นายนิพนธ์ บุญญามณี มท.2 แจงยิบ ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ เรื่องชะลอเบิกจ่ายเงินซื้อรถซ่อมอเนกประสงค์ให้เอกชน เพราะมีร้องเรียนทุจริต ปลอมแปลงเอกสาร และสัญญาเกิดก่อนตนรับตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา เมื่อปี 56

วันที่ 2 ต.ค. 2563 นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกล่าวหาตน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.สงขลา) ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ไม่อนุมัติเงินงบประมาณเบิกจ่ายเงินให้บริษัทแก่บริษัทเอกชน รวม 50,850,000 บาท ว่า ตนขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้ว่า ก่อนตนรับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา (10 เม.ย. 56) มีการประกาศจัดหารถซ่อมทาง วงเงิน 52 ล้านบาท และในการประมูลนี้มีผู้ยื่นประมูล 2 ราย คือ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ยื่นประมูล 50,850,000 บาท และ บริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ยื่นประมูล 50,900,000 บาท ผลปรากฏว่า บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ชนะการประมูลด้วยราคาที่ต่ำกว่า 50,000 บาท และมีการร้องเรียนว่าทั้ง 2 บริษัทมีการทุจริตต่อมาตรวจสอบพบว่า บริษัททั้งสองมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นประมูลงาน

ต่อมา วันที่ 31 พ.ค.56 นายก อบจ.สงขลา ได้ลงนามในสัญญาซื้อรถซ่อมทางเอนกประสงค์ กับ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยกำหนดส่งมอบรถภายใน 180 วัน และวันที่ 7 มิ.ย.56 ก่อนที่ตนรับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา โดยหลังลงนามสัญญาซื้อรถซ่อมทางเอนกประสงค์ได้เพียง 7 วัน นายก อบจ.สงขลาในขณะนั้น ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ต่อมาวันที่ 4 ส.ค.56 มีการจัดการเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา ตนชนะเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา คนใหม่ โดยเข้าปฏิบัติหน้าที่วันที่ 28 ส.ค.56 และบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ส่งมอบรถซ่อมทางเอนกประสงค์ ตามสัญญากับ อบจ.สงขลา ในวันที่ 8 ต.ค.56 โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ทดสอบและตรวจรับรถซ่อมทางเอนกประสงค์ จากนั้น วันที่ 21 พ.ย.56 ระหว่างผลทดสอบตรวจรับรถยังไม่เสร็จสิ้น บริษัท ไทยวินเนอร์ ทรัค จำกัด ได้ร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 15 ป.ป.ช และ ผมในฐานะนายก อบจ.สงขลา ถึงความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อว่า มีการฮั้วประมูลและล็อกสเปก ตนที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ และไม่ทราบถึงรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างรถดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การจัดซื้อรถนี้ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ เพื่อไม่ให้ทางราชการเสียหายและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยวันที่ 7 ม.ค.57 รองผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ได้มีหนังสือถึงตนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่ บริษัท ไทยวินเนอร์ ทรัค จำกัด ได้ทำการร้องเรียนปัญหาดังกล่าว จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งผู้ว่าราชการ จ.สงขลา และตามที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายร้องเรียนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ

...

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 5 มิ.ย.57 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา มีหนังสือถึง อบจ.สงขลา ขอให้จ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่มีผู้ร้องเรียนถึงความไม่โปร่งใส ในการประกวดราคาซื้อรถครั้งนี้ด้วย เมื่อตนพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทางราชการ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ควรรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีการชำระเงินให้แก่ บริษัท พลวิศว์ เพค พลัส จำกัด และหากอนุมัติให้จ่ายเงินไป โดยที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกวดราคาและจัดซื้อยังไม่เสร็จสิ้น และถ้าหากภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเห็นว่า การจัดซื้อไม่ชอบ และการประมูลจัดซื้อตกเป็นโมฆะ จะยิ่งทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก ยากที่จะเรียกเงินคืน เพราะ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด มีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท และหากอนุมัติให้จ่ายเงิน ตนอาจถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้ ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายและรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ การจ่ายเงินควรดำเนินการภายหลังผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การประมูลจัดซื้อได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่เสียก่อน ที่สำคัญคือวันที่ 25 ก.ค.57 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงว่า การประมูลซื้อไม่เป็นไปตามคุณลักษณะเฉพาะตามที่อบจ.สงขลา กำหนด คือ การจัดซื้อรถดังกล่าวมีเจตนาไม่สุจริต เป็นการสมยอม(ฮั้ว)กันในการเสนอราคา ทำให้,uการแข่งขันกันอย่างไม่เป็นธรรม ผลก็คือการประกวดราคาและการจัดซื้อรถจึงตกเป็นโมฆะ โดย อบจ.สงขลา ได้นำผลรายงานนี้ให้ศาลปกครองพิจารณาแล้ว อีกทั้ง อบจ.สงขลา ได้นำผลรายงานการสอบสวนดังกล่าวให้ผู้ว่าฯ จังหวัดสงขลา ผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 15 และ ป.ป.ช.ทราบแล้ว

“นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานจากต่างประเทศหลายแห่ง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ออสเตรเลีย หลักฐานจากนอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย เป็นต้น ที่รับรองไว้แล้วว่า บริษัทคู่เทียบเอกชนในการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ดังกล่าว ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง และจากกรณีปลอมแปลงเอกสารดังกล่าวองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ก็ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาไว้แล้ว" นายนิพนธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การถูก ป.ป.ช.ชี้ว่า บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตนทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ทางราชการและรัฐ ไม่ใช่การถูกชี้ว่าทุจริต แต่อย่างใด และหากศาลมีคำสั่งออกมาอย่างไร ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม สิ่งที่ตนทำคือการทำหน้าที่ จึงไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง รมช.มหาดไทย แต่อย่างใด