“จุรินทร์” ยันร่างของพรรคร่วมรัฐบาลชอบโดยรัฐธรรมนูญ เชื่อ “ชวน” ปรารถนาดีกับบ้านเมือง เดินสายหาคนนั่ง คกก.สมานฉันท์ หวังเห็นทุกฝ่ายร่วมเวทีพูดคุย

วันที่ 9 พ.ย. 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีมี ส.ว. ล่ารายชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกรณีที่มีความเห็นต่างในเรื่องการทำประชามติ ว่า ได้พูดชัดในที่ประชุมรัฐสภาไปแล้วว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ระบุชัด ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและต้องทำประชามติ จะต้องทำก็ต่อเมื่อได้ผ่านความเห็นชอบในวาระ 3 แล้ว ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องไปทำเพิ่มเติมก่อนการพิจารณารับหลักการในวาระที่ 1 ด้วย แปลว่าทำประชามติครั้งเดียวหลังผ่านวาระ 3 จากรัฐสภา และก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ

ส่วนกรณีการยื่นเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญว่าทั้ง 6-7 ร่างนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เป็นสิทธิที่ผู้เกี่ยวข้องจะทำได้ แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มีการตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่แตะหมวด 1 กับหมวด 2 ร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งก่อนที่จะได้มีการพิจารณายื่นนั้น ได้มีการพิจารณาตรวจสอบโดยรอบคอบแล้วว่า ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งในนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ ผู้ที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ยืนยันแล้วว่าไม่ได้กระทบต่อการพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและร่างอื่นในรัฐสภา เพราะสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพียงแต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว จะกระทบหรือไม่ก็เป็นเรื่องอนาคต สำหรับความเห็นของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าร่างของรัฐบาลนั้นชอบโดยรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว

...

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปถึงกรณีประธานรัฐสภาเดินสายพบองคมนตรี เพื่อให้มานั่งในคณะกรรมการสมานฉันท์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประธานรัฐสภามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ที่รับเรื่องนี้ไปดำเนินการตามมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภา และกำลังดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการทั้งหมดอยู่ ที่สำคัญคือ ได้ขอให้สถาบันพระปกเกล้าช่วยสรุปรูปแบบที่เหมาะสม เข้าใจว่ามีอยู่ 2 รูปแบบ ซึ่งข้อสรุปจะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามต่อไป ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหนก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ เพื่อที่จะให้ประเทศได้มีทางออกในการคลี่คลายสถานการณ์ต่อไป

ส่วนคำถามว่าม็อบจะเป็นเงื่อนไขต่อการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายจุรินทร์ ระบุ ผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ควรได้มีโอกาสเข้าร่วมในเวทีที่จะพูดคุยกัน ไม่ว่าจะใช้ชื่อว่าอะไรก็ตาม ถ้าขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะกลายเป็นความเห็นฝ่ายเดียว หรือความเห็นไม่ครบทุกฝ่าย อาจจะไม่ได้รับการยอมรับอีก แล้วก็จะเป็นปัญหาต่อไปไม่รู้จบ.