“วิษณุ” เฉไฉนายกฯแค่เปรยไม่ได้ส่งซิกพรรคร่วมฯรับ 2 ญัตติตั้ง ส.ส.ร.แก้ รธน. ตอบไม่ถูกศาลยกใบส้ม “สุรพล” โดนถล่มจุดอ่อน รธน.ต้องแก้ร่างใหม่ “อนุชา” อ้างสัญญาณยังไม่ชัดขนาดนั้นต้องรอฟัง กมธ. “ไพบูลย์” พลิ้วเป็นเรื่องของรัฐสภานายกฯไม่เกี่ยว “เสรี” ทำขึงขังไม่ใช่แค่ยึดนายกฯคนเดียว ยืนกรานตั้ง ส.ส.ร.ต้องทำประชามติก่อน “จิรายุ” หยันออกตัวไปใครจะเชื่อ “ก้าวไกล” ย้ำไม่เอานายกฯพระราชทาน-รัฐบาลแห่งชาติ “จุรินทร์” ปัดไม่จำเป็น รัฐสภายังเดินต่อได้ พท.การันตีไม่ตั้งรัฐบาลกับทหารแน่ “จุลพันธ์” ไม่มีใครโง่ไปจูบปากกับ “ประยุทธ์” ด้าน “ชัชชาติ” ปฏิเสธข่าวคืนรังเก่านำทัพเพื่อไทย “เอม” ขำๆบอกไม่รู้ตัวสามีจะลุยการเมือง รองผู้ว่าฯภูเก็ต-อธิบดีกรมที่ดินยันโฉนดศรีพันวาถูกต้อง อยู่นอกเขตป่าและอุทยานฯแถมครอบครองก่อนประกาศพื้นที่ควบคุมเขา
จากกรณีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณให้พรรคร่วมรัฐบาลลงมติเห็นชอบร่างญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน แก้มาตรา 256 ให้จัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ ก่อนลงมติรับหลักการ ยืนยันการส่งสัญญาณของนายกฯไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว.
...
“วิษณุ” เฉไฉ “บิ๊กตู่” แค่เปรยไม่ได้ส่งซิก
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนายกฯส่งสัญญาณให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฯและพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า คำว่านายกฯส่งซิกสื่อพูดกันเอง ไม่ทราบและไม่ตอบ เมื่อถามว่านายกฯพูดชัดหรือไม่ว่าให้ลงมติเห็นชอบ 2 ญัตติที่ให้แก้ไขมาตรา 256 เปิดทางตั้ง ส.ส.ร. นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ คอยดูแล้วกัน ต้องไปถามนายกฯตอบไม่ถูก เมื่อถามว่าแต่เรื่องกฎหมายต้องถามนายวิษณุ ตอบว่า คำถามสื่อไม่ใช่เรื่องกฎหมาย อันนี้เป็นเรื่องส่งซิก ที่นายกฯเชิญไปพูดคุยวงเล็กก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คุยกันหลายเรื่อง ทั้งวัคซีนและอะไรต่อมิอะไร เรื่องรัฐธรรมนูญก็มีเปรย เมื่อถามว่า นายกฯพูดชัดหรือไม่ ให้สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญมี ส.ส.ร. นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ตอบ สื่อเจอนายกฯทุกวันไปถามท่าน มาถามอะไรตน เมื่อตอบกลับว่า ที่ถามเพราะอยู่ในวงด้วย นายวิษณุตอบว่า “ผมรู้แต่เรื่องวัคซีน ไม่รู้เรื่องวัคซิก”
ไปไม่เป็นศาลโละใบส้ม “สุรพล”
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้องกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือใบส้มของนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย ไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปี ว่า นึกไม่ออกเรื่องนี้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่า ต้องให้ความเป็นธรรมเยียวยาให้นายสุรพลหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า ยังตอบไม่ถูก เมื่อถามย้ำว่าผ่านมา 1 ปีจะเรียกคืนสถานะ ส.ส.ได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่าไม่อยากตอบ กกต.คงชี้แจงให้ทราบ เป็นการใช้อำนาจของแต่ละองค์กร ถ้าถามว่าเขามีอำนาจวินิจฉัยหรือไม่ ต้องตอบว่ามีตามอำนาจของเขา แต่มาเกิดเรื่องเพราะ กกต.ไปฟ้องเรียกเงินจัดการเลือกตั้ง ยังตอบไม่ถูก ยังไม่เห็นคำพิพากษาว่าศาลสั่งอย่างไร เมื่อถามว่านายสุรพลฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กกต.ได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่กล้าตอบ ยังไม่เคยเห็น เมื่อถามย้ำว่า มีบางคนโยงว่าเป็นปัญหาเช่นนี้เพราะรัฐธรรมนูญ นายวิษณุยิ้มพร้อมตอบว่า ไม่ทราบ แต่ไหนๆเขาจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็โทษไปให้หมด จะได้แก้เสียทีเดียว
“อนุชา” ไม่ปิดกั้นเชิญฝ่ายค้านเสวนา
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณให้รับร่างรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเข้าสู่คณะ กมธ.วิสามัญศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมรัฐสภาเวลา 30 วัน คงจะได้อะไรชัดเจนขึ้น เชื่อว่าทุกคนต้องการเห็นประเทศชาติเดินไปในทิศทางที่ตั้งกันไว้ น่าเสียดายอย่างยิ่งที่หลายพรรคไม่ได้ร่วมเป็น กมธ.ชุดนี้ด้วย ในเมื่อมี เวทีให้แล้ว แทนที่จะได้ไประดมความคิดเห็นช่วยกันแก้ไข ช่วยกันหาทางออกตามที่ประชาชนคาดหวัง แต่เชื่อว่า กมธ.ไม่ได้มีความคิดจะกีดกันหรือปิดบังอะไร อาจเชิญฝ่ายค้านเข้ามาร่วมเสวนาด้วย เพื่อให้แสดงความคิดเห็น ไม่ได้ปิดกั้นใดๆ
วอนอย่ามุ่งแต่เอาชนะคะคานกัน
เมื่อถามว่า ในส่วนของรัฐบาลจะไม่เสนอร่างของรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า เราตั้งคณะ กมธ.แล้ว เราไปพูดคุยกันใน กมธ. เราคงไม่ไปชี้นำ แต่นายกฯมีเจตนาและหวังดี อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปได้ เมื่อถามว่าไม่มีฝ่ายค้านร่วมในคณะ กมธ.หากผลพิจารณาออกมาฝ่ายค้านไม่ยอมรับอยู่ดี จะเกิดปัญหาขึ้นอีกหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า สื่อคาดการณ์ไปเองหรือไม่ เป็นเรื่องยังไม่เกิด การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ต้องเคารพเสียงคนหมู่มาก แต่ไม่ว่าเสียงน้อยหรือมากต้องพูดคุยกันก่อน สรุปให้ลงตัว เพื่อประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้งไม่ใช่เอาชนะคะคานจนลืมว่าประเทศชาติเป็นของทุกเสียงทุกคน ไม่ใช่ว่ากลุ่มใดมีพลังหรืออำนาจมากกว่า
ชี้นายกฯสัญญาณยังไม่ชัดรอฟัง กมธ.
เมื่อถามอีกว่าที่แน่ๆมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ขณะนี้ นายอนุชากล่าวว่า อยากฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทุกอย่างต้องมีบทบาทการพูดคุยเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ไม่ใช่ความเห็นคนกลุ่มเดียว ยังมีอีกหลายกลุ่มไม่ว่ากลุ่มที่ชุมนุมหรือไม่ชุมนุมหรือไม่แสดงออก เราจะทำอย่างไรเพื่อหาจุดร่วม ตอนนี้ คณะ กมธ.กำลังเริ่มพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญยังอยู่ทั้ง 6 ญัตติ ยังไม่ได้มีของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกไป ต้องมาพูดคุยกันก่อนแล้วค่อยรับหลักการ ทุกฝ่ายยังมีโอกาส คณะ กมธ.ต้องศึกษาทุกร่าง แต่บางทีต้องมีจุดยืนเพื่อให้มีความชัดเจนว่าไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 การที่นายกฯส่งสัญญาณให้รับร่างพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังไม่มีความชัดเจนขนาดนั้น ขอให้มีการพูดคุยชั้น กมธ.ก่อนดีกว่า เป็นเรื่องสำคัญ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือหันหน้าเข้าหากัน รวมถึงคนไม่ได้เข้าร่วม กมธ.ด้วยต้องช่วยกัน
“วิรัช” นั่ง ปธ.กมธ.ศึกษาแก้ รธน.
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนัดแรก มีนายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้มีอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเลือกตำแหน่งต่างๆใน กมธ. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เป็นประธาน กมธ. ส่วนตำแหน่งอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ รองประธาน กมธ. มี 6 คน ที่ปรึกษา กมธ. 4 คน ขณะที่โฆษก กมธ. มี 2 คน คือ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และ 2.นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และมีนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย เป็นเลขานุการ กมธ.
ยันเร่งทำงานให้ทันกรอบ 30 วัน
จากนั้นเวลา 15.00 น. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า เบื้องต้น กมธ.ได้หารือร่วมกันว่า ควรให้ผู้เสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดมาชี้แจงข้อมูล และจะเชิญนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ และประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจงผลการศึกษาให้ที่ประชุมรับทราบด้วย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าฝ่ายค้านจะมาชี้แจงข้อมูลต่อ กมธ.หรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับ กมธ. เบื้องต้นยืนยันว่าจะเร่งทำหน้าที่ให้ทันตามกรอบระยะเวลา 30 วัน ต่อไป
ไม่เชิญไอลอว์ให้ความคิดเห็น
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธาน กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กล่าวว่า เราเตรียมจะเชิญผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ มาให้ความเห็น แต่มีประเด็นว่าจำเป็นต้องเชิญตัวแทนภาคประชาชนที่เตรียมจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภามาชี้แจงด้วยหรือไม่ ได้สอบถามแต่ที่ประชุมได้ทักท้วงว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนยังไม่ได้รับการบรรจุระเบียบวาระของรัฐสภา หากไปทำเช่นนั้นอาจไปขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 121 นอกจากนี้ได้พูดคุยข้อกฎหมายสำคัญ อาทิ การทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
“ไพบูลย์” ชี้เรื่องรัฐสภานายกฯไม่เกี่ยว
เมื่อถามว่ามีข่าวออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณให้พรรคร่วมรัฐบาลรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีผลต่อการพิจารณาของ กมธ.หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องของรัฐสภา คณะรัฐมนตรีไม่ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา แต่เท่าที่ดูจาก กมธ.ทุกคนมีแนวโน้มและทิศทางที่ดีที่จะรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
“เสรี” ขึงขังยึดนายกฯ คนเดียวไม่ได้
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ ก่อนลงมติรับหลักการ กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งให้พรรคร่วมรัฐบาลลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จำนวน 2 ญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเป็นการส่งสัญญาณให้ ส.ว.ลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวกัน อย่านำนายกฯ มาโยง การแก้รัฐธรรมนูญต้องพูดคุยด้วยเหตุผล นำความเห็นต่างมาพูดคุย เพื่อหาจุดร่วมที่ลงตัวให้เห็นพ้องต้องกัน ไม่ใช่การมุ่งเอาชนะคะคานกัน การที่ ส.ว.จะตัดสินใจอะไร ไม่ใช่แค่ยึดนายกฯ คนเดียว แต่ต้องฟังทุกฝ่ายทั้ง ส.ส. รัฐบาล ฝ่ายค้าน ไอลอว์ โดย ส.ว.15 คน ที่เป็น กมธ.ชุดนี้ถือเป็นตัวแทน ส.ว.ในการตัดสินใจ
เสียงแข็งตั้ง ส.ส.ร.ต้องประชามติก่อน
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า จุดยืนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญของตนคือ สามารถแก้ไขมาตรา 256 ได้ แต่ถ้าจะตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ควรทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนก่อนจะเห็นชอบหรือไม่ เรื่องนี้ต้องนำมาหารือใน กมธ.ว่าตามกฎหมายแล้วจะต้องทำประชามติหรือไม่ เพราะเคยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2555 วินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ให้ยกร่างใหม่ทั้งฉบับในลักษณะเดียวกันนี้ ระบุชัดเจนว่าต้องทำประชามติสอบถามประชาชนก่อน
“พรเพชร” เสียดายฝ่ายค้านไม่ร่วมวง
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 6 ฉบับ ก่อนรับหลักการว่าเสียดายที่บางพรรคไม่เข้าร่วมใน กมธ.ชุดนี้ จะได้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งแต่ละร่างและนำไปสู่การแก้ไข แต่ถึงจะไม่มีพรรคฝ่ายค้านมาร่วมด้วย ร่างก็ไม่ตกไปต้องรอการลงมติรับหลักการวาระแรก ตอนนั้นจะเห็นเค้าลางว่าร่างใดจะได้รับความเห็นชอบ ส่วนกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญภาคประชาชนของกลุ่มไอลอว์ ต้องศึกษาและตรวจสอบให้รอบคอบ ที่ผ่านมามักเจอปัญหารายชื่อภาคประชาชน หากร่างไอลอว์ตรวจสอบไม่ทันต้องเร่งนำญัตติเดิม 6 ฉบับเข้าสู่ที่ประชุมก่อน เป็นเรื่องเร่งด่วนแต่ละฝ่ายคงไม่ยอมให้เลื่อนอีก ส่วนแต่งตั้ง ส.ว.ใหม่แทนตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพที่หมดวาระลงต้องให้บุคคลที่จะเข้ารับตำแหน่งแสดงคุณสมบัติให้ ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการถือครองหุ้นเกี่ยวกับสัมปทานของรัฐ การถือครองหุ้นสื่อ ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก่อน จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของตนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
“ชวน” เตือนอย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า มั่นใจว่าการลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ หากมีร่างใดร่างหนึ่งตกไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเมือง ทุกร่างที่เสนอเข้ามามีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดาที่จะผ่านหรือไม่ผ่านความเห็นชอบ ทุกฝ่ายต้องให้เกียรติกันและกัน เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับแก้ไขมาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร.ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิก แต่การลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้จะมีเสียง ส.ส.ลงมติเอกฉันท์ แต่ร่างดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบไม่ได้ ถ้าไม่มีเสียง ส.ว. 1 ใน 3 ร่วมลงมติด้วย จึงคาดหวังว่าใน กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับก่อนรับหลักการ จะหารือเจรจาให้เกิดทางออกที่ดีของทั้งสองฝ่าย เคยแจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่าการดำเนินการใดๆ อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า
“นิพนธ์” เชื่อรับหลักการรื้อ รธน.วาระ 1
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกันได้ ขณะนี้ยังไม่มีบรรยากาศที่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วม ขณะเดียวกันจุดยืนของพรรคประชา-ธิปัตย์ สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพื่อให้มี ส.ส.ร.จึงเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทำความเข้าใจ และนำไปสู่การรับหลักการวาระแรกได้สำเร็จ
“จุรินทร์” ตีปี๊บแก้ รธน.คู่แก้ปากท้อง
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฯเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือก่อนการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะมีความเห็นไปทางเดียวกันแล้ว ต้องเร่งหารือและหาจุดร่วมกับวุฒิสมาชิก ถ้า 3 ฝ่าย เห็นร่วมกันรัฐธรรมนูญก็แก้ได้ จึงสั่งการให้ กมธ.ของพรรคผลักดันเต็มที่ในการประชุม กมธ.ฯ ใน 1 เดือนนี้ เพราะเป็นทั้งจุดยืนพรรคและนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและให้สนับสนุนร่างแก้ไขของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านที่แก้มาตรา 256 ให้ตั้ง ส.ส.ร.โดยไม่แตะหมวด 1-2
โบ้ยรัฐบาลแห่งชาติยังไม่จำเป็น
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนที่บางฝ่ายเห็นควรแก้ปัญหาปากท้องก่อนแก้รัฐธรรมนูญนั้น ปากท้องสำคัญมากแต่การบ้านของประเทศมีหลายข้อทำพร้อมกันไปได้ การแก้ปัญหาปากท้องเป็นหน้าที่รัฐบาล ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่รัฐสภา ส่วนร่างของไอลอว์ยังต้องรอบรรจุวาระก่อน ถือว่าร่างที่ กมธ.พิจารณาก่อนรับหลักการต้องนำมาพิจารณายังมีแค่ 6 ร่าง เมื่อถามถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายจุรินทร์กล่าวว่า การหารือกับนายกฯและพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีคุยเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลแห่งชาติในโลกจะเกิดได้ต้องอยู่ในภาวะสงครามหรือในภาวะวิกฤติที่ระบบปกติไม่มีทางไป แต่สถานการณ์ประเทศเราขณะนี้ระบบรัฐสภายังเดินหน้าไปได้ตามปกติ จึงไม่เห็นความจำเป็นและไม่ทราบที่มาที่ไปของข่าว
“เทพไท” ยกคดีใบส้มจุดอ่อน รธน.60
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งยกคำร้องคดีนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย ใส่ซองทำบุญช่วงเลือกตั้งว่า เป็นบทเรียนราคาแพงของทุกฝ่าย จากจุดบกพร่องของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ประกาศใช้มาเกือบ 3 ปีพบจุดบกพร่องมากขึ้นเป็นลำดับ จนต้องตั้งคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาของรัฐธรรมนูญปี 2560 ขึ้นมา พบว่ามีจุดอ่อนและจุดบกพร่องเกือบทุกมาตรา จึงเป็นที่มาของการเคลื่อนไหวให้แก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ไม่สามารถจะแก้ปัญหาจุดอ่อนหรือจุดบกพร่องได้ทั้งหมด
ขยี้ตั้ง ส.ส.ร.ร่างใหม่ฉบับ ปชช.
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ล่าสุดคดี กก.ต.ให้ใบส้มแก่นายสุรพล เกียรติไชยากร เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หากเสียหายกระทบสิทธิผู้ใดต้องเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งยากต่อการเยียวยาและชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น จากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เช่นเดียวกับกรณีคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของตนที่อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาจากข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ไม่ชัดเจน เรื่องคุณสมบัติการพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และไม่ใช่ผลจากคำพิพากษาศาลฎีกาให้เป็นที่สุด มากำหนด คุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. การร่างรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นมาเพียงต้องการสร้างภาพให้เห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงพยายามสร้างภาพกีดกันไม่ให้ผู้เคยกระทำความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.หรือกฎหมายเลือกตั้ง เข้าสู่ตำแหน่ง ส.ส. ในทางปฏิบัติรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่สามารถป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันได้ เป็นได้แค่โฆษณาชวนเชื่อหวังผลการลงประชามติ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทางการเมืองไม่รู้จักจบสิ้นจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จำเป็นต้องผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ตั้ง ส.ส.ร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง
“ราเมศ” บี้ต้องถ่วงดุลอำนาจ กกต.
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้พิพากษาให้นายสุรพล ไม่มีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งว่ากรณีนี้หลายฝ่ายข้องใจที่ให้เลือกตั้งใหม่ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กล่าวหาว่านายสุรพลใส่ซองทำบุญให้พระ 2,000 บาท มีมูลความผิดกฎหมายเลือกตั้งส.ส.มาตรา 73 (2) รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งส.ส.ให้ถือว่าคำสั่งถึงที่สุด จนเลือกตั้งใหม่ได้ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ชนะเลือกตั้งซ่อม เมื่อศาลฎีกาฯพิพากษาว่าไม่เป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่ดำเนินมาจนยากจะเยียวยาผู้รับผลกระทบข้อเท็จจริงขัดแย้งความเป็นธรรมและความเป็นจริง ส.ส.ตัวจริงควรเป็นนายสุรพล ที่ปิดหีบได้คะแนนอันดับหนึ่ง คำสั่ง กกต.ก่อนประกาศผลก่อปัญหาไม่มีการถ่วงดุล ทุกคำสั่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่ควรจบที่ กกต. แต่ควรให้ศาลฎีกาฯ ถ่วงดุลและร่วมตรวจสอบจะเป็นหลักประกันอย่างดี การแก้รัฐธรรมนูญควรหยิบยกประเด็นเหล่านี้มาทบทวนด้วย
จี้ใจดำ กกต.บ้องตื้นหรือมีใบสั่ง
นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเลขาธิการ กกต. ยืนยันว่าจะไม่คืนสิทธิให้นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ว่า การทำบุญเป็นวิถีของคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ต้องร่วมทำบุญเทศกาลต่างๆตามความเชื่อและศรัทธาที่มีต่อศาสนา ไม่ต่างกับคนนับถือศาสนาอิสลามในสามจังหวัดชายแดนใต้ ส.ส.จำเป็นต้องทำบุญใส่ซองในงานประเพณีต่างๆ อาทิ งานศพ แม้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เรื่องทำนองนี้ในอดีตเคยเกิดขึ้นเป็นปัญหาแล้ว ในงานศพพี่น้องมุสลิมที่กรุงเทพมหานคร การกล่าวหาว่าใส่เงินซื้อเสียงจนเป็นข่าว แต่เมื่อชี้แจงว่าเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีงานศพชาวมุสลิม เจ้าหน้าที่ก็เข้าใจยุติเรื่อง แต่กรณีนี้ไม่ทราบว่าเพราะบ้องตื้นหรือว่ามีใบสั่ง หากเทียบเคียงกรณีร้องเรียนเรื่องซื้อเสียงที่ จ.พัทลุง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ได้รวบรวมหลักฐานชัดเจนมายื่นให้ กกต.พิจารณา แต่กลับยกคำร้องจนเรื่องไปสู่ศาลคดีทุจริตขณะนี้
ขย่มเลือกปฏิบัติถึงเวลายำใหม่ รธน.
นายอันวาร์กล่าวว่า ที่น่าแปลกใจคือ ส.ส.พัทลุงไม่อยู่ในที่ประชุมสภาฯ แต่กลับมีชื่อร่วมลงมติโหวตออกเสียงในสภาฯ ทั้งที่ไปปรากฏตัวในงานวันเด็กที่ จ.พัทลุง ที่นายนิพิฏฐ์ก็มียืนหลักฐานตั๋วเครื่องบินทั้งไปกลับทำให้ปฏิเสธไม่ได้ แต่จนบัดนี้เรื่องนี้กลับไม่คืบหน้า ยิ่งทำให้สังคมไทยคิดเปรียบเทียบการทำงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องว่าไม่บ้องตื้นก็อาจมีใบสั่งจากใคร เพื่อน ส.ส.ทุกพรรคอภิปรายกันบ่อยว่า พวกเราถูกองค์กรอิสระควบคุม ฟังแล้วเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักลั่น เสมือนเลือกปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ น่าจะตอกย้ำว่ามีมูลความจริงหรือไม่อย่างไร ถึงเวลาหรือยังที่พวกเราจะร่วมมือกันผลักดันแก้ปัญหาการเมืองที่ถูกปกครองด้วยองค์กรอิสระ ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 272 เพื่อไม่ให้ 250 ส.ว. มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯได้อีกต่อไป
“เจ๊หน่อย”กระตุกผ่าตัด รธน.อัปลักษณ์
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณี หลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำพิพากษายกคำร้องกรณี กกต.ให้ใบส้มหรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.2562 แก่นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทยว่า “ไม่ทราบจะดีใจหรือเสียใจกับท่าน ส.ส.สุรพล เรื่องนี้สะท้อนความอัปลักษณ์ของรัฐธรรมนูญ 60 ได้เป็นอย่างดี กกต.แจกใบส้มผิดพลาด ทำลายชีวิตทางการเมืองของ ส.ส.คนหนึ่ง รวมทั้งทำลายสิทธิและเสียงของประชาชน เผด็จการใช้รัฐธรรมนูญ และฝังคนในองค์กรอิสระ คือโรคร้ายที่ต้องผ่าตัดใหญ่ โดยการร่วมมือของคนทั้งประเทศ”
“อนุดิษฐ์” ขอ ส.ว.อิสระไม่ต้องให้ใครสั่ง
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ในฐานะ กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับฯ ระบุนายกฯสั่งพรรคร่วมรัฐบาลให้ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256 ไม่เกี่ยวกับ ส.ว.ว่า ฟังการอภิปรายของ ส.ว.แต่ละท่านมีมุมมองและความเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนและต่างกัน บางท่านอภิปรายขัดแย้งกัน จึงหวังว่า ส.ว.จะมีอิสระตัดสินใจรับหรือไม่รับหลักการ โดยไม่มีใครครอบงำ ยึดถือเอาความถูกต้องและประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะการทำงานของ กมธ.ที่มี ส.ว.ถึง 15 คน เข้าไปทำหน้าที่จะได้นำเอาความเห็นของคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำไว้อย่างละเอียดครบถ้วนมาถ่ายทอดให้ ส.ว.ทั้งหมด ทำให้มั่นใจว่าหากทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่าถึงวันโหวตรับหลักการเชื่อว่า ส.ว.จะโหวตรับหลักการด้วยข้อมูลครบถ้วน ไม่ใช่คำสั่งจากใคร
“จิรายุ” ตอก “เสรี” ออกตัวไปใครก็ไม่เชื่อ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้า ส.ว.มีจิตสำนึกของประชาธิปไตยได้และต้องการสร้างภาพลักษณ์ของคำว่าวุฒิสมาชิกให้คงอยู่สถาพร ขอให้แสดงความจริงใจ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญ นอกจากช่วยประชาชนแล้วยังช่วยให้ภาพลักษณ์ ส.ว.ดูดี เป็นที่พึ่งที่หวังของประเทศได้ ที่ผ่านมาคนเป็น ส.ว.มักได้รับการเชิดหน้าชูตา มีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจะนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่รัฐธรรมนูญ 60 แม้จะเขียนให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ทำให้ ส.ว.มัวหมอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญตัดอำนาจเลือกนายกฯ ที่ไม่ควรมีมาแต่ต้นแล้ว จะช่วยให้ภาพลักษณ์ ส.ว.ดีขึ้น นายกฯจะสั่งหรือไม่สั่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาออกตัวว่า ส.ว.สั่งการไม่ได้ วันนี้สังคมและประชาชน เขารู้เขาเห็นและเข้าใจไปไกลแล้ว เสียเวลาที่จะมาออกตัวว่าไม่มีผู้เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของ ส.ว. ภาพการโหวตนายกฯ ทั้ง 250 คน ยังไม่มีใครลืม ทุกวันนี้ประชาชนรู้อยู่แล้วว่า ส.ว.ที่มีมาอย่างไร และทำหน้าที่เพื่อประชาชนหรือใครกันแน่ วันนี้ ส.ว.มีโอกาสสุดท้ายที่จะสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองน่าเชื่อถือ ถ้าไม่ใช้โอกาสนี้ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนรังแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ของท่านเป็นอย่างไรในสายตาประชาชน ตนเชื่อว่า ส.ว.ทั้ง 250 ท่าน ควรจะรู้ด้วยตนเอง
กกต.ไม่ตอบศาลยกคำร้อง “สุรพล”
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ปฏิเสธที่จะชี้แจงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้องคดี นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย กรณีใส่ซองทำบุญช่วงเลือกตั้ง และเตรียมที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กกต. 70 ล้านบาท โดยระบุว่า ยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม กรรมการ กกต.ทั้ง 7 คน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเลขาธิการ กกต.ที่จะต้องแจ้งให้ทราบ จึงยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ โดยเฉพาะข้อกฎหมาย ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับเรื่องของคดี และการดำเนินการทั้งหมด นอกจากนี้ ยังปฏิเสธตอบคำถามที่หลายคนสงสัยว่านายสุรพลจะได้สถานะ ส.ส.คืนมาหรือไม่ เพราะขณะนี้หลังการเลือกตั้งใหม่ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ได้เป็น ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 แทนแล้ว
สภายันเครื่องลงคะแนน 100%
ที่รัฐสภา น.ส.สิตาวีร์ ธีระวิรุฬ์ ผอ.สำนักสารนิเทศ รัฐสภา แถลงชี้แจงกรณีนายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุข้อผิดพลาดของเครื่องลงคะแนนในห้องประชุมที่ผลการลงคะแนนที่ออกมาไม่ตรงกับที่กดปุ่มลงคะแนนไปขณะลงมติตั้ง กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการว่า ในฐานะผู้รับผิดชอบการตรวจรับระบบไอซีทีรัฐสภา และดูแลระบบในห้องประชุมสุริยันและจันทรา ยืนยันว่าก่อนเปิดประชุมได้ทดสอบระบบลงคะแนนทุกที่นั่ง มั่นใจว่าระบบลงคะแนนใช้งานได้ 100% ทางเทคนิครู้กันว่าถ้าเครื่องทำงานได้จะใช้การได้ 100% แต่ถ้าทำงานไม่ได้จะไม่ปรากฏผลลงคะแนนเลย ยืนยันระบบใช้งานได้ 100% ผลออกมาตรงไปตรงมา ถ้ากดปุ่มเห็นด้วยคะแนนจะออกมาเห็นด้วย ถ้ากดปุ่มไม่เห็นด้วย คะแนนจะออกมาไม่เห็นด้วย ในอดีตเคยเกิดฮิวแมนเออร์เรอร์ ถ้าผู้ลงคะแนนทราบว่ากดปุ่มลงคะแนนผิดพลาด ทำหนังสือขอแก้ไขผลการลงคะแนนได้ภายหลัง
