งานเข้า กกต.เต็มๆ หลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้อง “ใบส้ม”
นายสุรพล เกียรติไชยากร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนสถานะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ทันที พ้นมลทินข้อกล่าวหากรณีใส่ซองทำบุญถวายวัด 2,000 บาท ที่ กกต.วินิจฉัยว่ามีความผิดตั้งแต่ 17 เดือนก่อน
ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยเลือกตั้งซ่อม ไม่ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
คำถามตามมาทันทีสถานะ ส.ส.ของนายสุรพลจะยังอยู่หรือไม่ นางศรีนวล บุญลือ ที่ชนะเลือกตั้งซ่อมเป็น ส.ส.แทนในนามพรรคอนาคตใหม่แล้ววันนี้ย้ายไปเป็น ส.ส.อยู่พรรคภูมิใจไทยจะเป็นไง
การคำนวณ ส.ส.พึงมีตามสูตร “จัดสรรปันส่วนผสม” จากการเลือกตั้งซ่อมคราวนั้น จนไปงอกที่พรรคพลังประชารัฐ 1 คน คือ “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี และพรรคประชาธิปัตย์ 1 คน “น้องตั๊น” น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร จะถอดสมการผกผันกันแบบไหน
และตอนนี้ลำดับ ส.ส.ของแต่ละพรรคก็ขยับเลื่อนไปแล้วหลายคนจากการลาออกภายในพรรคกันเอง
ที่สำคัญจะทำอย่างไรกับคะแนน 5 หมื่นกว่าที่นายสุรพลได้รับในการเลือกตั้ง หากจะทิ้งลงน้ำย่อมเป็นการมองข้ามสิทธิของประชาชนแบบไม่ไยดี
ยุ่งเหยิง อีนุงตุงนัง กลับไม่ได้ไปไม่ถูก
กกต.กลายเป็นตำบลกระสุนตก ถูกล่อเป้าซ้ำเติมจากปัญหาเดิม สูตรคำนวณคะแนนพิสดาร บัตรเขย่ง ส.ส.ปัดเศษ และแน่นอนที่สุดหนีไม่พ้นถล่มยับไปที่กล่องดวงใจรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560
สร้างปัญหาสะสม ประเดประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน
ตอกย้ำว่าถึงเวลาต้องทบทวนแก้ไขตามเสียงเรียกร้องที่ดังมาจากทุกสารทิศ
เข้าจังหวะสัญญาณจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่ออกมาส่งซิกถึงพรรคร่วมรัฐบาลให้รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ญัตติ เปิดทางตั้ง ส.ส.ร.
...
ฝ่ากระแสต้านแรงเสียดทานไม่ไหว
แต่หลายคนสงสัยทำไมไม่ส่งสัญญาณไปถึงสภาสูง ส.ว.ผู้ทรงเกียรติ ในฐานะจุดศูนย์ถ่วงตามท้องเรื่อง เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอยากให้มันสะเด็ดน้ำตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
ถึงวันนี้ยังข้องใจอยู่วันนั้นทำไมไม่พูดกันให้ชัด ส่งสัญญาณกันตรงๆ
สุดท้ายหนีไม่พ้นข้อครหาเตะถ่วงลากยาวดูทิศทางลม การส่งสัญญาณแก้ไขแค่ 2 ญัตติให้ตั้ง ส.ส.ร. ก็คือการยืดย้วยอยู่ต่อ
เพราะตามเงื่อนไขตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างใหม่ทั้งฉบับก็นานโข ใช้เวลาอีกปีสองปี
ส่วนญัตติแก้ไขรายมาตรา “บิ๊กตู่” เมินเฉยไม่พูดถึง เพราะถ้าแก้ปุ๊บอาจได้ใช้ปั๊บ กติกาเปลี่ยนเกมก็เปลี่ยน
ท่ามกลางภาวะขาลง รัฐบาลจะได้ไปต่อหรือเกิดเหตุพลิกผันต้องว่ากันแบบ “วันต่อวัน” ดังนั้น กติกาตามรัฐธรรมนูญ 2560 ยังเป็นค่ายกล หมากกระดานสำคัญของทีมงาน 3 ป. ไม่มีทางให้แก้ในเร็ววันนี้
และยุทธศาสตร์สำคัญที่อยู่ในมือคือกดปุ่ม “ยุบสภา” เป็นทีเด็ดรุกฆาตไว้สู้ศึกรอบทิศ
เพราะตราบใดที่กติกายังไม่เปลี่ยนแปลง ดุลอำนาจก็ยังยากที่จะเปลี่ยนมือไปจากทีมงาน 3 ป.
กระแสข่าวคราวการตั้งพรรคการเมืองสำรอง ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อลอยลม ตามที่ผู้มีอำนาจดาหน้าออกมาปฏิเสธ หากแต่มันเป็นแผนรองรับต่อสู้กับนักการเมืองทุกป้อมค่าย ไม่เว้นกระทั่งพรรคพลังประชารัฐด้วยกันเอง ที่วันหน้ามีโอกาสแยกแตกค่ายออกไป
จากปัญหาระหองระแหงสะสมจวนระเบิด
จับสัญญาณอาการจากมติที่ประชุม ครม.ช่วงหลัง มีโปรโมชัน “เทกระจาด” 3–4 สัปดาห์ซ้อน จัดรายการเที่ยวแหลกแจกกระจาย เหมือนปูพรมแผ้วทางเก็บคะแนนล่วงหน้า
พร้อมลงสนามวัดใจกันอีกรอบ บนกติกาที่เป็นต่อคู่แข่งสุดกู่
เรื่องถอดใจลาออกไม่มีอยู่ในหัว “บิ๊กตู่” เพราะไม่สง่างามและไม่ปลอดภัย นักข่าวพูดเรื่องนี้เมื่อไหร่ดึงหน้าใส่ เสียงแข็งทุกครั้ง
สัญญาณเข้มๆ ดุๆ เหมือนมีแรงกดดันซ้อนทับอยู่ในใจ
ตอนนี้เปลี่ยนบทมาอบรมบ่มนิสัยเยาวชน นักศึกษา อย่าก้าวร้าวเกินเลยกฎหมาย ผิดจากก่อนหน้านี้ที่เอะอะก็ออกตัวให้ ว่าเป็นลูกหลาน อนาคตชาติ ต้องใช้ความละมุนละม่อม
เสียงแปร่ง อารมณ์เปลี่ยนไปตามความรู้สึก
แต่การจะยื้ออำนาจไว้เพื่อเหตุผลใดก็ตามต้องถามประชาชนด้วย ที่ไม่ทนแน่ๆ คือกลุ่มเยาวชน นักศึกษา นัดเผด็จศึกปิดจ๊อบภายในเดือนตุลาคม
แม้ล่าสุดสัญญาณสีแดงจะถอยไปบางส่วน จากการขยับหมากเปลี่ยนเกมของพรรคเพื่อไทย แต่แว่วว่าจะมีกองหนุนเพิ่มเติมจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้ามาแทน
เพราะทนไม่ไหวกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่แร้นแค้น ลำเค็ญ และเหม็นเบื่อ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน