“บิ๊กป้อม” โอ่สัญญาณดีแก้ รธน. โต้สื่อคิดไปเอง 2 ป.ซุ่มตั้งพรรคสำรอง “วิษณุ” บอกนายกฯระบุถูกแล้วพรรคร่วมฯเสนอร่าง รธน.กลับลำไม่ได้ต้องดันต่อ ลูกหาบ คสช.แห่ยึดอนุ กมธ.ตีกรอบรื้อกติกา “วิเชียร” เล็งหาข้อยุติตั้ง ส.ส.ร.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก้าวไกลซัด รบ.แห่งชาติเผด็จการของจริง “วิโรจน์” หยันเกิดยากอย่าไปเชื่อโหรมากนัก พท.จัดทัพใหม่สลายมุ้ง “เจ๊หน่อย” ดัน “สมพงษ์” คัมแบ็ก หน. “ประเสริฐ” เลขาฯ ผนึกกำลัง คน 2 รุ่นลุยรื้อ รธน.-คืนชีวิตที่ดีขึ้นให้คนไทย “สุรพล” บี้ กกต.คืนสถานภาพ ส.ส. “จรุงวิทย์” ท้า ฟ้องเสียงแข็งใช้อำนาจ ม.225 ตาม รธน. เปิดหมวด 12 องค์กรอิสระซุกดาบอาญาสิทธิ์ให้ กกต.สั่งเลือกตั้งใหม่และถือเป็นที่สุด นร.เลวรวมพลบุก ศธ.ไล่ “ณัฏฐพล” มธ.โหมโรงก่อนม็อบใหญ่ 14 ต.ค. จัดรำลึก 44 ปี 6 ตุลา 19 ย้อนเหตุการณ์วิปโยคสังหารหมู่ นศ.

จากกรณีที่พรรคฝ่ายค้านและภาคประชาชนจับตาท่าทีของสมาชิกวุฒิสภาว่าจะยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จริงหรือไม่ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ขณะนี้มีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจากมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ญัตติก่อนลงมติรับหลักการ

...

“บิ๊กป้อม” โอ่สัญญาณดี ส.ว.ร่วมวง กมธ.

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 1 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงท่าที ส.ว.หลังร่วมใน กมธ.ศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ญัตติ ก่อนลงมติรับหลักการว่า ท่าทีดีขึ้น เดี๋ยวก็ร่วมกันเหมือนเดิม ดูแลให้เรียบร้อย เมื่อถามว่า เป็นเพราะอะไรถึงคิดว่าจะได้รับการสนับสนุนและเห็นชอบจาก ส.ว.เพิ่มมากขึ้นจากเดิม รองนายกฯ กล่าวว่า ส.ว.เขามีความคิดของเขาเอง เมื่อถามว่า มีบางส่วนบอกว่าเมื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อยากให้ไปทำประชามติก่อน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องแล้วแต่รัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐธรรมนูญว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น เมื่อถามว่า ต้องมีพูดคุยกับทาง ส.ว.ก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เขาอยู่ใน กมธ. ที่ตั้งร่วมมาด้วยกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่าการตั้ง กมธ. ขึ้นมาจะทำให้บรรยากาศของ 3 ฝ่ายดีขึ้นหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า เดี๋ยวจะต้องเชิญฝ่ายค้านมาร่วมด้วย

โต้สื่อคิดไปเอง 2 ป.ตั้งพรรคใหม่

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า 2 ป.เตรียมตั้งพรรคสำรองว่า ก็ไปถาม 2 ป.เอาเองว่า 2 ป.คือใคร และเขาก็ชี้แจงไปหมดแล้ว มันจะมีอะไร เมื่อถามว่าแต่มีชื่อ พล.อ.ประวิตรอยู่ด้วย รองนายกฯกล่าวว่า เรามีพรรคอยู่แล้ว จะไปตั้งพรรคใหม่ทำไม คุณคิดไปเอง ไม่มีอะไร เมื่อถามถึง ความพร้อมของพรรคพลังประชารัฐในการเตรียมเลือกตั้งท้องถิ่นและสนามเลือกตั้ง กทม. พล.อ.ประวิตร ตอบสั้นๆเพียงว่าพร้อม

“วิษณุ” โยนแล้วแต่ กมธ.เคาะข้อสรุป

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีวุฒิสมาชิกเห็นควรให้พูดคุยในกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 6 ฉบับก่อนรับหลักการ และไม่เห็นด้วยที่นายกฯส่งสัญญาณให้รับญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน หากจะตั้ง ส.ส.ร.ต้องทำประชามติก่อนว่า เป็นความเห็นของ ส.ว.ทุกอย่างต้องไปพูดคุยกันใน กมธ. รัฐบาลหรือตนคงออกความเห็นอะไรไม่ได้ ที่วิจารณ์กันว่ารัฐบาลส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 28 ก.ย.อยู่ในนั้น แต่ไม่เห็นว่าเป็นการส่งซิก มีการพูดคุยปัญหารัฐธรรมนูญ นายกฯปรารภว่าร่างพรรคร่วมรัฐบาลลงชื่อกันไปมากกว่า 200 คน เป็นธรรมดาที่เมื่อเสนอแล้วต้องเข็นต่อไป จะกลับลำได้อย่างไร ทุกพรรคก็เห็นด้วย ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์และนายวราวุธ ศิลปอาชา ต่างเห็นด้วยว่าถูกต้อง นายกฯก็บอกว่าคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว จะทำความเข้าใจอย่างไรต่อไปกับสมาชิกรัฐสภาและประชาชนรอฟัง กมธ.สรุป ถ้าออกมาตรงกันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอธิบาย แต่ถ้าไม่ตรงกันต้องช่วยกันอธิบาย ทำความเข้าใจ ส.ส. ส.ว.และประชาชน พูดกันแค่นี้ไม่ได้ส่งซิกส่งอะไร วุฒิสมาชิกจะพูดกันอย่างไรถือเป็นสิทธิ

อุบไต๋ต้องทำประชามติก่อนหรือไม่

เมื่อถามว่า ถึงอย่างไรเสียง ส.ว.มีส่วนสำคัญที่จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ นายวิษณุกล่าวว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร ส.ว. 250 เสียงต้องขอรอฟัง กมธ.ก่อนให้ตกผลึก ส่วนจะให้ทำประชามติก่อนตั้ง ส.ส.ร.บางคนพูดได้ยินมานานแล้ว ทั้งนายสมชาย แสวงการ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นข้อเสนอและข้อสังเกตที่ดี เพราะตกใจว่าตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18-22/2555 ที่เคยมีตรงกับกรณีที่เกิดขึ้นเวลานี้หรือไม่ ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ บอกไว้ว่าอำนาจมาจากประชาชน ต้องกลับไปถามประชาชน หลักนี้จะใช้ได้กับครั้งนี้หรือไม่สุดแท้แต่ ตนมีความเห็นแต่ไม่อยากพูด ควรไปพูดคุยกันใน กมธ.ใน 30 วัน ส่วนข้อเสนอเปิดสภาฯวิสามัญไม่แน่อาจเปิดก็ได้ แต่เมื่อจะเปิดสภาฯวันที่ 2 พ.ย.ประชุมร่วมกันได้เลย เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าชื่อกันเสนอเขามั่นใจของเขาแล้ว หากรับหลักการวาระ 1 แล้วตั้ง กมธ. 45 คน โดยคนนอกเข้ามาเป็นไม่ได้

ตั้งคณะอนุ กก.ศึกษา ก.ม.แก้ รธน.

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ในฐานะคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ญัตติ ก่อนลงมติรับหลักการ กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นประเด็นข้อกฎหมาย เพื่อไปศึกษาหาข้อยุติในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ เช่น ต้องทำประชามติสอบถามประชาชนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญก่อนลงมติรับหลักการหรือไม่ มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน พร้อมเชิญ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.

“สมคิด-เจษฎ์” โผล่ตีกรอบรื้อกติกา

นายเสรีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเชิญคนนอกที่เป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อาทิ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นายเจษฎ์ โทณะวณิก มาร่วมเป็นอนุกรรมการด้วย เพื่อมาร่วมกันพิจารณาและวางกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินการอะไรบ้าง ถ้าต้องทำประชามติ ต้องทำกี่ครั้ง ใช้งบประมาณเท่าใด ต้องเตรียมข้อมูลให้รอบด้านเพื่อให้ กมธ. ประกอบการตัดสินใจ โดยการศึกษาหาข้อมูลของคณะอนุกรรมการต้องทำเสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะ กมธ.ชุดใหญ่มีกรอบเวลาการทำงานถึงวันที่ 22 ต.ค. จะต้องได้ข้อยุติว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ญัตติ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร โดย กมธ.เสนอทิศทางต่อรัฐสภาด้วยว่าควรจะรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใด เชื่อว่าความเห็นของ กมธ.จะช่วยให้ ส.ว.ลงมติไปในทางเดียวกันได้

ฝ่ายค้านไม่สังฆกรรมทุกระดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะอนุกรรมการ พิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมาย อาทิ นิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นางกาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์ ส.ว. นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นายอุดม รัฐอมฤต อดีต กรธ. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีต สนช.นอกจากนี้ยังได้ทาบทามนายชัยเกษม นิติสิริ และนายชูศักดิ์ ศิรินิล แกนนำพรรคเพื่อไทย แต่ทั้ง 2 คนปฏิเสธไม่เข้าร่วมเป็นอนุกรรมการ

เล็งหาข้อยุติตั้ง ส.ส.ร.ขัด รธน.หรือไม่

นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธาน กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ ก่อนลงมติรับหลักการ กล่าวว่า ได้รับการแต่งตั้งจาก กมธ.ให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมาย เพื่อทำหน้าที่ดูประเด็นข้อกฎหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การตั้ง ส.ส.ร.จะขัดต่อหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงดูประเด็นอื่นๆที่ กมธ.ส่งมาช่วยให้พิจารณา คณะอนุกรรมการชุดนี้จะเชิญผู้รู้ด้านกฎหมายจากแวดวงต่างๆมาให้ข้อคิดเห็นและแนวทางกฎหมาย จะมีทั้งนักวิชาการและตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน ถือเป็นการให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา ส่วนการวินิจฉัยเป็นเรื่องของรัฐสภา อนุกรรมการจะประชุมนัดแรกช่วงเช้าวันที่ 6 ต.ค. ก่อนจะมีการประชุม กมธ.ช่วงบ่ายวันเดียวกัน เบื้องต้นวางไว้จะมีอนุกรรมการ 10-15 คน

ร่างไอลอว์เข้ารัฐสภาภายในเดือน พ.ย.

ที่รัฐสภา นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ แถลงว่า เพียง 8 วันสภาฯได้ตรวจสอบรายชื่อผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) 101,450 คน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. สำนักเลขาธิการสภาฯได้ส่งข้อมูล เลขบัตรประชาชนไปยังกรมการปกครองให้ตรวจสอบความถูกต้องหลังส่งกลับมายังสภาฯจะประกาศรายชื่อทางเว็บไซต์ และทำหนังสือแจ้งผู้มีรายชื่อแต่ละคนตรวจสอบว่าเป็นผู้เข้าชื่อจริงหรือไม่ ประชาชนมีสิทธิคัดค้านรายชื่อได้ภายใน 30 วัน ตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยเสร็จสิ้น ประธานรัฐสภาจะบรรจุเข้าระเบียบ วาระการประชุมร่วมรัฐสภาภายใน 15 วัน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับครบกำหนดวันที่ 23 ต.ค. ถ้าไม่ขอขยายเวลาคงนำบรรจุเข้าที่ประชุมรัฐสภา ส่วนร่างภาคประชาชนคงจะบรรจุเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาในเดือน พ.ย. ขั้นตอนการพิจารณาจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะเห็นอย่างไร

“วิโรจน์” แซะเผด็จการรัฐสภาตัวจริง

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึง ความเป็นไปได้ในการรวมเสียงทุกพรรค ยกเว้นพรรคก้าวไกล เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า หากเกิดกรณีดังกล่าวจริง โดยมีการรวมเอาทุกพรรคไปเป็นรัฐบาลหมด องค์กรนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ตามองคาพยพทางการเมืองของรัฐธรรมนูญ 2560 จะไร้การตรวจสอบ เพราะจะเหมือนไม่มีฝ่ายค้าน ผลร้ายจะตกอยู่กับประชาชน ที่ต้องเจอกับเผด็จการรัฐสภาของจริง ไม่อยากวิเคราะห์ และไม่อยากประเมินด้วย แต่หากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว การถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การเสนอแก้ไขรัฐ-ธรรมนูญยิ่งเเย่เข้าไปใหญ่ การตรวจสอบรัฐบาลจะพร่องลงไป เพราะเสียง 50 กว่าเสียงคงจะไม่พอ แต่เรายินดีทำต่อไปอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหา

อย่าไปเชื่อโหรชี้ รบ.แห่งชาติเกิดยาก

นายวิโรจน์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ขอก้าวล่วง การตัดสินใจของแต่ละพรรค แต่ไม่เชื่อข่าวลือ ไม่เคยคิดหวาดระเเวง การทำงานร่วมกับวิปฝ่ายค้านด้วย เรามีการทำงานที่เป็นเอกภาพพอสมควร เรื่องรัฐบาลแห่งชาติเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่น่ามีใครทำอย่างนั้น ประชาชนเขาจับตาดูอยู่ และไม่อยากก้าวล่วงโหร แต่ประเทศเราอย่าไปเชื่อโหรมากเลย ฟังไว้ใช่ว่าดีกว่า ควรจะเชื่อตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็นวิทยาศาสตร์ วันนี้ตัวเลขเศรษฐกิจถดถอยหลายด้านแล้ว

