เงื่อนไขใหม่ ชี้อนาคตข้างหน้า เป็นอีกวันที่ต้องลุ้นการเมืองไทยคือวันนี้ 2 ธ.ค.63 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดี “บ้านหลวง” ที่จะชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ว่าจะพ้นจากตำแหน่งหรือไม่?
คณะราษฎรมีที่หมายแบบไม่ต้อง “แกง” กันเหมือนที่ปฏิบัติมา 2 ครั้งติดต่อกันเพราะนัดชุมนุมใหญ่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
เพราะงานนี้ต้องบอกว่า “มีได้เสีย”...
หาก พล.อ.ประยุทธ์ถูกวินิจฉัยว่ามีการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ คำตอบก็คือต้องพ้นจากตำแหน่งทันที
ครม.ก็ต้องหลุดกันไปทั้งพวง
พูดง่ายๆว่าเข้าเงื่อนไขตามข้อเรียกร้องที่ให้ลาออก แม้จะไม่ยอมออก แต่ด้วยข้อกฎหมายจึงมิอาจปฏิเสธได้
ก็เหลืออีก 2 ข้อ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบัน
จะว่ายังไงก็ตาม แรงกดดันก็ต้องพุ่งไปที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 ท่าน อย่างแยกไม่ออก หากไม่ผิดก็รอดตัวไป
ตรงกันข้าม หากชี้ว่าผิดก็ทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ทันที
แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นองค์กรอิสระซึ่งจะต้องวางตัวเป็นกลางโดยยึดข้อกฎหมายเป็นหลักในการพิจารณา
แต่ในคดีสำคัญๆ มักจะถูกข้อหาสองมาตรฐานมาตลอดเพราะไม่ตรงใจที่คิดและต้องการผลให้เป็นไปตามที่คิดหรือคาดหวังเอาไว้
ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ก็คงไม่ต่างกันที่ถูกมองว่ามีจุดยืนฝ่ายเดียวกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้ และคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรอดตัวไปได้
การวินิจฉัยกรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญจึงอยู่ในวงจรนี้ ดังนั้นข้อวินิจฉัยที่ออกมาจึงต้องชี้แจงให้ละเอียดว่าทำไมผลถึงออกมา อย่างนั้น
ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบก็ตาม
ยิ่งหากผลออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความผิด ยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ปฏิกิริยาที่จะตามมาก็คือความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับข้อวินิจฉัย
...
เป็นเงื่อนไขใหม่ซ้อนเข้ามาอีก
เช่นกัน หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความผิด ทำหน้าที่ต่อไปได้ก็เท่ากับว่าเป็นการการันตีถึงความชอบธรรมในฐานะนายกฯ
อีกด้านหนึ่งก็จะทำให้กลุ่มที่อยู่ตรงข้ามก็คงผิดหวังเพราะไม่สามารถโค่นล้มได้ ยิ่งพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่แซะเรื่องนี้มาตลอด
พูดง่ายๆว่าไม่เป็นไปตามแผน
ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกอย่างไร แม้จะมั่นใจไม่แสดงอาการ แต่ก็คงจะกังวลไม่น้อยเพราะหมายถึงว่าจะต้องพ้นจากตำแหน่ง
ที่สำคัญก็คือเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ไม่ใช่เงื่อนไขอื่น
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือหากไม่มีความผิดก็คงจะต้องเจอแรงกดดันทางการเมืองที่จะหนักหนามากขึ้น
หรือถ้ามีความผิด ผลที่จะตามมาจะเกิดอะไรขึ้นก็เป็นเรื่องที่จะสร้างความยุ่งยาก ไม่ใช่เพราะใครจะเป็นนายกฯ และรัฐบาลจะมีหน้าตาอย่างไร
การต่อสู้ทางการเมืองที่ดำรงอยู่จะเป็นอย่างไรต่อไป
เป็นโจทย์สำคัญที่จะให้คำตอบประเทศไทย.
“สายล่อฟ้า”