
ลอกคราบใหม่
20 ธ.ค.63 เลือกตั้ง อบจ. ทั่วประเทศวัดทิศทางอนาคตการเมืองไทยได้ จะไปทางไหน เปลี่ยนแปลงพัฒนาหรือไม่ ยังย่ำเท้าอยู่กับที่หรือลอกคราบใหม่ ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์ การเมืองไทยยังหาจุดเปลี่ยนไม่ได้ จึงตกอยู่ในวังวนอย่างที่เห็นและเป็นอยู่
แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ยังเดินหน้าไปจนกว่าจะถึงที่สุด
ข่าวแนะนำ
คือการเลือกตั้งท้องถิ่นว่าด้วยนายก อบจ. และสมาชิก อบจ. ซึ่งจะมีการลงคะแนนกันในวันที่ 20 ธ.ค.63 พร้อมกันทั่วประเทศ
เพียงแต่การเมืองภาพใหญ่ทับซ้อนอยู่จนดูไม่ค่อยคึกคักอย่างที่ควรจะเป็น แต่ในพื้นที่จริงนั้นยังสู้กันอย่างเต็มที่
เป็นไปในลักษณะแข่งกันตัวต่อตัวมากกว่าตัวแทนพรรค
จากส่วนกลางที่ลงไปสู่สนามจริง เพื่อช่วยหาเสียงนั้นเห็นมีแต่พรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปปราศรัยหาเสียงช่วงหนึ่งแล้วก็เงียบหายไป
แต่กลุ่มก้าวหน้าที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และบรรดาแกนนำยังเดินสายหาเสียงอย่างต่อเนื่อง และเป็นเรื่องเป็นราว
นั่นเพราะเชื่อว่าระดับท้องถิ่นหนุนส่งระดับชาติได้
ต่างกับพรรคการเมืองระดับชาติที่ไม่ค่อยให้ความสนใจในเชิง ในแนวทางของพรรคเพราะแยกเป็น
การเมือง “ระดับชาติ”–“ระดับท้องถิ่น” มากกว่า
แม้โดยพื้นฐานแล้วก็ต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก แต่การจัดลำดับความสัมพันธ์ยังเป็นไปในลักษณะ “เมือง” กับ “บ้านนอก”
จริงๆแล้วนักการเมืองระดับท้องถิ่นนั้น พลิกตัวเองขึ้นสู่ระดับชาติก็มีไม่น้อย แต่เหล่านี้ต้องยอมรับว่าฝีมือไม่ธรรมดา
ที่ต้องมองลึกลงไปการเลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิก อบจ. ทั่วประเทศ ครั้งนี้ พอจะสะท้อนภาพการเมืองระดับชาติได้ไม่น้อย
เพราะพอจะชี้ทิศทางการเมืองข้างหน้าได้
กลุ่มก้าวหน้าเนื้อนาบุญเดียวกับพรรคก้าวไกลที่อยู่ภายใต้การนำของ “ธนาธร” กับเพื่อนพ้อง ซึ่งมุ่งหวังที่จะยกระดับการเมืองท้องถิ่น
จะเป็นฐานการเมืองในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อวัดผลความนิยมของประชาชนว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร
อันบ่งบอกอนาคตของพรรคการ เมืองคนรุ่นใหม่จะตอบโจทย์มากน้อยแค่ไหน
แม้ว่าการเลือกตั้งระดับชาติที่ผ่านมาภายใต้สีเสื้อพรรคอนาคตใหม่ที่สามารถได้จำนวน ส.ส. มากเกินความคาดหมาย
แต่ก็ยังไม่สามารถชี้วัดความแน่นอนได้
ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 ที่บังคับใช้นั้นก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่มีส่วนทำให้อนาคตใหม่ได้ ส.ส. มากเกินความคาดหมาย
แม้ความเป็นพรรคคนรุ่นใหม่จะเป็นแรงจูงใจสำคัญก็ตาม
การเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ก็จะเป็นดัชนีชี้วัดอีกตัวหนึ่ง โดยเฉพาะเป็นพื้นที่ในต่างจังหวัดที่ความตื่นตัวทางการเมืองยังไม่สูงนัก
แต่ถ้าผู้สมัครในนามกลุ่มก้าวหน้าที่ส่งผู้สมัครมากพอสมควรจะได้เลือกตั้งเข้ามาได้ตามเป้าหรือไม่
นี่แหละพอจะชี้ให้เห็นถึงการเมืองในอนาคตได้
นักการเมืองเก่าก็ต้องกลับไปประเมินตัวเอง ประเมินพรรคสังกัดแล้วว่าการเมืองแบบเก่าๆ น่าจะหมดอนาคตแล้ว
อย่างการเมืองระดับชาติวันนี้...ที่กำลังลอกคราบใหม่!!!
“ลิขิต จงสกุล”