“จิรัฏฐ์” แซวดึง พท.ไปทำไมให้ปวดหัว

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวถึง ความเป็นไปได้ในการเกิดรัฐบาลแห่งชาติตามกระแสข่าวลือว่า ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลแห่งชาติเป็นไปได้ยาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เเทบจะไม่มีความจำเป็นต้องทำให้เกิด ขนาดเขาตั้ง กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับเพื่อยื้อการแก้ไขมาตรา 256 และยื้อไม่ให้เกิด ส.ส.ร.ยังทำได้ง่ายๆเลย โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งมองว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ถืออำนาจเต็มแบบที่เป็นอยู่บริหารงานง่ายกว่า

แค่ ปชป.-ภท.ก็ยุ่งแล้วทึ้งเก้าอี้ รมต.วุ่น

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร หากมีการรวบรวมเสียงทุกพรรคไปร่วมรัฐบาลแห่งชาติ แล้วลอยแพก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว นายจิรัฏฐ์ตอบว่า หากพรรคเพื่อไทยยอมทำอย่างนั้นจริงๆ พรรคก้าวไกลคงทำงานยากขึ้นบ้าง แต่อีกด้านหนึ่งมองว่าเป็นประโยชน์กับพรรคก้าวไกลเหมือนกัน เพราะคะแนนจะเทมาที่พรรคก้าวไกล เนื่องจากชาวบ้านเขาดูอยู่ แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่ทำอย่างนั้น และรัฐบาลเองคงไม่อยากดึงใครไปเพิ่ม แค่ลำพังพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย รัฐบาลก็ทำงานยากอยู่แล้ว จะไปดึงพรรคเพื่อไทยเข้าไป ให้มีปัญหาจัดโควตาเก้ารัฐมนตรีอีกทำไม

เครือข่าย พท.คึกเลือก กก.บห.ชุดใหม่

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาแกนนำ สมาชิกพรรค ตัวแทนสาขาพรรค ต่างทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรค นายเสนาะ เทียนทอง ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายชัยเกษม นิติสิริ นอกจากนี้ยังมีอดีตรัฐมนตรีที่เคยร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และออกไปทำพรรคการเมืองอื่นมาร่วมประชุมด้วย เช่น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน (เสี่ยแดง)

“พิชัย” คืนถ้ำ ส.ส.ปรบมือรับ “เจ๊หน่อย”

นายพิชัยกล่าวว่า ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ระยะหนึ่งแล้ว วันนี้เหมือนได้กลับมาบ้านเก่า ต่อมาเวลา 10.00 น. เมื่อสมาชิกพรรคเข้าห้องประชุมชั้น 7 เรียบร้อยแล้วจากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เดินทางมาถึง ได้มี ส.ส. บางส่วนปรบมือต้อนรับเพื่อให้กำลังใจ โดยคุณหญิงสุดารัตน์มีสีหน้ายิ้มแย้มเดินทักทาย ส.ส.ในห้องประชุม ตามด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายสมาชิกอย่างเป็นกันเอง

ตามโผ “สมพงษ์” หน.“ประเสริฐ” เลขาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อกรรมการบริหารชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทยประกอบด้วยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย มีรองหัวหน้าพรรค 10 คน ได้แก่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายสุทิน คลังแสง นายไชยา พรหมา พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นเลขาธิการพรรค มีรองเลขาธิการพรรค 5 คน ประกอบด้วยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม นายจิรวัฒน์ ศิริพาณิชย์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล นายคุณากร ปรีชาชนะชัย และนายนพ ชีวานันท์ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวณิชย์ เป็นเหรัญญิกพรรค นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค น.ส.อรุณี กาสยานนท์ เป็นโฆษกพรรค และมีกรรมการบริหารพรรค 4 คน คือ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นายสรวงศ์ เทียนทอง นาย องอาจ วงษ์ประยูร และนายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์

