"จาตุรนต์" ให้ "เสรีพิศุทธ์" เป็นพยานปากแรก ไม่กังวลคดีถูกฟ้องผิดม.116 ไม่ขอออกความเห็นศาลรธน.ตัดสินบ้านพักหลวงนายกฯ แนะ จับตาหลัง "เจ๊หน่อย" ออกจากเพื่อไทย ชี้ นร.แต่งไปรเวตต้องการแสดงออก ครูควรเจรจาด้วยเหตุผล
วันที่ 1 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพิจารณา คดีหมายเลขดำ ที่ อ.3055/2562 ระหว่าง พนักงานอัยการฯ เป็นโจทก์ฟ้อง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เป็นจำเลย ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 กรณีแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2557 โดยคดีนี้ถูกโอนคดีมาจากศาลทหารกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2562
โดยวันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะอดีต ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตามกำหนดนัดสืบพยานจำเลยปากแรก
ต่อมา เมื่อเวลา 11.30 น. นายจาตุรนต์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มีการสืบพยานโจทก์ปากสุดท้าย คือ พนักงานสอบสวน และมีการสืบพยานจำเลยปากแรกก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะอดีตพนักงานสอบสวน อดีตผบก.ป. และอดีตผบ.ตร. ในคดีนี้ยังเหลือสืบพยานจำเลยอีก 3-4 ปาก แต่พรุ่งนี้ตนจะขึ้นสืบพยานด้วย
เมื่อถามมีความกังวลใจเกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่มีความกังวลใจใดๆ โดยเฉพาะดูจากพยานหลักฐานและการสืบพยานแล้ว ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เหลืออีกเพียงไม่กี่นัดก็น่าจะจบแล้ว หลังจากมีการดำเนินคดีมาเป็นเวลานานประมาณ 6 ปีกว่า ซึ่งคาดว่าจะมีนัดพิพากษาปลายเดือนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย อีกหลายคนลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีความคิดเห็นอย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าติดตาม เพราะเรื่องนี้คงส่งผลต่อพรรคเพื่อไทยไม่น้อย แต่ตนไม่ทราบในรายละเอียดหรือสาเหตุ เนื่องจากยังไม่ได้พบปะพูดคุยกับใคร แต่น่าติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้น นักการเมืองที่ลาออกจากพรรค รวมถึงการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย
...
เมื่อถามถึงการทำกิจกรรมของนักเรียน ที่ไม่ใส่เครื่องแบบไปโรงเรียน ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งอดีตรมว.ศึกษาธิการ คิดว่าเรื่องนี้ครูควรปฏิบัติอย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การที่นักเรียนทำกิจกรรมนี้ เราต้องมองว่าเป็นตัวอย่างการแสดงออก เป็นสัญลักษณ์ที่เขาไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎระเบียบที่เคร่งรครัดเกินไป ต้องกลับไปดูที่ปัญหาทั้งหมดในโรงเรียนหรือในสถานศึกษา ก็คือ ระบบการศึกษาของบ้านเราไม่ได้มุ่งเน้นให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าวิเคราะห์ กล้าแสดงออก แต่มุ่งเน้นให้ทำตามระเบียบคำสั่งที่คร่ำครึ จนลืมไปว่าในยุคปัจจุบันนี้เราต้องการให้เด็กกล้าแสดงออก และครูต้องไม่หมกมุ่นเกินไปว่าเด็กจะทำตามกฎระเบียบหรือไม่ แต่ไม่สนใจว่านักเรียนจะเรียนออนไลน์ได้หรือไม่ นักเรียนใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาอย่างมีประโยชน์ไหม กลายเป็นไปเน้นผิดจุด นี่คือปัญหาใหญ่ของระบบการศึกษาไทยซึ่งกำลังล้าหลังมาก และต้องแก้อย่างเร่งด่วน
"ตนขอแนะนำว่าครูในเวลานี้ต้องใช้เหตุผลเจรจาเพื่อหาทางออกเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งไม่ได้มีการปฏิรูปมานานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะ 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ ยิ่งล้าหลังและทำให้เด็กไม่มีอนาคต อย่าไปใช้อำนาจ อย่าไปใช้ระเบียบกฎหมายอย่างที่รัฐบาลกำลังทำอยู่กับนักศึกษาทั่วประเทศขณะนี้" นายจาตุรนต์ กล่าว.