เมื่อการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องประชาธิปไตย “ประกาศยุติการชุมนุม” ผู้ร่วมกิจกรรมต่างแยกย้ายสลายตัวกลับบ้าน ที่คงทิ้งไว้แต่ร่องรอยเศษซากทางความคิดถูกขีดเขียน พ่นบนกำแพง เสาตอม่อ พื้นผิวจราจร และกองขยะหลงเหลือไว้ให้ดูต่างหน้าอยู่เสมอ

และคงเป็นหน้าที่ของ “พนักงานรักษาความสะอาด กทม.” ผู้ที่ต้องเข้าทำความสะอาด จัดเก็บขยะ และลบข้อความต่างๆ เช่นเหตุไม่นานนี้ “รัฐสภาเกียกกาย” ผู้ชุมนุมฝ่าแนวกั้นรื้อถอนทำลายรั้วหนาม จนเป็นเหตุให้ “ตำรวจ” ฉีดน้ำผสมสารเคมี ใช้แก๊สน้ำตา ก่อนยุติการชุมนุมทิ้งเศษหิน เศษกระจก ขวดน้ำเกลื่อนเต็มถนน

กลายเป็นชนวนเหตุการณ์ “นัดชุมนุมแยกราชประสงค์” เคลื่อนขบวนมายังหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่มีกิจกรรมสาดสี พ่นสี ขว้างก้อนหินใส่เข้าใน สตช. ทำให้กำแพงเลอะไปด้วยสี และพื้นที่ใกล้เคียงต่างเต็มไปด้วยขยะพลาสติกถูกทิ้งไว้เกลื่อนกลาด เจ้าหน้าที่ กทม.ก็เข้าเก็บขยะเคลียร์พื้นที่ให้สะอาดเช่นเดิม

...

ก่อนหน้านี้ “ทีมสกู๊ปหน้า 1” ได้ไปสังเกตการชุมนุมในกิจกรรม “MOB FEST” บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง ด้วยการปูผ้าสีขาวร่วมกันเขียนข้อความ และพ่นสี เพื่อเรียกร้องถึงรัฐบาล 3 ข้อ ในกิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 17.30-00.05 น.

เมื่อการชุมนุมยุติแล้ว จนท.สำนักรักษาความสะอาด สนง.เขตพระนคร รถบรรทุกน้ำเข้าล้างทำความสะอาดพื้นถนน และรถน้ำแรงดันสูง 1 คัน ทำหน้าที่ในการฉีดล้างสีพ่นลงพื้นผิวถนนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง ที่ใช้เวลาเคลียร์เสร็จสิ้นใน 1.30 นาที ก่อนเปิดให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรผ่านตามปกติ

ทำให้ช่วงนี้มีโอกาสพูดกับ จตุชัย ฮามวงค์ จนท.ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ บอกเล่าเรื่องราวในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสะอาด ว่า เมื่อการชุมนุมยุติ ผู้ร่วมกิจกรรมต่างพากันแยกย้ายเดินทางกลับบ้านพักผ่อนกันจนหมดแล้ว

จากนี้ไปก็เป็นหน้าที่ “พนักงานทำความสะอาด กทม.” ระดมกำลังเข้ามาทำความสะอาด สำรวจต้นไม้ สนามหญ้า รั้ว ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ทางเท้า ผิวการจราจร ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อดำเนินการฟื้นฟูปรับปรุงกลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด และนำสิ่งกีดขวางออกจากถนนให้เปิดการสัญจรตามเดิม

ตามปกติแล้ว...“ภารกิจฝ่ายรักษาความสะอาด” พื้นที่รับผิดชอบ สนง.เขตพระนคร 5 ตร.กม. ถูกแบ่งเป็นโซน มีพนักงานรักษาความสะอาด 15 คนต่อโซน เวลาปฏิบัติงาน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก...ปฏิบัติงาน 04.00-13.00 น. กลุ่มสอง...เวลา 13.00-22.00 น. กลุ่มสาม...เวลา 22.00-04.00 น. เน้นพื้นที่สำคัญ เช่น ถนนข้าวสาร

อีกทั้งยังมี “ชุดเร่งด่วนเก็บขน” ในการเก็บขยะนอกเวลา และ “ชุดเร่งด่วนกวาด” แก้ไขงานสิ่งสกปรกฉุกเฉิน เช่น น้ำมันรั่วไหลหกรดพื้นผิวจราจร ปัญหากิ่งไม้ขนาดใหญ่หักโค่นล้ม หรือเศษดินปิดกั้นขวางเส้นทาง หากมี “ภารกิจพิเศษ” ที่ได้รับมอบหมายนอกเวลา เช่น กิจกรรมรณรงค์พัฒนาเนื่องในวันสำคัญ ก็มีการขอความร่วมมือแต่ละโซน สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาช่วยงานนี้ตามความจำเป็นให้เหมาะสม

เช่นเดียวกับ “กิจกรรมชุมนุมทางการเมือง” จะให้พนักงานเข้าทำความสะอาดในพื้นที่รับผิดชอบ 1 รอบ จากนั้นก็จะเรียกขอความร่วมมือเข้ามาช่วยในพื้นที่ที่มีการชุมนุม ด้วยการเตรียมรวมกำลังพล รถบรรทุกเก็บขน และรถบรรทุกน้ำ ให้มีความพร้อม และวางแผนปฏิบัติงานกันตั้งแต่ 14.00 น.เป็นต้นไปด้วยซ้ำ...

เพื่อรอเวลา “ยุติชุมนุม” เข้าพื้นที่ทำความสะอาดให้เรียบร้อย สาเหตุจาก “ผู้บริหาร กทม.” ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ กทม.เข้าไปยุ่งในพื้นที่ระหว่างชุมนุม เพราะเกรงเกิดปัญหาความเข้าใจผิด ดังนั้น ตราบใด “การชุมนุมยังไม่ยุติ” เราก็จะไม่ไปไหน เพราะมีหน้าที่ต้องเข้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนค่อยกลับบ้านกันได้

อย่างเช่น...“การชุมนุมกิจกรรม MOB FEST” ที่ยุติชุมนุมตอนตี 1 แต่พนักงานยังรอจนได้ทำความสะอาดเสร็จสิ้นในเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อเตรียมปฏิบัติภารกิจความรับผิดชอบวันถัดไป...

“ส่วนตัวแล้ว...“ครอบครัว” อาศัยอยู่ต่างจังหวัด ทำให้เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เท่าไร แม้ว่า “เทศกาลไม่หยุด” กลับไปเยี่ยมด้วยซ้ำ แต่ทุกคนในครอบครัวก็เข้าใจต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ ในบางครั้ง “เหนื่อยล้าบ้างแต่ก็ไม่เคยท้อ” เพราะเรารักในอาชีพที่เลือกเข้ามารับราชการนี้ที่ต้องปฏิบัติอย่างเต็มใจให้ดีที่สุด” จตุชัย ว่า

ด้วยเหตุอาจมีเพื่อนร่วมงานที่ดี เมื่อมีภารกิจให้ต้องปฏิบัติทุกคนต่างก็ทำด้วยกันอย่างเต็มที่ จนเสร็จงานค่อยกลับบ้านพร้อมกัน แม้ไม่มีค่าตอบแทนล่วงเวลาก็ไม่มีใครบ่นสักคำ...

ทว่า...“อุปสรรคการปฏิบัติงานในการชุมนุม” ส่วนใหญ่มักเกิดจากความไม่เข้าใจกัน ทำให้บางครั้งมีปากเสียงกันเล็กน้อย เช่น เราห่วงการชุมนุมยืดเยื้อยาวนาน ในบางครั้งก็เร่งรีบเข้าไปทำความสะอาดเลย เพื่อให้พื้นที่ความรับผิดชอบมีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยมากที่สุด และไม่ให้เป็นปัญหากีดขวางการสัญจร

ทำให้จำเป็นต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะถ้ามีการยุติการชุมนุมแล้ว “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ก็ต้องเร่งเปิดการจราจรเช่นกัน เพื่อบรรเทาลดปัญหาจราจรติดขัด ที่จะเป็นอุปสรรคให้ฝ่ายรักษาความสะอาดทำงานลำบาก ดังนั้นเราจึงต้องเร่งปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จรวดเร็วที่สุด

ในส่วน “ขยะพบในพื้นที่ชุมนุม” มักเป็นประเภท “ขยะพลาสติก” ทั้งขวดพลาสติก ถ้วยโฟมใส่อาหาร ถุงพลาสติกปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว แม้ว่าในบางครั้ง “ผู้ชุมนุมบางส่วน” ช่วยเก็บรวบรวมขยะใส่ถุงไว้ให้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังพบเศษขยะถูกทิ้งเกลื่อนกลาด เศษอาหารหกเลอะเทอะตามเกาะกลาง โคนคอกต้นไม้เช่นเดิม

อีกทั้งยังมีฉีดพ่นข้อความลักษณะระบายอารมณ์ทางความคิด ข้อความโจมตีรัฐบาล ตามกำแพง ผิวถนน และมีป้ายสติกเกอร์ถูกติดตามพื้นที่สาธารณะมากมาย ดังนั้นต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่ “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” โดยเฉพาะ “ถนนราชดำเนินนอก” ที่เป็นเส้นทางสายหลักสำคัญให้พื้นที่สะอาดเป็นระเบียบมากที่สุด

ยอมรับว่า...“ขยะ” ก่อนมีสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ สนง.เขตพระนคร สามารถเก็บได้ราว 190 ตันต่อวัน เมื่อมีโรคระบาดขยะลดลงเหลือ 130-150 ตันต่อวัน ถ้ามีการชุมนุมเก็บขยะเพิ่มขึ้น 4-5 ตันต่อการชุมนุม แต่ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายรุนแรง และพยายามย้ำเรื่องสิ่งแปลกปลอมที่อาจถูกซุกซ่อนอยู่ตามต้นไม้ด้วย

ตราบใดที่ “การชุมนุมทางการเมือง” ยังเป็นไปตามกรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นการประท้วงแสดงออกตามสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ไม่สามารถห้ามกันได้ แต่การรักษาความสะอาดให้มีระเบียบเรียบร้อย ก็มีความจำเป็นเช่นกัน อยากให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือดูแลความสะอาดด้วยก็จะดีมาก...

เช่นเดียวกับ “โน็ต” อายุ 35 ปี พนักงานฝ่ายรักษาความสะอาด กทม. ทำงานมาแล้ว 14 ปี บอกว่า ปกติทำงานกะเช้าตี 5 ถึงบ่ายโมง มีเขตรับผิดชอบตั้งแต่แยกบางขุนพรหมถึงสี่แยกบางลำพู ที่มักเข้าทำงานก่อนเวลาราวตี 3 อยู่เสมอ เพราะเป็นช่วงเวลารถสัญจรน้อยสามารถทำงานสะดวก ที่มีอันตรายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างน้อย

ในการกวาดถนนนี้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เป็นช่วงพักกินข้าว เพื่อรอภารกิจงานนอกเวลา เช่น เก็บขยะชิ้นใหญ่ พัฒนาชุมชน ที่มีกิจกรรมให้ทำอยู่ตลอด ทำให้ชีวิตจะอยู่กับงาน ส่วนวันหยุดก็ไม่ค่อยไปเที่ยว เพราะเหนื่อยกับงานแล้วมักพักผ่อนที่บ้านเป็นหลักดีกว่า ยกเว้น “ลาพักร้อน” กลับไปเยี่ยมลูกๆต่างจังหวัด

สำหรับ “การชุมนุมเยาวชน” ผู้ชุมนุมก็มีการเก็บขยะใส่ถุงดำเตรียมไว้ให้เราสามารถเก็บง่ายขึ้นมากกว่า “การชุมนุมก่อนนี้” มักมีลักษณะการปักหลักค้างคืน ที่มีการทำอาหารเลี้ยงผู้ชุมนุมด้วย ส่งผลให้ทำงานลำบากอยู่บ้าง เพราะเวลาเข้าพื้นที่ทำความสะอาด มักต้องมี “การ์ด” คอยควบคุมอยู่ตลอดเวลา

ทว่าส่วนตัวทำงานด้านรักษาความสะอาดนี้มานาน จนกลายเป็นความเคยชินทำให้มีความรู้สึกรักความสะอาดไปแล้ว ดังนั้นจะเป็นการชุมนุมฝ่ายใด หรือไม่มีการชุมนุมเลยก็ตาม แม้แต่ “เสี่ยงต่อการถูกรถชน” หรือ “เสี่ยงอันตรายจากวัตถุแปลกปลอม” อาจถูกทิ้งหลงเหลือไว้หลังยุติการชุมนุมก็ตาม

แต่ด้วยหน้าที่เพื่อให้บ้านเมืองสะอาดเรียบร้อย ทำให้การทำงานอาจต้องมีความระวังพิเศษกว่าเดิมท้ายนี้ขอย้ำว่า...“การชุมนุม” แสดงความเห็นที่แตกต่างเป็นกิจกรรมที่กระทำได้ ตามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน แต่ “การรักษาความสะอาด” ก็มีความสำคัญจำเป็นที่เป็นพื้นฐานของสุขลักษณะที่ดีเช่นกัน...