ก็น่าจะเป็นแค่ปาหี่จริงๆ กับข้อเสนอของฝ่ายรัฐบาล ให้ตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อหาทางออกประเทศที่ยังยักแย่ยักยันมะงุมมะงาหรากันอยู่ รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ “กลุ่มราษฎร” มองว่าเป็นตัวปัญหาของวิกฤติในครั้งนี้ ยังคงบริหารจัดการกับภาวะวิกฤติแบบไม่อนาทรร้อนใจ โยนเรื่องไปให้ สถาบันพระปกเกล้า ไปก็แล้วกัน รอดูโมเดลโครงสร้างที่จะเสนอกลับมาก่อน แล้วค่อยเรียกประชุมกันในฝ่ายรัฐบาล และพวกพ้องคือกลุ่ม ส.ว.
เพราะฝ่ายค้านอย่าง พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ประกาศชัดไม่เข้าร่วมไม่ยอมเป็นตัวประกอบเกมปาหี่นี้ว่างั้น
การที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.ลากตั้ง ออกมากล่าวหาว่าฝ่ายค้านที่ไม่ยอมเข้าร่วมถือเป็นตัวปัญหา พร้อมหยิบยกโมเดลผลการศึกษาของคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดก่อนๆอย่าง คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหา ความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) หรือของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ชุด นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีต ส.ว.เพชรบูรณ์ มาเป็นต้นแบบนั้น
คงลืมไปแล้วว่ากลุ่มก๊วน 40 ส.ว.ของคุณสมชายเองนั่นแหละ เคยล้มกระดานสมานฉันท์มาก่อน
แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
สถานการณ์ขณะนี้ถือเป็นการขึงพืดระหว่างกลุ่มราษฎร+แนวร่วม กับนายกฯประยุทธ์และพวก+กลุ่มเสื้อเหลืองที่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมเผชิญหน้ากับกลุ่มราษฎรเด็ก
เห็นชัดๆก็ที่ ม.รามฯ มีมวลชนจัดตั้งรุมทำร้ายเด็ก ลามไปถึงเหตุป้าตบเด็กไม่ยืนเคารพธงชาติ ที่สถานีรถไฟอยุธยา
แล้วอย่างนี้นายกฯประยุทธ์กับพวกยังจะร้องแรกแหกกระเชอ เรียกหาความสมานฉันท์กับฝ่ายที่ท่านมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ต้องจัดการมาตลอดอีกหรือ
...
เชื่อว่าทุกคนในชาติต้องการเห็นความสมานฉันท์ แต่หลักการปรองดองที่ดีที่สุดคือ ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องยื่นมือด้วยความจริงใจ
มิใช่ปรองดองแต่ปากอย่างที่เป็นมา และทำอยู่
เอาง่ายๆเริ่มที่การอำนวยความยุติธรรมขั้นต้นแก่บรรดาแกนนำม็อบให้เป็นไปตามหลักสากล
ถ้าทุกฝ่ายจะไม่มองด้วยอคติ บรรดาแกนนำเหล่านี้ พร้อมต่อสู้ตามกระบวนการ ทั้ง “ทนายอานนท์-เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์” และยังอีกหลายต่อหลายคน
ถูกควบคุมตัว จนศาลมีคำสั่งปล่อยตัว หรือยกคำร้องฝากขัง รวมถึงการอนุญาตให้ฝากขังได้ตามความจำเป็นแห่งการสอบสวน
แต่ทางตำรวจพยายามใช้วิธีอายัดตัวต่อ ถึงขั้นบุกถึงเตียงในโรงพยาบาลรออายัดตัว เนื่องจากแต่ละคนยังมีหมายจับรอคิวอีกหลายสิบคดี
นี่หรือคือการถอยคนละก้าว
เป็นแนวทางสมานฉันท์อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์และพวก อยากจะเห็น.
เพลิงสุริยะ