สลายก๊ก “เจ๊หน่อย” เหลือแค่ “อนุดิษฐ์”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อกรรมการบริหารชุดใหม่ชัดเจนว่าเป็นการสลายขุมกำลังตีกันสายตรงคุณหญิงสุดารัตน์ออกไป จากเดิมที่มีอยู่หลายตำแหน่ง เหลือเพียง น.อ.อนุดิษฐ์คนเดียว และส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดคนตระกูลชินวัตร แบ่งเป็นสายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คือ นายสมพงษ์ พล.ต.อ.สมศักดิ์ นายจักรพล ส่วนคนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกอบด้วยนายกิตติรัตน์ นายยุทธพงศ์ น.ส.ธีรรัตน์ นายคุณากร ขณะที่ตัวแทนนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ คือนายเกรียง และมีส่วนหนึ่งมาจากอดีตพรรคไทยรักษาชาติ 2 คน คือ นายพิชัย น.ส.อรุณี ขณะที่ยังมีนักการเมืองตัวแทนคนรุ่นใหม่และเป็นทายาทนักการเมืองมาเป็นกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายนพ และนายจิรวัฒน์ ส่วนนายเผ่าภูมิถือเป็นเด็กสร้างนายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรค

ดัน “ประเสริฐ” แม่บ้านดีล ส.ส.อีสาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายประเสริฐ ที่ได้เป็นเลขาธิการพรรค เพราะเห็นว่า ส.ส.ภาคอีสานมีอยู่หลายกลุ่ม ถ้าเอาคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ แต่นายประเสริฐไม่ถือว่าเป็นคนของกลุ่มไหนชัดเจน และมีความประนีประนอมจึงทำให้ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

376 เสียงเทให้ “สมพงษ์” คัมแบ็กผู้นำ

ต่อมาเวลา 13.30 น. ภายหลังการประชุมนับคะแนนเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการลงคะแนนว่า ผลการนับคะแนนเลือกผู้บริหารชุดใหม่นั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง โดยได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ 376 เสียง งดออกเสียง 17 บัตรเสีย 7 ใบ ตำแหน่งเลขาธิการพรรคได้แก่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ได้รับคะแนน 330 เสียง งดออกเสียง 13 บัตรเสีย 37 ใบ ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารที่สำคัญอื่น อาทิ รองหัวหน้าพรรคได้แก่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสุทิน คลังแสง นายพิชัย นริททะพันธุ์ ตำแหน่งโฆษกพรรคได้แก่ น.ส. อรุณี กาสยานนท์

“สุรพล” บี้ กกต.คืนสถานภาพ ส.ส.

เมื่อเวลา 14.10 น. นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบส้มว่าจากคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ แสดงว่าการเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องกับตนเป็นไปโดยสุจริต ถามว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งเขต 8 จ.เชียงใหม่กว่า 5.2 หมื่นคะแนน กกต.จะแสดงความรับผิดชอบคืนสิทธิความเป็น ส.ส.ให้ตนอย่างไร รวมทั้งชื่อเสียงเกียรติยศ และความผิดหวังของประชาชนที่เกิดขึ้น กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร ตนและทนายความจะเดินทางยื่นคำร้องต่อเลขาธิการ กกต. วันที่ 2 ต.ค.เวลา 10.00 น. ให้ทบทวนคืนสถานภาพ ส.ส.ให้ตน และพรรคก็เตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องสิทธิให้ตน

ต้องทบทวนผล ลต.ครั้งแรกไร้ทุจริต

ด้านนายปกป้อง กลับวิเศษ ทนายความของนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เลขาธิการ กกต.ระบุการให้ใบส้มถือเป็นที่สุด คำว่าเป็นที่สุดต้องผ่านการพิจารณาและตัดสินจากศาลฎีกาฯก่อน เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจองค์กรอิสระ เมื่อศาลฎีกาฯพิพากษาและมีคำวินิจฉัยในข้อเท็จจริงว่าการถวายเงินพระสงฆ์เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่การถวายผ้าป่าตามที่ กกต.วินิจฉัย เท่ากับลบล้างการตัดสินของ กกต.การออกใบส้มย่อมไม่มีผล กกต.ต้องทบทวนดุลพินิจของตัวเองว่าการเลือกตั้งครั้งแรกที่นายสุรพลชนะ ถือเป็นการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการทุจริต

“จรุงวิทย์” ยันใช้อำนาจ ม.225 ใน รธน.

