“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ยัน นายกฯใส่ใจปราบยา รับตรวจสาร "ไตรโซเดียมฟอสเฟต" โกดังแปดริ้ว เป็นความผิดพลาดทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ประมาทเลินเล่อ ฉะ ฝ่ายค้าน หลังตั้งกระทู้ถามสด มอง รบ.ล้มเหลวแก้ยาเสพติด
วันที่ 25 พ.ย.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาของ นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) ถึงกรณีการตรวจพิสูจน์วัตถุต้องสงสัยว่าจะเป็นยาเสพติด 475 กระสอบ น้ำหนัก 11.5 ตัน ที่โกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากผลตรวจเบื้องต้นจากชุดทดสอบพบว่า ให้สารสีม่วงที่มีลักษณะบ่งชี้ว่าเป็นองค์ประกอบของเคตามีน และต่อมา ป.ป.ส.ได้นำวัตถุดังกล่าวเข้าตรวจสอบในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่าเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต 66 กระสอบ ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสนใจเรื่องการปราบปรามยาเสพติดอย่างสูงสุด
ส่วนข้อกังวลว่า จะทำให้นานาชาติมองประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งยาเสพติดนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการประชุมองค์กรที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดของโลกได้พูดคุยกันว่า ยาเสพติดที่ผลิตจากสามเหลี่ยมทองคำนั้น มีมูลค่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.8 ล้านล้านบาทต่อปี หรือเกือบ 60% ของงบประมาณของประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวเลขที่มองดูแล้วว่า หากยังปราบปรามยาเสพติดตามแนวทางของรัฐบาลอื่นที่ผ่านมา ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ขณะนี้ได้เพิ่มแนวทางการปราบปราม ที่จะไปสู่การยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด จึงย้ำว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและพยายามหาแนวทางใหม่ ซึ่งในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.นี้ จะคิกออฟการปราบปรามยาเสพติดในแนวทางใหม่
...
ส่วนกรณีการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเคตามีนนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานขอความร่วมมือจากไต้หวัน เมื่อขอความร่วมมือมาก็เข้าไปตรวจสอบโกดังดังกล่าว ซึ่งจากผลตรวจเบื้องต้นจากชุดทดสอบพบว่า ให้สารสีม่วง จึงเข้าใจว่าเป็นเคตามีนลอตใหญ่ที่สุด ตนเป็น รมว.ยุติธรรม หากไม่เข้าไปดูและแถลงก็จะเป็นการละเลย
“ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผมจะเชื่อว่าเป็นเคตามีนหรือไม่อย่างไร ผมปฏิเสธไม่ได้ เพราะสองแนวทางที่ตรงกัน ทั้งจากไต้หวันที่บอกว่า จับเคตามีนได้ปะปนไปกับเคมีภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่ ป.ป.ส.ก็ใช้เครื่องทดสอบที่ใช้อยู่ประจำ ซึ่งหากเป็นเคตามีนก็จะเป็นสีม่วง และผลทดสอบก็เป็นสีม่วง ก็ปฏิเสธไม่ได้ ก็ต้องไปแถลงข่าว ในวันแถลงข่าว ผมและเลขาธิการ ป.ป.ส.ก็พูดแล้วว่าจะต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง และวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า 66 กระสอบแรกเป็นสารสีม่วง เป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต ส่วนที่เหลืออีก 406 กระสอบ เมื่อวานนี้ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นสีม่วงทั้งหมด แต่จะมีสารเคตามีน หรือสารอย่างอื่นอะไรอีกหรือไม่ ไม่ทราบ ขอใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์จะแถลงให้ทราบ ซึ่งในเรื่องการแถลงยอมรับว่า เราผิดพลาด แต่ผิดพลาดในทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ผิดพลาดเพราะความประมาทเลินเล่อ” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการอบรมสัมมนาในเครือข่ายของยาเสพติด ที่สมาชิกกังวลเรื่องการใช้งบประมาณจำนวนมาก ว่า การอบรมสัมมนาใช้งบประมาณน้อยมาก ส่วนข้อสงสัยเรื่องการเก็บของกลางหรือการขนย้ายของกลางนั้น ได้ทำหนังสือไปยังเลขาธิการ ป.ป.ส.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการขนย้ายเคตามีน และให้รายงานต่อตนเองให้ทราบภายในวันนี้ (25 พ.ย.) ย้ำว่าเรื่องดังกล่าวจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนให้รับทราบในทุกประเด็น
ส่วนที่ระบุว่า ตรวจสอบเป็นไปด้วยความล่าช้านั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีของกลางจำนวนมาก เป็นคอนเทนเนอร์กระสอบละ 25 กิโลกรัม อีกทั้งการขนย้ายเป็นอำนาจของเลขาธิการ ป.ป.ส. ส่วนการดำเนินคดีเป็นเรื่องของอัยการ ที่ต้องทำสำนวนหลักฐานให้ชัดเจน จึงอาจจะต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างการทดสอบแล้วเป็นสีม่วง จนต้องหน้าแตกกันแบบนี้ ยอมรับอีกว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
จากนั้น นางมนพร ตั้งคำถามอีกว่า ขณะนี้ได้พบเจอชายไทยที่ชื่อ อภิชาติ ที่ส่งของไปยังไต้หวันแล้วหรือไม่ และขออย่าให้เป็นมวยล้มต้มคนดู และขอให้จริงใจต่อกันแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวทุกด้าน ยาเสพติดซื้อง่ายกว่าขนม นายทุนรวยขึ้น คนจนล้นประเทศ แล้วท่านนายกฯ จะกอดตำแหน่งไว้เพื่ออะไร ทำให้ นายสมศักดิ์ ถึงกับต้องลุกขึ้นกล่าวว่า “ท่าน มนพร เป็นคนดีเลยนะ แต่สุดท้ายก็มากระแนะกระแหนไปถึงท่านนายกฯ จึงขอเวลาอีก 6 เดือน แนวทางการปราบปรามยาเสพติดจะชัดเจน แล้วจะเป็นไปตามแนวทางที่ผมได้พูดไว้”
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ดำเนินการเช่าโกดังเป็นขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ในการติดตาม เบื้องต้นทราบว่า บุคคลดังกล่าวอยู่บ้านป่าโหล ต.แม่เมาะ อ.เชียงดาว เจ้าหน้าที่กำลังติดตามอยู่ ขณะนี้ยังไม่พบตัว ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดู เพราะตนเน้นเรื่องยึดทรัพย์
แต่ระหว่างนั้น ทั้ง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และนางมนพร ลุกขึ้นประท้วง นายสมศักดิ์ เรื่องการใช้คำว่า “กระแนะกระแหน” ของนายสมศักดิ์ จึงขอให้ถอนคำพูด ซึ่งนายสมศักดิ์ก็ได้ยืนยันต่อสมาชิกว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะกระแนะกระแหน แต่หากคำถูกทำให้รู้สึกไม่ดี ก็ขอถอนคำพูด.