บรรยากาศการเมืองในขณะนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อ การปรองดองสมานฉันท์ เป็นอย่างยิ่ง การฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม คณะราษฎร ที่หน้าสภา กับการที่ ส.ว. ออกมารับหนังสือคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจาก กลุ่มไทยภักดี ที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นคนนำมามอบ เป็นความแตกต่างของ ความเป็นประชาธิปไตย โดยสิ้นเชิง
ระหว่างนั้น บรรยากาศในสภา ก็ยังเอาแพ้เอาชนะ ว่าด้วยเรื่องของ ร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภา 7 ร่างด้วยกัน เป็นของภาคการเมือง 6 ร่าง และเป็นร่างของประชาชน 1 ร่าง คือร่างของ ไอลอว์ พอมีการเสนอร่างของประชาชนที่ผ่าน ไอลอว์ มาโดยการลงชื่อของประชาชนกว่า 1 แสนชื่อ ส.ส.-ส.ว. ในสภาก็เริ่มต้นบทถนัด นั่นคือการโจมตีว่า เป็นร่างที่มีการสนับสนุนจากต่างชาติที่ต้องการเข้ามาแทรกแซงเพื่อต้องการล้มสถาบัน ดึงฟ้าต่ำทำหินแตกแยกแผ่นดินทันที แล้วก็ได้คนเหล่านี้มาเป็น กรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เสียเอง
ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือว่า ข้อเสนอของ ไอลอว์ จะทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นหรือน้อยลง จะทำให้วิกฤติการเมือง มีทางออกหรือ เข้าสู่ทางตัน บรรดา ส.ส.และ ส.ว. ในสภาไม่ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น เสียดายว่า นักการเมืองมืออาชีพ หลายคน อยู่บนถนนการเมืองมาทั้งชีวิต มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และอ้างว่าเป็นผู้แทนของประชาชน แต่กลับไม่รับร่างที่ประชาชนเสนอเข้ามา เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า
ทั้งๆที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านถึง 3 วาระ และจะต้องมีการทำประชามติ จะดีไม่ดีอย่างไรก็ไปแก้ไขกันได้ เหตุผลที่แท้จริงคือไม่ได้กลัวว่า จะแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 แต่เอาหมวด 1 หมวด 2 มาเป็น ภูมิคุ้มกัน ในการที่จะ อยู่ต่อกันไปนานๆ เป็น ส.ส.–ส.ว. กันไปนานๆ เป็นกรรมาธิการ เป็นผู้ช่วย เป็นผู้ติดตามเป็นผู้เชี่ยวชาญกันไปนานๆ ได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่อง เวลานี้เรามี ส.ส.-ส.ว.1 คน แต่เราต้องจ่ายเงินภาษีเป็นเงินเดือนถึง 6 คนอย่างน้อย 700 คน คูณ 5 เข้าไป ยังไม่รวม องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อีกบานตะไท ใครอยากจะตกงาน บางคนเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ยังมีงานทำมีตำแหน่ง ถ้ายุบสภาหรือเลือกตั้งใหม่ ตกงานแน่นอน อดอยากปากแห้งกันต่อไป
...
เพราะฉะนั้น การมีใบสั่งมาจากบุคคลสำคัญในรัฐบาล ให้รับหลักการแค่ 2 ร่างคือ ร่างของรัฐบาลและฝ่ายค้านที่เสนอโดย หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จึงเป็นไปตามใบสั่งทุกประการ และให้โหวตให้ ร่างของรัฐบาลเป็นร่างหลัก ด้วย ก็ยังเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในกะลาครอบอยู่ดี ไม่ได้เป็นรัฐธรรมนูญโดยประชาชน ของประชาชนและเพื่อประชาชน อย่างที่ท่องกันมาจากตำราเพราะคนที่สอน วิชากฎหมายเบื้องต้นและรัฐศาสตร์ทั่วไป ก็มาทำหน้าที่ บิดเบือนตำราเสียเอง
ถือโอกาสนี้พลิกวิกฤติ ฝ่ายรัฐบาลเลยได้ทีแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรคและพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปิดช่องโหว่ให้มิดชิดเป็นการ สืบทอดอำนาจ สมบูรณ์แบบ
วันที่ ส.ส.-ส.ว. เอาชนะเกมการเมืองในสภาอย่างมีความสุขเป็นวันที่คณะราษฎร ต้องต่อสู้กับแรงกดดันจากอำนาจรัฐ สู้กับรถฉีดน้ำ สู้กับแก๊สน้ำตา สู้กับอนาคตที่มืดมนอยู่หน้าสภา เป็นวันที่พ่อแม่ผู้ปกครอง นั่งกระวนกระวายใจเป็นห่วงลูกห่วงหลานนอนตาไม่หลับอยู่ที่บ้าน ถ้าผู้ปกครองประเทศยังหลับตาลงได้อย่างมีความสุข ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาประชาธิปไตยที่หายไปให้เมื่อยตุ้ม อย่างมากเราก็ได้แค่รัฐธรรมนูญปลอมๆ มาอีกฉบับ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th