ที่กระทรวงมหาดไทย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่เขต 8 พรรคเพื่อไทย เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กกต. 70 ล้านบาท กรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้อง กกต.ยกเลิกสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือใบส้มว่า เรื่องการเยียวยาตนยังไม่ทราบ ต้องรอการพิจารณาจาก กกต.เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. สำนักงาน กกต.ต้องเสนอคำพิพากษาศาลให้รับทราบก่อนแล้ว ก็ต้องรอว่า กกต.จะว่าอย่างไร เรื่องที่นายสุรพลจะฟ้องร้องกลับก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ กกต.ทำตามมาตรา 225 ของรัฐธรรมนูญ

ซุกดาบอาญาสิทธิ์คำสั่ง กกต.เป็นที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรา 255 ตามรัฐธรรมนูญ ในหมวดที่ 12 องค์กรอิสระ ส่วนที่ 2 คณะกรรมการเลือกตั้ง โดยมาตรา 225 กำหนดไว้ว่าก่อนประกาศผลการเลือกตั้งหรือการเลือก ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งหรือการเลือกนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจสั่งให้มีการเลือกตั้งหรือการเลือกใหม่ในหน่วยเลือกตั้งหรือเขตเลือกตั้งนั้น ถ้าผู้กระทําการนั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้สมัครรับเลือก แล้วแต่กรณี หรือรู้เห็นกับการกระทําของบุคคลอื่น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราวตามมาตรา 224 (4) คำสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นที่สุด นอกจากนี้ในมาตรา 224 (4) ยังกำหนดไว้ว่า สั่งระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้สมัครรับเลือกตาม (1) ไว้เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้นั้นกระทําการหรือรู้เห็น กับการกระทําของบุคคลอื่น ที่มีลักษณะเป็นการทุจริต หรือทําให้การเลือกตั้งหรือการเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

นร.เลวบุก ศธ.ไล่ส่ง “ณัฏฐพล”

ส่วนกรณีกลุ่มนักเรียนในนาม “นักเรียนเลว” ติดแฮชแท็กผ่านเฟซบุ๊กใจความว่า “ไสรถแห่ไปกูจะไปไล่อีณัฏฐพลให้ดูเป็นขวัญตา” ในวันที่ 2 ต.ค. โดยมีแผนที่แสดงเส้นทางแห่งความเจ็บปวดตั้งเวลา 13.00 น. ไปจนถึงเวลา 17.00 น. เริ่มตั้งแต่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เตรียมอุดมศึกษา เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ เทพศิรินทร์ วัดราชบพิธ และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) วันเดียวกัน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ไม่มี ปัญหา พร้อมเปิดเวทีให้นักเรียนได้แสดงออกทางความเห็นอย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมาได้เปิดช่องทางรับฟังปัญหาต่างๆของนักเรียนแล้ว โดยในวันที่ 2 ต.ค.จะมีผู้บริหาร ศธ.เข้ามารับฟังปัญหากลุ่มนักเรียนและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนในการรับฟังปัญหาของนักเรียน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการวางแผนขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนและอื่นๆ

มธ.รำลึก 44 ปี 6 ตุลาจำลองสังหารหมู่

ที่ห้องโถงหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ คณะกรรมการจัดงาน 44 ปี 6 ตุลา มธ.นำโดยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส เปิดแสดงนิทรรศการรำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่นักเรียนนักศึกษาใน มธ.และสนามหลวง เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2519 ภายใต้ชื่อนิทรรศการแขวน หลักฐาน+ข้อเท็จจริง+พื้นที่+เทคโนโลยี ท่ามกลางความสนใจจากนักศึกษา มธ.และประชาชนจำนวนมาก ได้นำหลักฐานประวัติศาสตร์ที่เก็บรวบรวมมาหลังเหตุการณ์วิปโยค ตั้งแต่ “ประตูแดง” ของจริง เป็นประตูทางเข้าที่ดินจัดสรรแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม อดีตเคยถูกใช้เป็นจุดฆ่าโหดแขวนคอ 2 พนักงานการไฟฟ้าจนเป็นชนวนไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา ยังอยู่ในสภาพเดิมถูกยกมาตั้งเป็นทางเข้าสู่หอประชุมใหญ่ และนำลำโพงที่ใช้ปราศรัยในวันสังหารหมู่ นร. นศ.ในสภาพพรุนไปด้วยรูกระสุน เสื้อนักเรียนของนายจารุพงษ์ ทองสินธุ์ กางเกงยีนส์นายดนัยศักดิ์ เอี่ยมคง 2 เหยื่อที่ถูกสังหารโหด ทั้งภาพถ่ายรางวัลพูลิตเซอร์เหตุการณ์ 6 ตุลา นศ.ถูกฆ่าแขวนคอใต้ต้นไม้แล้วถูกฝ่ายเห็นต่างใช้เก้าอี้ฟาด ผลงานช่างภาพเอพี นีล อุลเลวิช ถูกนำมาขยายใหญ่เท่าของจริง มาจัดแสดงพร้อมลายละเอียดบอกเล่าเหตุการณ์น่าเศร้าสลด

ใช้ไฮเทคสแกนชมภาพจริงหฤโหด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไฮไลต์มีการนำเทคโนโลยีมาใช้บอกเล่าเหตุการณ์เกือบทุกจุดผ่านแท็บเล็ตนับสิบเครื่อง ตั้งแต่ทางเข้าหอประชุมใหญ่ มธ. ผู้เข้าชมสามารถนำแท็บเล็ตที่วางไว้สแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อให้ได้เห็นภาพจริงของ 2 ศพพนักงานการไฟฟ้าที่ถูกแขวนคอ บนประตูแดงก่อนเข้างาน ส่วนโถงหอประชุมมีการนำภาพท้องสนามหลวงในปัจจุบันมาติดไว้ เพื่อให้ผู้เข้าชมสแกนเข้าชมเหตุการณ์การแขวนคอประชาชนในท้องสนามหลวงทุกจุด ล่าสุดค้นพบว่ามีทั้งสิ้น 5 ศพ ส่วนฝั่งหน้าต่างหอประชุมใหญ่ฝั่งสนามฟุตบอล มธ. ให้สแกนเหตุการณ์สังหารหมู่ในสนามฟุตบอล และหน้าต่างหอประชุมฝั่งสนามหลวง จะเห็นเหตุการณ์กองกำลังที่เข้าปิดล้อมฆ่า นศ.ผ่านแท็บเล็ต พร้อมต้นฉบับเสียงการออกอากาศจริงของสถานีวิทยุยานเกราะในวันเกิดเหตุ

ฝ่ายมั่นคงจับตา 5-6 ต.ค.โหมโรงม็อบใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิทรรศการนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-11 ต.ค.โดยเฉพาะวันที่ 4-6 ต.ค. จะเริ่มจัดกิจกรรมเสวนา การจัดแสดงดนตรี ละครเวที การฉายภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ บอกเล่าเหตุการณ์จากผู้อยู่ใน มธ.วันเกิดเหตุ และการจัดพิธีรำลึกวีรชน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับตาการจัดงานครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพราะถือเป็นช่วงสุกดิบก่อนการชุมนุมใหญ่ของม็อบนักศึกษา ที่ประกาศไว้ว่าจะเริ่มเดือน ต.ค. โดยเฉพาะวันที่ 5-6 ต.ค. คณะผู้จัดงานได้เชิญแกนนำสำคัญของม็อบนักเรียนนักศึกษา ได้แก่ แกนนำกลุ่มแนวธรรมศาสตร์และการชุมนุมคือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน คณะรัฐศาสตร์ มธ. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง คณะสังคมวิทยา มธ.นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายสิทธิมนุษยชน แกนนำกลุ่มคณะประชาชนปลดแอก ประกอบด้วย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นศ.ม.เทคโนโลยีมหานคร นายสิรภพ อัตโตหิ นิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ นายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ หรือน้องมิน กลุ่มนักเรียนเลว มาร่วมงาน และจะขึ้นเวทีเสวนาไฮไลต์สำคัญของงานด้วย

รับมอบรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรก

ต่อมาเวลา 12.10 น. นายกฯไปที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ท่า C0) ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นประธานพิธีรับขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรก โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) วันนี้รถไฟฟ้าปกติมีอยู่แล้วและเกิดขึ้นหลายสาย ถามว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงต้องช่วยทำความเข้าใจกันด้วย และฝากขอให้ดูแลประชาชนให้มากที่สุดเรื่องค่าใช้จ่าย วันนี้เราต้องรวมไทยสร้างชาติเพราะเราคือคนไทยต้องรักประเทศไทย ช่วงท้ายนายกฯได้กล่าวแนะนำรองนายกฯ และรัฐมนตรีที่มาร่วมงาน ก่อน กล่าวว่า วันนี้มาหลายคน รองนายกฯก็มา ซึ่งทุกคนเดินหน้ากับนายกฯ เพื่อเดินหน้าทุกอุปสรรค จึงขอให้สร้างความเข้าใจกันให้มากกว่า เพื่อร่วมกันเดินหน้าประเทศยุทธศาสตร์ชาติต้องทำต่อเนื่อง เพราะไม่ได้อยู่แค่เรา แต่ต้องทำเพื่ออนาคตลูกหลาน จากนั้นนายกฯตัดริบบิ้นรับรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรกแล้วเยี่ยมชม

อุบชื่อขุนคลังให้รอเดี๋ยวก็ออก

เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ท่าเรือแหลมฉบัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมแล้วหรือยังว่า “น่าจะทูลเกล้าฯแล้วนะ ผมเซ็นไปหลายอย่าง อะไรเร็วสุดก็ลง เอาน่า เดี๋ยวก็ออกมา” เมื่อถามว่าได้มีการนำชื่อ รมว.คลัง คนใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์หันมาตอบว่า เดี๋ยวก็ออกๆ ซึ่งวันนี้พวกเราต้องช่วยกันเดินไปข้างหน้าอย่ามาดึงกันไปเรื่อยทุกเรื่องบ้านเมืองก็ไปไม่ได้

“อภิรัชต์” นั่งรองเลขาฯวังหมายเลข 6

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศการเลื่อนระดับข้าราชการในพระองค์ให้สูงขึ้น และปรับโอนข้าราชการทหารและพลเรือน เป็นข้าราชการในพระองค์ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เลื่อนระดับข้าราชการในพระองค์ให้สูงขึ้น และปรับโอนข้าราชการทหารและพลเรือน เป็นข้าราชการในพระองค์ ดังต่อไปนี้ 1.พล.อ.ต.ธีระ เชียงทอง รองเลขาธิการพระราชวังระดับ 10 ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวังระดับ 11 หมายเลข 4 2.พล.อ.ต.สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการ พระราชวังระดับ 10 ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวังระดับ 11 หมายเลข 5 3.พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวังระดับ 11 หมายเลข 6 4.พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวังระดับ 11 หมายเลข 7 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.2563

มท.ชง ครม.สัปดาห์หน้าเคาะ ลต.ท้องถิ่น

เย็นวันเดียวกัน ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้บริหารท้องถิ่น มท. เพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดย พล.อ.อนุพงษ์ แถลงผลการประชุมว่า กรมการปกครองได้สำรวจและประกาศรวมหมู่บ้านที่มีราษฎรไม่ถึง 25 คนกับหมู่บ้านอื่นที่มีพื้นที่ติดต่อกันเป็นเขตเลือกตั้ง 41 จังหวัด 109 อำเภอ 128 ตำบล 203 หมู่บ้าน รวม 150 เขตเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว และได้เตรียมงบฯ เพิ่มเติมรองรับการเลือกตั้งในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และ อปท.ได้ตั้งงบฯสำหรับการเลือกตั้งของ อปท. ในปีงบฯ 64 ไว้พร้อมแล้ว กกต.แสดงความพร้อมจัดการเลือกตั้ง อปท.ทุกระดับ มท.ก็พร้อมจะเสนอต่อ ครม.ในสัปดาห์หน้า เมื่อเห็นชอบแล้วจะแจ้งให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งแล้วเสนอ ครม.รับทราบเพื่อออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส่วนกระแสข่าวจะเลือกตั้ง อบจ.วันที่ 13 ธ.ค. เป็นเพียงข่าวหลุด ไม่มีอะไร จะเลือกตั้งรูปแบบใดเป็นหน้าที่ ครม. ส่วน กกต.กำหนดวันเลือกตั้ง

ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า กกต.ได้ออกระเบียบ 11 ฉบับเพื่อควบคุมการเลือกตั้ง แบ่งเขตการเลือกตั้ง อปท.เรียบร้อยแล้ว ขอแจ้งให้ผู้สนใจสมัครรับเลือกตั้งศึกษาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้ดี

ป.ป.ช.ฟัน “นิพนธ์” เบี้ยวจ่ายเงินเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย. ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา กรณีละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ไม่อนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณแก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน วงเงิน 50,850,000 บาท ที่ทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2556 ถือเป็นความผิดทางอาญาฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยนายนิพนธ์อ้างว่าเหตุผลที่ไม่มีการจ่ายเงินให้บริษัทเอกชน เพราะมีการร้องเรียนเรื่องฮั้วประมูล แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย.60 ศาลปกครองจังหวัดสงขลา มีคำพิพากษาให้ อบจ.สงขลา ชำระเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ฯ เป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ย 7% ต่อปี เป็นเงิน 52 ล้านบาท โดยศาลเห็นว่าไม่ปรากฏว่ากรรมการของเอกชนผู้ชนะการประกวดราคาเป็นหุ้นส่วนกับเอกชนอีกรายหนึ่งที่เข้ายื่นเสนอราคาให้เกิดการสมยอมในการประกวดราคา สัญญาจึงยังคงผูกพันคู่สัญญาต้องปฏิบัติตาม ถือว่า อบจ. สงขลาผิดสัญญา ต้องชำระเงินดังกล่าว ป.ป.ช.เตรียมจะเปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงรายละเอียดเร็วๆนี้