นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย อ้าง คำวินิจฉัยศาล รธน.กรณีแถลงการณ์ร่วมเขาพระวิหารเทียบ จัดซื้อเรือดำน้ำของ ทร.ยัน ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ตาม ม.178 ไม่มีข้อยกเว้น 


วันที่ 13 ก.ย. เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการชี้แจงของ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า เป็นจีทูจี เชิงพาณิชย์ ว่า ตนเพิ่งเคยได้ยินศัพท์ใหม่ในวันที่ท่านชี้แจง กองทัพสามารถทำธุรกิจการค้าได้ใช่หรือไม่ ถ้าใช้คำนี้ แต่ถ้าเป็นหน่วยงานอื่นผิดหมด ไม่ว่า จะเป็นจีทูจีจำนำข้าว จีทูจีรถดับเพลิง ทั้งนี้ กองทัพเรือลงนามสัญญาซื้อเรือดำน้ำเมื่อเดือน พ.ค.2560 ซึ่งสัญญาดังกล่าวอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 178 แต่คณะกรรมการกฤษฎีกา บอกเป็นสัญญาเชิงพาณิชย์ไม่เข้ากฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เข้ามาตรา 178 จึงไม่ต้องขอความเห็นต่อรัฐสภาก่อน และไม่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจฉบับเต็มหรือฟูลพาวเวอร์ ซึ่งผู้ได้รับมอบหมายสามารถลงนามได้เอง สรุปกองทัพเรือมีอำนาจลงนามในสัญญาได้ โดยไม่ต้องมีหนังสือเพราะไม่เป็นสนธิสัญญาหรือพันธะสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งตนเพิ่งเคยได้ยินว่ามีจีทูจีเชิงพาณิชย์

...

จึงเกิดคำถามว่าแล้วคดีจำนำข้าวที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ โดนลงโทษ ไม่ถือว่าเป็นสัญญาเชิงพาณิชย์หรือทั้งที่เป็นการที่รัฐบาลขายข้าวให้จีน ตนจึงไปค้นว่าศาลรัฐธรรมนูญตีความมาตรา 178 อย่างไร ซึ่งปี 2551 มีกรณีข้อพิพาทเขาพระวิหาร ซึ่งนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ในขณะนั้นไปลงนามข้อตกลงแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา ต่อมามีการร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหมายถึงความตกลงระหว่างประเภททุกประเภทที่จัดทำขึ้นระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร และอยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นถ้าใช้คำว่าทุกประเภทถือว่าต้องให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ซึ่งการซื้อขายเรือดำน้ำลำแรกเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ แต่พล.อ.ชัยชาญ บอกไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกาบอกไม่ต้องเข้า แต่วันนี้ตนมีคำวินิจฉัยศาลรัธฐรรมนูญ ซึ่งไม่ได้ยกเว้นอะไรเลย ต้องยึดศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก คดีความที่กองพัพเรือไปแจ้งความตนที่กองปราบปรามนั้น ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไปเป็นหนังม้วนยาว เพราะตนก็มีศาลรัฐธรมนูญวินิจฉัยไว้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตนจึงจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อดำเนินการต่อไป

"พล.อ.ชัยชาญ ยอมรับแล้วว่า การลงนามไม่มีหนังสือฟูลพาวเวอร์ และยอมรับแล้วว่า ไม่มีการเอาสัญญาซื้อขายเรือดำน้ำให้รัฐสภาเห็นชอบ แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ไม่ว่าคำตกลงประเภทไหนก็ตามต้องเข้ารัฐสภาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งคือมาตรา 178 ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน" นายยุทธพงษ์ กล่าว.