"บิ๊กป้อม" สั่งเข้มสกัดกั้นยาเสพติด อาวุธสงครามตามแนวชายแดน พร้อมสั่งทุกภาคส่วนเฝ้าระวัง ติดตามขยายผล นำไปสู่การยึดทรัพย์เครือข่าย ขณะที่ "คงชีพ" เผยยาเสพติดทะลักเข้าไทยมากขึ้นจากฝั่งเมียนมา ลาว ชี้ตุลาที่ผ่านมาสามารถจับยาบ้าได้ 38 ล้านเม็ด ไอซ์ 5.7 พันกิโล รวบผู้ต้องหา 2.6 หมื่นราย พร้อมย้ำห้ามเจ้าหน้าที่รัฐยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.63 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก รองนายกฯ เปิดเผยว่า ภัยเงียบจากยาเสพติด ยังคงเป็นภัยคุกคามสังคมที่ใกล้ตัวและกัดกร่อนทำลายทรัพยากรบุคลากรของชาติ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน และสร้างปัญหาเกิดเป็นอาชญากรรมลูกโซ่ต่างๆ ต่อเนื่องตามมาในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องตระหนัก ตื่นรู้และมีส่วนร่วมแก้ปัญหาไปด้วยกัน

โดยภาพรวมสถานการณ์ยาเสพติดที่ผ่านมา ยังคงพบการลักลอบนำเข้าจากนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยกลุ่มต่างๆ ในประเทศเมียนมาที่ยังคงอยู่ปัจจุบัน ส่งผลให้ปริมาณการผลิตและการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไทยมากขึ้น ทั้งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านแม่น้ำโขงจากประเทศลาว มีการลักลอบขนย้ายยาเสพติดด้วยการดัดแปลงมาในรูปแบบต่างๆ มากขึ้นครั้งละหลายล้านเม็ด รวมทั้งยังคงพบการกระจายตัวของยาเสพติดในสังคมเมืองหลายชุมชนที่เจ้าหน้าที่กำลังติดตามและปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายขยายโยงไปถึงการยึดทรัพย์รายใหญ่

...


พล.ท.คงชีพ กล่าวด้วยว่า การปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้ง ป.ป.ส. ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยังคงร่วมปฏิบัติการเฝ้าระวัง สกัดกั้นและจับกุมยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้น รวมทั้งบำบัดฟื้นฟูผู้เสพผู้ติดอย่างต่อเนื่อง โดยรอบเดือน ต.ค.63 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลาง ยาบ้าได้ถึง 38,134,466 เม็ด ยาไอซ์ 5,794 กก. จับกุมผู้ต้องหาได้ 26,597 คน โดยกองกำลังป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นการขนย้ายยาเสพติดได้หลายครั้ง มีการขนย้ายจำนวนมากหลายล้านเม็ดในแต่ละครั้งในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.เลย จ.บึงกาฬ และพื้นที่ชั้นใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งเส้นทางลงใต้ จ.เพชรบุรี


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้ชื่นชม และเป็นกำลังใจในการทำงานอย่างแข็งขันของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยย้ำ ทุกส่วนราชการต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด และขอให้คงความต่อเนื่องปฏิบัติการสกัดกั้นทั้งยาเสพติดและอาวุธสงครามตามแนวชายแดน ควบคู่กับการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายผู้ค้าในชุมชนเมืองทุกพื้นที่ต่อเนื่องกันไป โดยขอให้กระทรวงมหาดไทย โดยผู้นำท้องถิ่นนำและดึงภาคประชาชนมีส่วนร่วมกันเฝ้าระวังให้เบาะแสมากขึ้น พร้อมทั้งขอให้ ป.ป.ส. และ ปปง. ติดตามขยายผลการจับกุมและนำสู่การยึดทรัพย์ผู้ค้ารายใหญ่และเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ทุกราย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในสังคม.