“บิ๊กแดง” ถกผู้การฯ-ผบ.พัน ทิ้งทวนก่อนเกษียณ บ่น 5 ปี กองทัพสาหัสสงครามโซเชียล จ่อตั้ง “เหล่าไซเบอร์” รับมือนักรบยุคใหม่ สั่งเฟ้นเด็กเก่งไฮเทคบรรจุเป็นทหาร ปั้นนักรบไซเบอร์ ทบ. “บิ๊กตู่” หวั่นย้ายทหารทำกองทัพแตกแยกย้ำต้องเป็นหนึ่งเดียว ลงพื้นที่พบชาวบางซื่อ เปรยเจอโควิดก็แย่แล้ว อย่าละเมิดสิทธิก่อเหตุวุ่นวาย “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ฉะผู้บริหารรับใช้เผด็จการ “รุ้ง” กร้าว มธ.เป็นของประชาชน ถ้าล็อกประตูจะตัดโซ่บุกเข้าไป วางหรีดฟ้องดวงวิญญาณ “อ.ปรีดี” “แก้วสรร” นำศิษย์เก่าขวาง ตอกม็อบเผด็จการใช้สิทธิเกินส่วน “เพนกวิน” โล่งเลื่อนไต่สวนละเมิดอำนาจศาลไป 28 ต.ค. โวยถูกกุเรื่องให้ร้ายขอเงิน ส.ส.ก่อหวอด “ไทยภักดี” โอ่ 10 ชั่วโมง 8.8 หมื่นชื่อ ร่วมค้านแก้ รธน. ขู่ยกพลไปรัฐสภาต้านนักการเมืองผลาญหมื่นล้านแก้กฎหมายเพื่อตัวเอง

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เรียกประชุมหน่วยขึ้นตรง (นขต.) กองทัพบกวาระพิเศษระดับผู้การกรม และผู้บังคับกองพันทั่วประเทศ 655 นาย ชี้แจงและสั่งการ ผบ.นขต.ทบ.ก่อนเกษียณอายุราชการในอีก 18 วันข้างหน้า โดยได้สั่งการให้คัดเยาวชนที่มีความสามารถด้านไซเบอร์เข้าเป็นทหารนักรบไซเบอร์ของกองทัพบก

...

“บิ๊กแดง” ประชุม นขต.วาระพิเศษ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 11 ก.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก มีการประชุมหน่วยขึ้นตรง (นขต.) กองทัพบกวาระพิเศษระดับผู้การกรม และผู้บังคับกองพันทั่วประเทศ จำนวน 655 นาย เพื่อชี้แจงและสั่งการของ ผบ.ทบ.ต่อ ผบ.นขต.ทบ. ครั้งที่ 7/2563 (วาระพิเศษ) ก่อนเกษียณอายุราชการในอีก 18 วันข้างหน้า ซึ่งจะมีการรับส่งหน้าที่ ผบ.ทบ. คนใหม่ในวันที่ 30 ก.ย. โดยตั้งแต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ทหารกองบัญชาการกองทัพบก ขอให้ผู้บังคับหน่วยที่เข้าประชุม นำโทรศัพท์มือถือวางไว้ที่โต๊ะหน้าประตูทางเข้า หอประชุมกิตติขจร “ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลข่าวสาร” รวมถึงการรักษามาตรการรักษาความปลอดภัย

ส่งยิ้มให้สื่อแต่ปิดปากไม่พูด

ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุม พล.อ.อภิรัชต์ได้เดินมาทักทายพูดคุยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าหอประชุมกิตติขจร ผู้สื่อข่าวถามถึงการสั่งการพิเศษต่อสถานการณ์ทางการเมือง โดย พล.อ.อภิรัชต์ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม ในที่ประชุมก่อนเข้าสู่วาระ ผบ.ทบ.มอบเป้สนามกองทัพบก แบบ A-1 ที่พล.อ.อภิรัชต์ออกแบบเป็นเป้สนามต้นแบบให้แก่ ทบ.800 ใบ มี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. รับมอบ และยังมอบใบประกาศชมเชยการตรวจสอบประเมินผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพลและประสิทธิภาพของหน่วยทหาร ทบ.ประจำปี 2563 เกียรติบัตรและเงินรางวัลให้แก่กำลังพลที่แข่งขันทักษะการปฏิบัติด้านไซเบอร์ภายใน ทบ. มอบโล่รางวัลและเงินรางวัลจากการจัดกิจกรรมการแข่งขัน Thailand Smart Soldier Strong Man Challenge ครั้งที่ 2

