เลือกตั้งสหรัฐฯครั้งนี้ ชาวอเมริกันใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ แบบถล่มทลายสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การนับคะแนนล่าช้าออกไป ยังไม่ได้ผลสรุปอย่างเป็นทางการว่า ใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 และอาจจะเกิดสิ่งที่เหนือความคาดหมาย แม้ “โจ ไบเดน” จากพรรคเดโมแครต มีความเป็นไปได้สูงจะคว้าชัยชนะ เหนือโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ท่ามกลางความวุ่นวาย การเผชิญหน้าของกลุ่มผู้สนับสนุนของทั้ง 2 ฝ่ายในหลายรัฐ เกรงว่าจะเกิดเหตุความรุนแรงตามมา

ในมุมมองของ “พริษฐ์ วัชรสินธุ” หรือ “ไอติม” นักการเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นหลานชายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ติดตามการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ระบุว่า การ "เลือกตั้งสหรัฐ" ครั้งนี้ มีจุดเหมือนและจุดต่างจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาในอดีต โดยจุดที่เป็นประเด็นจากการเลือกตั้งครั้งนี้ มาจากการโหวตเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด และดูเหมือนว่าสัดส่วนในการโหวตให้ไบเดน มีมากกว่าทรัมป์ ทำให้บางรัฐ ซึ่งดูเหมือนว่าทรัมป์น่าจะมีคะแนนนำ แต่กลับเป็นไบเดน มีคะแนนนำทรัมป์ ทำให้คนในสหรัฐฯและทั่วโลก มองว่าเกิดอะไรขึ้น กับการนับคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งไม่เสร็จภายในวันเลือกตั้ง และไบเดน มีคะแนนนำสูง
...

ส่วนการที่ทรัมป์ ออกมากล่าวหาว่า มีการทุจริตโกงเลือกตั้ง ซึ่งต้องระมัดระวังในการรับฟังว่ามีมูล มีหลักฐานจริงหรือไม่ หรือทางทรัมป์ จงใจสร้างเรื่องให้เกิดความสับสนหรือไม่ เกี่ยวกับการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่เข้ามาภายหลัง เนื่องจากไม่เคยนำหลักฐานออกมาเปิดเผย หรือแค่พูดไปเพื่อสร้างเรื่องราว
สำหรับข้อดีในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ได้เห็นตัววัดผลจากผลการเลือกตั้งที่เกินคาด โดยไบเดน ได้รับคะแนนสูงสุดในประวัติศาสตร์ จากชาวอเมริกันที่มาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเป็นจำนวนมาก ในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งพิจารณาจากการนำเสนอแนวทางนโบายของไบเดนและทรัมป์ อย่างเห็นได้ชัดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด และการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้น จะเป็นบทเรียนสำหรับไทยในการออกแบบการเลือกตั้ง เนื่องจากสหรัฐฯให้ความสำคัญกับคณะผู้เลือกตั้ง หรือ electoral vote ซึ่งใครชนะในรัฐนั้นๆ ก็จะกวาดคะแนนไปเต็มๆ
“ที่ผ่านมาเราสนใจ ผลการเลือกตั้งเพียงไม่กี่รัฐ และการที่คนโฟกัสไปยังรัฐสวิงสเตท อาจเป็นจุดด้อยของระบบ electoral college ทำให้ผลคะแนนแต่ละครั้ง ถูกตัดสินจากประชาชนที่อยู่ในรัฐนั้น เพียงไม่กี่รัฐที่เป็นสวิงสเตท น่าจะนำมาถอดบทเรียนในไทยได้ เพราะการเลือกตั้งของไทย มีเจตนาจะลดปัญหาเหล่านี้ ไม่ให้เสียงของประชาชน เป็นคะแนนเสียงตกน้ำ
และในการเลือกตั้งสหรัฐฯครั้งนี้ เราได้เห็นความตื่นตัวของชาวอเมริกัน ภายหลังการนับคะแนนไม่สามารถ ประกาศผลได้ในช่วง 2-3 วัน ตรงกันข้ามกับไทย ต้องรอผลเลือกตั้งเป็นเดือนๆ กว่าจะรู้ว่าพรรคใดได้ ส.ส.เท่าไร ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรเลย แต่เป็นเรื่องของการคำนวณสูตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แสดงให้เห็นมาตรฐานที่ต่างกันในตัวระบบเลือกตั้ง”

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุล แม้ทางทรัมป์ ออกมาสร้างเรื่องขึ้นมาว่าโดนโกงก็ตาม แต่ระบบของสหรัฐฯ มีความพยายามในการตรวจสอบถ่วงดุล หรือแม้แต่ ส.ส.ในพรรครีพับลิกัน จำนวนหลายคน ออกมาตำหนิทรัมป์ รวมถึงสื่อมวลชน ได้ตัดการแพร่ภาพทรัมป์ ขณะกำลังพูดถึงการทุจริตเลือกตั้ง โดยไม่มีหลักฐาน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข่าวปลอม หรือการที่ทรัมป์ ยื่นเรื่องต่อศาลสูง ซึ่งจะมีการถ่วงดุลโดยระบบตุลาการ แม้ฝ่ายอนุรักษนิยม จะมีเสียงในศาลสูงมากกว่า เชื่อว่าจะทำหน้าที่ตามบทบาทและยึดความถูกต้องในระบอบประชาธิปไตย

จากการติดตามการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย เพราะนโยบายที่จะออกมา ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะกับสหรัฐฯเท่านั้น แต่จะเกี่ยวข้องกับประชาคมโลก อย่างเรื่องความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) หรือความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการแก้วิกฤติสภาพอากาศ ซึ่งหากไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะให้ความสำคัญในเรื่องนี้

ขณะที่ทรัมป์ ตัดเรื่องนี้ไป ไม่ให้ความสำคัญ และมองว่าไบเดน จะพยายามยื่นมือและร่วมกับประเทศต่างๆ ในการให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤติสภาพอากาศ เนื่องจากไม่มีประเทศหนึ่งประเทศใด สามารถทำได้ ยกเว้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีความจริงจังในเรื่องนี้ เชื่อว่าไบเดน จะเข้ามามีบทบาทและให้ความสำคัญ.