"อนุชา" เผยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2563
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานความก้าวหน้ารายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้านต่างๆ ที่เริ่มดำเนินการแล้ว ดังนี้ 1.ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยการพัฒนาระบบดิจิทัลงานพื้นฐานของรัฐแบบรวมศูนย์รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลและการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน 2.ด้านกฎหมาย ด้วยการขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยมีกิจกรรมที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติและปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา
3.ด้านกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ กิจกรรมโครงการพัฒนาระบบการอนุญาโตตุลาการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีสาระที่สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการพัฒนาติดตั้งระบบการอนุญาโตตุลาการทางอิเล็กทรอนิกส์ เปิดใช้งานระบบตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2562 โดยในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 มีบุคคลเข้ามาลงทะเบียนใช้งานในระบบ 120 ราย และมีข้อพิพาทที่รับใหม่ ข้อพิพาทที่แล้วเสร็จจำนวน 24 ข้อพิพาท โดยเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้พิพากษาสามารถเสนอข้อเรียกร้องและคำคัดค้านสู้คดี รวมทั้งนำเสนอพยานหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้โดยรวดเร็วและสะดวก ผ่านระบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง 4.ด้านเศรษฐกิจ ด้วยการสนับสนุนเอสเอ็มอีสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยมีสาระของกิจกรรมที่คณะทำงานด้านสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเห็นชอบให้มีการยกร่างหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้าง มีหลักการสำคัญคือกำหนดสัดส่วนในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินการและการจัดซื้อจัดจ้างเอสเอ็มอีอย่างน้อยร้อยละ 30 ของงบประมาณการจัดซื้อจัดจ้าง และการกำหนดแต้มต่อพิเศษสำหรับเอสเอ็มอีในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐกรณี e-bidding ร้อยละ 10
...
5.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการจัดการขยะที่ต้นทางในระดับจังหวัด โดยกรมควบคุมมลพิษ ส่งเสริมการจัดการขยะที่ต้นทางระดับจังหวัด ในการขับเคลื่อนการจัดการขยะที่ต้นทางโดยประชาชน ปัจจุบันมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมจำนวน 676 แห่ง และได้ดำเนินการกิจกรรมลดและคัดแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่กว่า 90,000 ตัน 6.ด้านสาธารณสุขด้วยการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยกรมอนามัยได้ดำเนินการสร้างการตระหนักรู้ และการกระตุ้นพฤติกรรมพึงประสงค์ในการป้องกันตนเองจากการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 ผ่าน Facebook วางแผนและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันตนเองจากการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 ภายใต้คณะทำงานภารกิจความรอบรู้ด้านสุขภาพและการรักษาระยะห่างทางสังคม และจัดตั้งเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญเพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบข้อมูลข่าวสารปลอม
7.ด้านการสื่อสารมวลชน ด้วยการนำเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายมาใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดทำแผนแม่บทเพื่อนำเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายมาใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมเพื่อภารกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 8.ด้านสังคม ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารกองทุนการออมแห่งชาติกองทุนการออมแห่งชาติโดยกองทุนการออมแห่งชาติ ด้านการพลังงานมีแนวทางการปรับโครงสร้างการใช้พลังงานภาคขนส่ง โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เห็นชอบร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 263 และกรมธุรกิจพลังงานกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการยกร่างแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีเป้าหมายในการปรับโครงสร้างราคารวมทั้งชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนมาตรการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคการขนส่งและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการดำเนินในการเดินทาง
9.ด้านประชาสัมพันธ์ ผลักดันให้มีกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารสาธารณะภายใน 2 ปีที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้โดยไม่ต้องรอ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 10.ด้านการศึกษา โดยการพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก และการวัดประเมินผลโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดทำโครงการกรรมการขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณเพื่อพัฒนาความรู้และสมรรถนะด้านเนื้อหาสาระที่สอนด้านศาสตร์การสอน ด้านสื่อและเทคโนโลยี ในการเรียนรู้และบทบาทของครูในยุคใหม่.