บิ๊ก ขรก.ชักแถวพบ “บิ๊กตู่” รับนโยบาย
ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เมื่อเวลา 08.45 น. นายกฯเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่มีภารกิจอย่างเป็นทางการ แต่ได้เปิดให้นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าที่เลขาธิการ สศช.คนใหม่เข้าพบนายกฯ เพื่อรับนโยบายในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อม ผบ.เหล่าทัพและ สตช.บางส่วน อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่เข้าพบเป็นการส่วนตัว ก่อนปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 ต.ค.โดยไม่มีนัยอะไรเป็นพิเศษ เป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาในกองทัพ ในฐานะ รมว.กลาโหม
“บิ๊กแอร์” ยันทหารไม่ยุ่งการเมือง
ช่วงบ่าย ที่ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช กองทัพอากาศ (ทอ.) จัดพิธีส่งมอบหน้าที่ ผบ.ทอ.ระหว่าง พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ กับ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ.คนใหม่ หรือ “บิ๊กแอร์” โดยนำเครื่องบินขับ ไล่เอฟ-18 เอฟ-16 กริพเพนอย่างละ 2 ลำ รวม 6 ลำ บินสดุดีเป็นเกียรติพิธีมอบธง ผบ.ทอ.จากนั้น พล.อ.อ.แอร์บูล ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่าไม่มีอะไร ขณะนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี ปัญหาคลื่นใต้น้ำใน ทอ.คงไม่น่ามีปัญหาหนักใจอะไร คลื่น สักวันก็สงบ แล้วค่อยแก้ไขปัญหากันไป ใครมีหน้าที่อะไรทำตามนั้นทุกอย่างจะดีเอง ความเป็นพี่น้องดำเนินการต่อไป เราถูกปลูกฝังเอาไว้เช่นนั้น ส่วนการทำหน้าที่ ส.ว.ที่ต้องร่วมโหวตญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.อ.แอร์บูลตอบว่า ตนปฏิบัติตาม รัฐธรรมนูญระบุเช่นใดทำเช่นนั้น เพราะมีขั้นตอนและกติกา ข้อเรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการปิดสวิตช์ ส.ว.ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถามถึงจุดยืนและระยะห่างทางการเมือง พล.อ.อ.แอร์บูลตอบว่า ทหารไม่เกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว ตามรัฐธรรมนูญ ทอ.มีหน้าที่เตรียมพร้อมกำลังรบ ป้องกันราชอาณาจักรและช่วยเหลือประชาชน ส่วนการเมืองไม่ยุ่งเกี่ยว
“บิ๊กลือ” อำลา ทร.ลั่นที่ทำไว้คิดดีแล้ว
เมื่อเวลา 14.09 น. ที่ท้องพระโรง พระราชวังเดิม กองทัพเรือ (ทร.) พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. หรือ “บิ๊กลือ” ทำพิธีรับ-ส่งหน้าที่ให้ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน (บิ๊กอุ๋ย) ผบ.ทร.คนใหม่ พล.ร.อ.ลือชัยกล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาได้มุ่งมั่นทำให้ ทร.เป็นกองทัพของประชาชน ขอบคุณกำลังพล 7 หมื่นกว่านายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ ให้เข้มแข็งในแบบ นักรบชาวเรือ ปัญหาปัจจุบันซับซ้อนมากขึ้น ต้องใช้ความเป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะลูกประดู่และลูกเสด็จเตี่ย ไม่มีซ้ายมีขวา ไม่มีหน้ามีหลัง ต้องเป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน แม้วันเวลาจะเปลี่ยนไปแต่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามสถานการณ์ รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของทหารเรือให้ดี สิ่งใดดีก็สืบต่อไป สิ่งใดไม่ดียกเลิกได้ ตนไม่ใช่คนที่ยึดติดแต่สิ่งที่ทำมานั้นผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้ว จากนั้นทหารกองเกียรติยศแสดงความเคารพ ยิงสลุต 19 นัด เพื่อเทิดเกียรติแก่ พล.ร.อ.ลือชัย กำลังพลพากันตั้งแถวมอบดอกกุหลาบ ก่อนเดินทางออกจากพระราชวังเดิม
ก้าวไกลไม่เอานายกฯพระราชทาน
เมื่อเวลา 18.00 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ไม่เอานายกพระราชทาน ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ เป็นเสมือนการ “ย้อมแมวขาย” แต่ผมเห็นว่ามันแย่กว่านั้นเพราะนี่คือการ “ย้อมเสือให้เป็นแมว” อ้างความจำเป็นต่อสถานการณ์ ไม่ได้มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน เพราะไม่ได้ให้ความเห็นชอบโดยผู้แทนราษฎร อาจเรียกได้ว่าเป็นเผด็จการด้วยซ้ำ เพราะมีที่มาจากการแต่งตั้งโดยบุคคลเพียงคนเดียว มากไปกว่านั้นการแปะป้าย “พระราชทาน” ยังเท่ากับเป็นการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นผู้ใช้อำนาจทางการเมืองโดยตรง เป็นการล่วงละเมิดต่อระบอบประชาธิปไตย ที่พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอีกด้วย สุดท้ายยังมีใครดันทุรัง ผมและพรรคก้าวไกลขอยืนยันว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านให้กับพี่น้องประชา ชนชาวไทยทุกคน”
พท.การันตีไม่ตั้งรัฐบาลกับทหาร
นายศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะไปร่วมกับทหารเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ยืนยันพรรคไม่มีทางไปร่วมรัฐบาลกับทหาร เป็นรัฐบาลแห่งชาติแน่นอน ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่เห็นด้วยและประชาชนไม่เห็นด้วย จะเลิกเล่นการเมืองเลยถ้าพรรคทำแบบนั้น ยืนยันว่าพรรคไม่มีทางทำเช่นนั้น ประชาชนต่อสู้เสียเลือดเนื้อมาเท่าไร ไม่มีวันที่พรรคจะไปจับมือแล้วบอกว่าวันนี้มีความสุขแล้ว
ไม่มีใครโง่ไปจูบปาก “ประยุทธ์”
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังยึดมั่นแก้รัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตยให้ได้ และยืนยันว่าไม่มีพรรคการเมืองใดโง่พอไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าร่วมก็กลับบ้านไม่ได้ ยืนยันว่าพรรคมีเป้าหมายทำงานเพื่อประชาชน แต่ไม่ได้ฝันว่านายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะกลับมาเป็นนายกฯพระราชทาน เป็นเพียงแค่ความฝัน
ดึงทุกกลุ่มร่วมตอบโจทย์ ปชช.
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับโครงสร้างพรรคที่จะดึงสมาชิกกลุ่มต่างๆเข้ามามีส่วนร่วม และดึงคนรุ่นใหม่มาช่วยงานบริหารมากขึ้นว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าที่สุดแล้วกรรมการบริหารจะมีใครบ้าง แต่เท่าที่ได้ยินจะมีตัวแทนทุกกลุ่มเข้าร่วม ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกพรรค และการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้านได้ และหวังว่าประชาชนทุกกลุ่มจะเข้าใจการบริหารจัดการของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่จะเป็นการผสมแนวคิดของคนทั้งสองรุ่น เพื่อตอบสนองความ ต้องการของประชาชนทุกกลุ่ม
“ชัชชาติ” โพสต์ปัดคืนรังเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าวนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม จะหลีกทางลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้วจะกลับเข้ามาทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 30 ก.ย. นายชัชชาติโพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวว่า “ข่าวที่ออกมาว่าผมจะกลับไปทำงานการเมืองกับพรรค หรือหลีกทางให้ผู้สมัครบางท่านนั้น ไม่เป็นความจริงนะครับ ตอนนี้ผมยังลงพื้นที่ เพื่อดูปัญหาของชุมชนต่างๆในนามอิสระ อย่างต่อเนื่องครับ ล่าสุดเพิ่งลงไปเขตประเวศมาครับ”
“เอม” อำไม่รู้ตัวเลยสามีลุยการเมือง
ขณะที่กระแสข่าวนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร หรือเอม บุตรสาวของนายทักษิณ จะเปิดหน้าลงเล่นการเมืองด้วยนั้น วันเดียวกัน น.ส.พินทองทาได้โพสต์สตอรี อินสตาแกรมถึงเรื่องดังกล่าวว่า “ภรรยาเขยแม้วไม่รู้ตัวเลยคะเนี่ย”
ลงตัวแค่ “สมพงษ์-ประเสริฐ-อรุณี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ จะมีประมาณ 20-24 คน ตำแหน่งที่ชัดเจนแล้วคือตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายสมพงษ์ อมรวิวิฒน์ จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคจะเป็นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ส่วนโฆษกพรรคจะเป็น น.ส.อรุณี กาสยานนท์ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ขณะที่คนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมในคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เขต 3 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เขตพื้นที่ อ.สันกำแพง ฐานะที่มั่นของตระกูลชินวัตรที่ จ.เชียงใหม่ และนายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา บุตรชายของนายพ้อง ชีวานันท์ อดีต รมช.คมนาคม สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อทำให้การบริหารงานของพรรคตรงกับความต้องการของประชาชน
“เพนกวิน” เผาหมาย สน.บางเขน
เมื่อเวลา 13.00 น. นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำเยาวชนปลดแอก น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ตัวแทนกลุ่ม มศว คนรุ่นเปลี่ยน น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นายชาติชาย หรือ ธัชพงศ์ แกดำ น.ส.ศุกรียา วรรณยุวัฒน์ และนายภัทรพงศ์ น้องฝาง แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก พร้อมทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี สว. (สอบสวน) สน.บางเขน รับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ร่วมกันจัดการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณหน้า สน.บางเขน เมื่อวันที่ 7 ส.ค. เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) แกนนำกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย นายพริษฐ์กล่าวว่า การออกหมายเรียกตั้งข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรม ไม่ปฏิบัติตามหลักของกฎหมาย ต่างกับกลุ่มไทยภักดี ที่ไม่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหาใดๆเลย ก่อนใช้ไฟแช็กจุดเผาหมายเรียก ชู 3 นิ้ว เดินขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน สน.บางเขน
ปัดทุกข้อหายอมให้ปรับแปะหมุดผิดที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อนายพริษฐ์ เดินออกมาจากโรงพักได้นำสติกเกอร์หมุดคณะราษฎร 2563 ปิดทับตราโล่เขนของตำรวจที่ประตูโรงพัก ก่อนที่ตำรวจจะมาแกะออกไป นายพริษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นพวกตนโดนแจ้งความใน 3 ข้อหา คือ ชุมนุมโดยไม่แจ้งการชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง และกีดขวางจราจรตาม พ.ร.บ.จราจร ซึ่งพวกตนให้การปฏิเสธทั้งหมด เจ้าหน้าที่พยายามจะพิมพ์ลายนิ้วมือแต่ตนปฏิเสธไปเนื่องจากเป็นการเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก หลังจากนี้พนักงานสอบสวนนัดส่งหนังสือคำให้การต่อศาลอีกครั้งวันที่ 22 ต.ค. ทั้งนี้ กรณีที่นายพริษฐ์นำสติกเกอร์ไปแปะทับตราโล่เขนตำรวจถูกปรับเป็นเงิน 1,000 บาท ในความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาด และมีผู้ที่มาให้กำลังใจอีกรายถูกปรับเนื่องจากนำสติกเกอร์หมุดคณะราษฎร 2563 ไปปิดบนป้ายข้างโรงพัก ซึ่งทั้งคู่ยินยอมเสียค่าปรับ
แจ้งจับครูตีเด็กบดินทร์ต้านเผด็จการ
ที่ สน.วังทองหลาง น.ส.ณัฏฐา หรือโบว์ มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พาตัวแทนนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา แจ้งความกับ พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ เงินฉลาด รอง ผกก. (สอบสวน) สน.วังทองหลาง และ ร.ต.อ. วิทยา ทองแดง รอง สว. (สอบสวน) สน.วังทองหลาง ให้ดำเนินคดีครูที่ตีนักเรียน และต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย รวมทั้งจะตัดคะแนนความประพฤติเนื่องจากการไปร่วมกิจกรรมชุมนุม “กลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการ” เมื่อวันที่ 25 ก.ย.63 น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ตามที่ได้มีคลิปเสียงและภาพครูตีนักเรียน ร.ร.บดินทร์ ปรากฏในสื่อออนไลน์ ระบุว่าสาเหตุมาจากนักเรียนไปร่วมชุมนุมกับ “กลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการ” และจะนำตัวเด็กรายนี้เข้าห้องปกครองเพื่อตัดคะแนนความประพฤติ พร้อมให้ขอขมาครูจากการอัดคลิปเสียงมาเผยแพร่ ซึ่งประธานนักเรียนไปคุยกับผู้บริหารแล้วไม่เอาผิดนักเรียน แต่การกระทำของครูถือเป็นเรื่องที่ผิดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการปี 2548 เรื่องการลงโทษนักเรียนจึงมาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายเกี่ยวข้อง และขอให้โรงเรียนดำเนินการทางวินัยกับครูเพื่อเป็นบรรทัดฐานสังคม
ด้านตัวแทนนักเรียนกล่าวว่า ครูรายนี้สอนสังคมศึกษา ชั้น ม.1 คลิปที่ปรากฏเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 24 ก.ย. ครูรายนี้ตีนักเรียนชั้น ม.1 ไป 5-6 คน ทั้งครูรายนี้ยังมีพฤติกรรมเหยียดสีผิว เพศ รูปร่าง ซึ่งผู้ปกครองเคยมาร้องเรียนกับโรงเรียนไปแล้ว ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา
รองผู้ว่าฯยัน “ศรีพันวา” ถูกต้อง
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมของคณะ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาฯ ที่มีนายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.การที่ดินฯได้เชิญผู้แทนหน่วยงาน เข้าให้ข้อมูลกรณีที่ดินโรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต อาทิ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รอง ผวจ.ภูเก็ต นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของรัฐ หรือเป็นป่าหรือไม่ กรรมสิทธิ์ในการครอบครองเป็นประเภทใด รวมถึงการออกเอกสารสิทธิเป็นไปโดยชอบหรือไม่
นายสุพจน์นำแผนที่การดำเนินการของโรงแรมตั้งแต่ปี 2546 มาแสดงมาประกอบการชี้แจงกล่าวว่า ศรีพันวาขออนุญาตก่อสร้างถูกต้อง ทุกครั้งที่จะมีการขยายแปลงจะมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทุกครั้ง ซึ่งไม่พบความผิดปกติ
อธิบดีที่ดินยันอยู่นอกเขตป่า-อุทยาน
อธิบดีกรมที่ดินกล่าวว่า ตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว พบว่าที่ดินของศรีพันวาภูเก็ตมีโฉนด 2 แปลง ที่เหลือเป็น นส.3 ก กว่า 50 แปลง รวมเนื้อที่กว่า 63 ไร่ 2 งาน การได้มาของที่ดินจุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจาก สค.1 ของประชาชนในพื้นที่ ก่อนออกเป็น นส.3 ก ยืนยันว่าการซื้อขายเป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่ได้อยู่ในเขตป่าไม้ เขตป่าสงวน หรือที่ราชพัสดุ ยอมรับว่าพื้นดังกล่าวเป็นพื้นที่เขาและมีความลาดชัน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าได้ครอบครองมาก่อนประกาศพื้นที่ควบคุมเขตเขาและเขตลาดชัน ขณะที่นายชีวะภาพยืนยันว่า โครงการศรีพันวาตั้งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้ถาวร ป่าชายเลน ตามมติ ครม.อยู่นอกเขตอุทยานด้วย และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากป่าสงวน 3 กิโลเมตร โอกาสที่จะคาบเกี่ยวกันจึงไม่มี
ไม่เกี่ยวคดีปลอมโฉนดพังงา-ภูเก็ต
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ประชุม กมธ.ได้ซักถามถึงกรณีนายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาในคดีปลอมแปลงเอกสารและออกเอกสารสิทธิที่ดิน จ.พังงา และภูเก็ตโดยมิชอบ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินศรีพันวาหรือไม่ อธิบดีกรมที่ดินตอบว่า ไม่มีชื่อบุคคลดังกล่าว เพราะอยู่คนละช่วงเวลากับการออกเอกสารสิทธิที่ดินของศรีพันวา ที่ซื้อขายมาจากชาวบ้านในพื้นที่ทั้งหมด และไม่ใช่ที่ของรัฐ หลังจากซักถามเสร็จสิ้น กมธ.มีมติขอภาพถ่ายทางอากาศ จ.ภูเก็ตมาศึกษาพร้อมขอให้ถ่ายสำเนาที่ดิน สค.1 ของ จ.ภูเก็ตทั้งเกาะมาให้ กมธ.ตรวจสอบและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง