามารถหาแนวร่วมมาเติมให้พีกขึ้นได้ อาจต้องเบาเครื่อง ออมแรงไว้หลังปีใหม่ ค่อยเปิดก๊อกบู๊กันอีกที

แต่อย่างน้อยสิ่งที่สู้มาก็ไม่ได้สูญเปล่า อย่างที่เห็นกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญได้รับการตอบสนอง เริ่มนับหนึ่งเพื่อนำไปสู่กระบวนการตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างกติกาประเทศฉบับใหม่

ข้อบาดหมางระหว่างผู้ชุมนุมกับรัฐบาลเห็นผลในทางดีขึ้น

ขณะที่ญัตติยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ก็ถูกเลื่อนยาว เบรกการทำลายบรรยากาศแก้รัฐธรรมนูญที่กำลังเดินไปด้วยดี

“บิ๊กตู่” พอได้หยุดพักหายใจ ระเบิดเวลาที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุการเมืองถูกถอดสลักไปทีละลูก คลี่คลายความกังวลไประดับหนึ่ง

โอกาสอยู่ยาวถูกเปิดกว้างขึ้น เพราะเกมในสภา ฝ่ายค้านก็ไม่มีพลังแน่นหนาพอจะโค่นรัฐบาลลงได้ ส่วนเกมมวลชนนอกสภา ฝ่ายผู้ชุมนุมก็เริ่มล้า คนไม่อัดแน่นเหมือนเก่า

รัฐบาลกลับมากุมสภาพความได้เปรียบ เหลื่อมฝ่ายผู้ชุมนุมแค่ในระยะสั้น แต่ก็ยังไม่การันตีความอยู่รอดในระยะยาว

โดยเฉพาะชนวนยักษ์อย่างปัญหาปากท้องชาวบ้านที่คาราคาซัง ถอดสลักไม่สำเร็จ ทำได้แค่อัดฉีดมาตรการลดแลกแจกแถม ต่อโปรโมชันยาวแคมเปญ “คนละครึ่ง” ลดภาระผู้บริโภค เติมรายได้พ่อค้าแม่ค้า ยื้อเวลาได้แค่ชั่วคราว รวมถึงมาตรการอื่นๆที่จะทยอยตามมา

แต่ตามรูปการณ์นโยบายลดแลกแจกแถมไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบยั่งยืน หมดโปรโมชันเมื่อไร หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นชีพ ได้เจอม็อบปากท้องของจริงผสมโรงร่วมม็อบเด็กแน่

อาการ “ลุงตู่” ยังลูกผีลูกคน วิกฤติรายล้อม โควิดจ่อประชิด เศรษฐกิจโคม่า ม็อบเด็กไล่ล่าไม่หยุด ถึงจะได้ไปต่อ แต่ยังไม่พ้นระยะปลอดภัย!!!

ทีมข่าวการเมือง รายงาน