พูดไปก็ไลฟ์บอย เอาอย่างนั้นดีกว่า นักข่าวไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เรื่อง “ปฏิวัติ” หลังจากมีข้อเสนอให้ทำอย่างนั้นเพื่อเป็นทางออกของประเทศ คำตอบที่ได้รับก็คือ...“ต้องไปถามคนพูด ไม่เคยคิดเรื่องนี้ ต้องระมัดระวังสถานการณ์ไม่ให้บานปลายไปเรื่อยๆ ไม่ได้หมายความว่าจะมีการปฏิวัติหรือไม่มี เพียงแต่ไม่มีใครอยากทำ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็ตอบไปแล้วว่าไม่ทำปฏิวัติ”

ก่อนหน้านี้ แม่ทัพนายกองซึ่งได้รับการแต่งตั้งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ชุดใหม่ ต่างก็ปฏิเสธว่าไม่มี ไม่เคยคิด ไม่อยู่ในสมอง

มีแค่ ผบ.ทบ.คนใหม่ที่ล้ำกว่าท่านอื่นๆก็คือ “อย่าสร้างเงื่อนไข” ก็แล้วกัน

ฟังไปฟังมาแล้ว คำตอบสุดท้ายก็คือ ไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก แม้ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็ตาม

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งในเรื่องปฏิวัติ-ยึดอำนาจนั้น ที่เคยเกิดขึ้นมานั้น ก่อนเกิดเหตุก็มักจะมีคำตอบอย่างนี้มาตลอด

สุดท้ายก็เรียบร้อย...

เพียงแต่คณะปฏิวัติจะอ้างเหตุผลอย่างไร ซึ่งก็ไม่ต่างกันมากนัก เพื่อความมั่นคง มีการทุจริต เกิดปัญหาความขัดแย้ง

อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ที่อ้างว่า “ถ้าผมไม่ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”

มีข่าวว่าก่อนที่จะเกิดปฏิวัติครั้งล่าสุดนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้คัดค้านไม่เห็นด้วย

จนนำมาซึ่งสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้ คือวิกฤติประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะจบลงได้อย่างไร

พูดง่ายๆก็คือเข้าง่ามอีกแล้ว

สถานการณ์ที่เป็นจริงในปัจจุบันนั้น นอกจากความขัดแย้งด้านความคิดแล้ว ซึ่งมิใช่ระหว่างการเมืองกับการเมืองอย่างที่ผ่านมา

...

แต่มันเกี่ยวโยงไปถึง “สถาบัน” ซึ่งมีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปพร้อมกับข้อเสนอให้นายกฯลาออกและแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แม้จะยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อีก 2 ข้อ ไม่มีการสนองที่ชัดเจนไปแล้ว

นายกฯประกาศชัดเจนมาตลอดว่า “ไม่ออก” เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด และต้องรับผิดชอบต่อสถานการณ์บ้านเมือง

“ปฏิรูปสถาบัน” กำลังเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งกลุ่มผู้เรียกร้องระบุว่าไม่ใช่การล้มล้างสถาบัน แต่ต้องการให้ยั่งยืนมากกว่า

พร้อมกับมีการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งในรูปแบบต่างๆ ทางสาธารณะอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในสังคมประเทศ

ปฏิกิริยาสังคมจึงเกิดขึ้นจากมวลชนในวงกว้างอย่างที่เรียกว่าคนเสื้อเหลืองปกป้องสถาบัน ซึ่งมีการเคลื่อนไหวไปทั่วประเทศ

ไม่นับบรรดานักการเมืองและคนในกองทัพที่ยังเทิดทูนจงรักภักดี

ประเด็นขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ได้ลุกลามบานปลายออกไปเรื่อยๆ จนพูดได้ว่ากำลังเผชิญหน้ากันอย่างชัดเจน พร้อมที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้

ก็นี่แหละคือ “เงื่อนไข” ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้อย่างเต็มปาก!

“สายล่อฟ้า”