ผอ.ศูนย์คุณธรรม ชี้ เหรียญมี 2 ด้าน ยัน เห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องใส่แต่ชุดนักเรียน แนะ ควรใส่สอดคล้องบริบทวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่กระตุกให้คิด แต่งฟรีสไตล์มีผลเสีย อนาคต คิดเชิงระบบไม่เป็น อยู่ร่วมกับกฎเกณฑ์ในสังคมไม่ได้ 

ผอ.ศูนย์คุณธรรม ชี้ ปมนร.ใส่ชุดไปรเวต ศธ.ให้หลักการผิดหลักจิตวิทยา เด็กแต่งชุดนร.สวยงามถูกต้องควรชมเชย แต่ที่ผ่านมาทำตรงข้ามมันเลยเป็นปัญหา 

วันที่ 1 ธ.ค. จากกรณีกลุ่มนักเรียนเลว มีการขึ้นป้ายนัดนักเรียนให้แต่งตัวไปรเวต มาโรงเรียนในวันเปิดภาคเรียน (1 ธ.ค.) รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)  กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า การใส่ชุดนักเรียนเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่งดงาม แต่ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการใช้หลักการผิดหลักจิตวิทยามาตลอด ทุกวันนี้ เวลา นร.แต่งตัวดี เราไม่เคยชื่มชมเขา แต่ในขณะที่ ทันทีที่แต่งตัวรุ่มร่ามเมื่อไหร่ก็จะตำหนิเขา หรือบางครั้งผิดระบบระเบียบนิดหน่อย เราก็จะลงโทษเขา ครูบางคนใช้ความรุนแรงด้วยซ้ำไป

...

"ซึ่งในหลักจิตวิทยา "เสื้อผ้า-หน้า-ผม" อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ความจริงเป็นสิทธิของเด็ก แต่เนื่องจากเรายังต้องการสอนวินัยให้เขาเข้าระบบ เขายังไม่มีวุฒิภาวะ เพื่อให้พวกเขาอยู่ร่วมกับสังคม อีกหน่อยเขาอาจเติบโต จะไปเป็นอาชีพอะไรก็ได้ แพทย์-เภสัช-ทหาร-ตำรวจ พวกนี้เป็น "ยูนิฟอร์ม" (สวมเครื่องแบบ) กันหมด เขาก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะเขายังไม่ได้ไปถึงอาชีพไง การที่เขาเรียนรู้อยู่กับระบบ เรียนรู้อยู่กับสังคม มันเป็นเชิงสัญลักษณ์ของความงดงามของการอยู่ร่วมกัน ความหมายของหมอเป็นอย่างนั้น แต่หลักจิตวิทยาพวกนี้ เมื่อไหร่เขาแต่งตัวดี เราต้องให้แต้มบวก ถ้าเขาแต่งตัวไม่ดี เราก็เพิกเฉย คือ 0 แต่ไม่ได้ไปตีตราเขา สมมติเขาแต่งตัวดีทั้งห้องวันนี้ ก็ขึ้นกระดานชื่นชมเขา ถ้าแต่งตัวไม่ดี ไม่เรียบร้อย ก็เรื่องของเขา แต่ที่ผ่านมาของกระทรวงศึกษาธิการ มันตรงกันข้ามไง มันก็เลยกลายเป็นปัญหา" นพ.สุริยะเดว กล่าว...

ไม่จำเป็นต้องเป็นชุด นร.ปกติเสมอไป ให้ขึ้นอยู่กับ กก.ศึกษาท้องถิ่น เป็นผู้กำหนดให้สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น 

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวต่อว่า แล้วถ้าให้ดี ชุดบนดอยและชุดในเมือง ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ชุดบนดอย อาจเป็นม่อฮ่อมไปเลยได้ไหม มันไม่จำเป็นต้องเป็น "เสื้อขาว กางเกงดำ-กากี" นี่มันไร้สาระมาก แต่หมอกำลังบอกว่า ให้เป็นอำนาจของ คณะกรรมการศึกษาที่อยู่ตามท้องถิ่น แล้วเขาพิจารณาตามวัตถุดิบ ตามวัฒนธรรม ตามบริบทของท้องถิ่นนั้น หมอกำลังพูดถึงนัย เป็นชุด "แพทเทิร์น" เดียวกัน แต่ชุดนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อมาจาก กทม. คนในดอยไม่จำเป็นต้องมาแต่งตัวเหมือนคนในเมือง แต่เอาว่าคณะกรรมการสถานศึกษาเขายอมรับได้ ดีไม่ดีทำให้โอทอป หรือพื้นที่ชุมชนเขาอาจเย็บเสื้อผ้าเพื่อลูกหลานเขาเอง ลดความเลื่อมล้ำได้ด้วย ทำไมกระทรวงถึงคิดไม่ได้ สมมติการที่นักเรียนในพื้นที่ตรงนั้นใส่ชุดม่อฮ่อมเหมือนกันหมด ก็เหมือนกับการฝึกระบบระเบียบไปในตัว ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ก็ลดค่าใช้จ่ายพ่อแม่ได้ แถมส่งเสริมโอทอปเขาได้ด้วย

ย้ำ! ปล่อย นร.แต่งตัว ฟรีสไตล์ ไม่ได้ มีปัญหาแน่ อนาคตคิดเชิงระบบไม่เป็น อยู่กับกฎระเบียบไม่ได้

ผอ.ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวอีกว่า แต่ก็แน่นอนการไม่ใส่ชุดเลย ในเชิงจิตวิทยาน่ากลัว หมอต้องตั้งคำถามว่า แล้วเราจะฝึกความคิดเชิงระบบ ไม่ใช่วินัยนะ ฝึกการมีระเบียบ วิธีการ บนความรับผิดชอบ ถ้าบ้านเมืองไหน แม้กระทั่งครอบครัวไหน กฎระเบียบฟรีสไตล์หมดเลย ผลลัพธ์ หมอเห็นมาเยอะละ ลูกจะกลายเป็นมีปัญหาไปหมดเลย เพราะมันไม่อยู่กับความคิดเชิงระบบ คิดเชิงระบบไม่เป็น อยู่กับระบบระเบียบไม่ได้ การทำงานบางเรื่องกลายเป็นข้อจำกัดไปเลย ทำงานฟรีแลนซ์หมด เวลาสังคมมาอยู่ร่วมกัน แล้วจำเป็นต้องออกกฎเกณฑ์กติการ่วมกัน พวกนี้อดทนไม่ได้ เพราะความอดทนไม่มี เป็นความเสียหายเชิงระบบในการสร้างคน

คุณหมอ แจง วิธีแก้ปัญหา หนุน ท้องถิ่นเป็นผู้กำหนด ส่วนกลางอย่าเข้าไปยุ่ง 

ส่วนวิธีการแก้ปัญหา รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวย้ำว่า คือ 1. เด็กจำเป็นต้องพัฒนา ตามกฎหมายเด็ก ในเรื่องการใส่ชุดเป็นยูนิฟอร์มแบบเดียวกัน แต่ต้องเป็นไปตามท้องถิ่นนะ ไม่ใช่มาจากส่วนกลางกำหนดมา ว่าต้องใส่ชุดอะไร ยาวกี่มิลฯ อันนี้ช่วยเลิกไปทีเถอะ ต้องเป็นไปตามบริบทของเขา (บันทึกหมอเดว) ตามท้องถิ่น อาจเกิดการประสานทำงานร่วม น่าเป็นบทบาทกรรมการสถานศึกษา แต่ต้องมีผู้แทนสภานักเรียนเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพื่อคานอำนาจผู้ใหญ่ผู้อำนวยการได้ เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะโรงเรียนเป็นที่ฝึกเด็ก เราไม่ใช่ทหารที่ต้องเหมือนกัน เรื่องชุด เรื่องทรงผม ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เรื่องแบบนี้คิดว่าน่าจะอยู่ในอาณัติของคณะกรรมการสถานศึกษาต่อไป