คณะกรรมการสมานฉันท์ปรองดอง ทำท่าจะถูกดองเค็ม อย่างที่ว่ากันจริงๆ เริ่มต้นที่การขอความเห็นของอดีตนายกฯของประเทศไทย อาทิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คุณอานันท์ ปันยารชุน คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ คุณชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พูดคุยกันในเบื้องต้นแล้ว แต่ละท่านเหล่านี้ก็จะมีเหตุที่แตกต่างกันไป ไม่รับออกหน้า แต่ก็ไม่ปฏิเสธเสียเลยทีเดียว
ยกเว้น คุณทักษิณ ชินวัตร และ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พำนักอยู่ในต่างประเทศที่ ประธานชวน อ้างเป็นเหตุผลที่จะไม่ขอหารือด้วย จะว่าไปแล้ว อดีตนายกฯเหล่านี้แต่ละท่านมีที่มาและที่ไปจากสถานการณ์ทางการเมืองทั้งสิ้น เช่น บางท่านมารับตำแหน่งนายกฯเพราะวิกฤติการเมือง จากการยึดอำนาจ และบางท่านก็ต้องลงจากอำนาจเพราะวิกฤติการเมือง จากการชุมนุมประท้วง
เป็นวัฏจักรการเมืองที่ไม่ต่างกัน
เพราะฉะนั้น น้ำหนัก ของ อดีตนายกฯแต่ละท่าน เลยไม่ค่อยมีน้ำหนัก เพราะ ทิฐิ โดยเฉพาะวิกฤติการเมืองครั้งนี้ เกิดจากหลักการและเหตุผลที่ต่างจากวิกฤติการเมืองทุกครั้งที่ผ่านมา องค์ประกอบของปัญหาวิกฤติอาจจะไม่ต่างจากในอดีต คือเกิดจากการเมือง แต่ครั้งนี้การเมืองทำได้แค่ การโหนกระแส การขับเคลื่อนที่แท้จริงมาจากความต้องการที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากรูปแบบและวิถีเดิมๆ
ที่ยังไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแล้ว แก้รัฐธรรมนูญแล้ว จะมีอะไรดีขึ้นจากที่เราเคยผ่านมาแล้วหรือไม่ เช่น นายกฯจะต้องมาจากการเลือกตั้ง เราก็ผ่านมาแล้ว มีนายกฯมาจากการเลือกตั้ง แล้วเป็นไง ชิงอำนาจ ก็อยู่ไม่ได้ ถูกยึดอำนาจ ปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งก็คงไม่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอสุดท้ายที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน
...
เพราะต้นตอของปัญหาจริงๆอยู่ที่ คน ไม่ใช่ ระบบ อย่างแรกเลยต้องโทษ ชาวบ้าน เลือก ส.ส. เข้าไปโดยไม่มีการไตร่ตรอง เขาให้เลือกก็เลือก หรือเลือกเพราะต้องเลือกข้าง หรือต้องการเอาชนะ ต่อมาก็ ระบบพรรคการเมือง พรรคไม่เคยเลือกคน เพื่อให้ประชาชนเลือกพรรค คนร้าย ฆาตกร คนโกง นักโทษ ผู้ต้องหา นักเลงอันธพาล มีครบ เพราะเป้าหมายของพรรคการเมือง คือเอาชนะเลือกตั้งเท่านั้น ใครก็ได้ เอาไปฟอกขาวให้เรียบร้อย
คนไม่ดีก็เลยใช้การเมืองนี่แหละฟอกตัวดีที่สุด
เสร็จแล้วก็มาถึงกลไกของรัฐ เมื่อรัฐ เมื่อ นักการเมือง สามารถให้คุณให้โทษ กระบวนการยุติธรรม สามารถอยู่เหนือความยุติธรรม องค์กรอิสระ ไม่มีความเป็นอิสระ ยึดติดกับ ระบบอุปถัมภ์ค้ำชู บุญคุณความแค้น ตอบแทนกันไม่จบไม่สิ้น คนดีเลยต้องเดินตามตรอก ขี้ครอกเดินถนน ไม่ช้าก็กลียุค
มาถึงสถาบัน และภาวะผู้นำ ไม่ว่าระบอบการปกครองใดก็ตาม ถ้าผู้ปกครองมีภาวะผู้นำ ไม่จำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญปกครองให้เมื่อยตุ้ม ไม่จำเป็นต้องเผด็จการหรือประชาธิปไตย เมื่อผู้ใต้ปกครองมีความสุข มีความเสมอภาค อยู่ดีกินดี ประเทศก็จะมีความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง (ไม่เชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ลองถอดสูท ไปละลายพฤติกรรมอยู่กับเด็กและเยาวชนแค่สามวันสามคืนได้ ประเทศไทยจะกลับมามีความสุขทันที)
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th