ส.ว. “สถิตย์” อภิปรายในการประชุมรัฐสภา เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ชี้ ส่งเสริมอำนาจอธิปไตยทางตรง แนะพัฒนาระบบให้ออกเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
วันที่ 1 ธ.ค. 2563 นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะสมาชิกรัฐสภา อภิปรายในการประชุมรัฐสภา ว่า ระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน เป็นระบอบประชาธิปไตยทางอ้อม (Indirect Democracy) หรือ ประชาธิปไตยตัวแทน (Representative Democracy) กล่าวคือ ประชาชนใช้อำนาจอธิปไตยผ่านทางผู้แทนเพื่อทำหน้าที่ในทางนิติบัญญัติและทางบริหาร ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยระบอบประธานาธิบดี เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย หรือประชาธิปไตยระบอบรัฐสภา เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย
ทั้งนี้ ในระบอบประชาธิปไตยสากล ประชาชนมีสิทธิใช้อำนาจอธิปไตยทางตรง (Direct Democracy) เช่น การริเริ่มเสนอกฎหมายโดยประชาชน (Inititative) ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการของรัฐสภาอยู่แล้ว และการเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (Referendum) ในครั้งนี้ เป็นการใช้อำนาจอธิปไตยทางตรงของประชาชนเช่นกัน
นายสถิตย์ อภิปรายต่อไปถึงร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ว่า เห็นชอบด้วยในหลักการ เพราะเป็นการส่งเสริมอำนาจอธิปไตยของประชาชน พร้อมฝากข้อสังเกตไว้ 2 ประการ ดังนี้
ประการแรก อำนาจในการออกเสียงประชามติ มาตรา 11 ที่ระบุว่า เมื่อ ครม. มีมติโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้มีการออกเสียงประชามติในเรื่องใดให้นายกรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงประชามติ ตามวันที่กำหนดตามที่ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการซึ่งต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน นับแต่วันที่ ครม.มีมติ ในประกาศดังกล่าวต้องระบุเรื่องที่จะขอให้ประชาชนออกเสียงประชามติโดยมีข้อความที่ชัดเจนเพียงพอที่จะให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในเรื่องที่จะจัดทำประชามติได้โดยสะดวก
...
พร้อมกันนี้ นายสถิตย์ ได้เสนอว่า นอกจากอำนาจในการเสนอให้มีการออกเสียงประชามติโดย ครม. แล้ว เห็นควรให้มีการออกเสียงประชามติได้ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ โดยให้เพิ่มเติมคำว่า “ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้มีการออกเสียงประชามติ” รวมอยู่ในมาตรา 11 ของร่างพระราชบัญญัติที่ได้เสนอในครั้งนี้ด้วย
ประการที่สอง วิธีการออกเสียงประชามติตามร่างมาตรา 33 ซึ่งกำหนดว่า “บัตรออกเสียงและวิธีการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด” นั้น หากในกรณีผู้มีสิทธิออกเสียงไม่สามารถไปออกเสียงที่คูหาเลือกตั้งได้ อาจมีข้อกำหนดให้มีการออกเสียงทางไปรษณีย์ได้เช่นเดียวกับการออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 หรือหากในอนาคตระบบการออกเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ได้พัฒนาและสามารถทำได้อย่างรอบคอบ ปลอดภัย โปร่งใสแล้ว ก็สมควรมีข้อกำหนดให้มีการออกเสียงผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้.