สั่งรับเด็กเก่งเข้าทหารนักรบไซเบอร์

พล.อ.อภิรัชต์กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มอบเป้สนาม จากที่ได้ดำเนินการทำเป้สนามขึ้นมาเรียกว่าเป้ 72 ชม. มีรุ่นเอ ที่นำไปใช้ฝึกที่ฮาวาย ผลิตในประเทศไทย แต่หนัก ราคาประมาณ 4,000 กว่าบาท แต่สหรัฐฯสนใจจึงได้พัฒนาเป็นรุ่นเอ 1 ลดน้ำหนักไปได้ 1 กิโลกรัม ได้มอบให้กองทัพบกไว้ใช้งาน 800 ใบ และมอบให้กำลังพลที่ฝึก lightning forge ไป ขอชื่นชมหน่วยที่ยังดำรงด้านการพัฒนาชีวิตกำลังพล โดยเฉพาะทหารกองประจำการ หวังว่าทุกหน่วยจะแข่งขันกันทำความดี ดูแลคุณภาพชีวิตกำลังพลและครอบครัวตัวเองอย่างดีที่สุดได้อยู่อย่างพอเพียง มีความจงรักภักดีและห่างไกลยาเสพติด การแข่งขันไซเบอร์ถือเป็นเรื่องสำคัญ ได้ให้แนวทางและสนับสนุนเยาวชน รวมถึงกำลังพลที่มีความสามารถ ให้กรมกำลังพล ทบ.ไปขอรายชื่อ โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นเยาวชนถ้าใครอยากรับราชการทหารต้องบรรจุและต้องรับเขาเข้ารับราชการมาเป็นนักรบไซเบอร์ของกองทัพบกเพราะการรบในปัจจุบันไม่ได้มีแต่การรบในสนามเท่านั้น แต่ยังมีสงครามไซเบอร์เกิดขึ้น

บ่น 5 ปี สาหัสจ่อตั้งเหล่าไซเบอร์ ทบ.

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีความหนักหนาสาหัส จนสามารถเปลี่ยนแปลง และสร้างความโกลาหล สร้างความเข้าใจผิดในการโน้มน้าวจิตใจเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายได้ กองทัพบกมีโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายสิบทหารบกถือเป็นต้นน้ำ ต้นทางของกองทัพบกซึ่งก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะฉะนั้นวันข้างหน้าอาจจะมีเหล่าไซเบอร์

พล.อ.อภิรัชต์กล่าวด้วยว่า ส่วนไทยแลนด์สมาร์ท โซเย่อร์ สตรอง ชาล์เลนจ์ เป็นการแข่งขันให้เกิดความสามัคคีระหว่างเยาวชนข้างนอกกับกองทัพบก มีนักศึกษาวิชาทหาร พลทหารได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ขอให้เป็นแรงบันดาลใจว่าการเล่นกีฬาเป็นการรักษาสุขภาพร่างกายให้ห่างไกลยาเสพติด ไม่หมกมุ่นสิ่งที่ไม่ดี เมื่อทุกคนมีระเบียบวินัยที่ดี มีสุขภาพที่ดี ทั้งการเรียนหนังสือและเล่นกีฬา จะเป็นการสร้างทุกสิ่งให้ตัวเอง ตลอดจนเปิดโอกาสให้น้องๆรับราชการในกองทัพบกต่อไป

ยกธงเตือนสติผู้การ-ผู้พันภาระหนัก

ต่อมาเพจ SMART soldiers strong ARMY เผยแพร่ผลการประชุม นขต.ทบ.วาระพิเศษ ที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้กล่าวสรุปหัวข้อ “2 ปีในการร่วมกันปฏิรูปกองทัพบก” ยกประสบการณ์ชีวิตมาแลกเปลี่ยนให้ผู้บังคับหน่วยรับฟัง โดยสรุปว่า ธงคือเครื่องเตือนสติ ทุกครั้งที่รับส่งธงจะนึกเสมอว่าอะไรอยู่ภายใต้ผืนธง ธงผู้พัน ธงผู้การ ต่างมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบแตกต่างกัน ทุกผืนธงมันหนัก มันคือความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพียงเรื่องเกียรติยศศักดิ์ศรี การสร้างรากฐานที่มั่นคงให้แก่กองทัพบก ต้องเริ่มที่ต้นน้ำ ต้นกำเนิด ทั้งทหารกองประจำการ นักศึกษาวิชาทหาร อาสาสมัครทหารพราน นักเรียนนายสิบ นักเรียนนายร้อย ต้นน้ำเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งต้องได้รับการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร ระเบียบ หลักเกณฑ์ ให้สอดคล้องกับยุคสมัย บริบทและทัศนคติของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน

ชี้ ทบ.เผชิญความท้าทายหลายแบบ

ผบ.ทบ.ระบุอีกว่า ปัจจุบันกองทัพบกได้เผชิญกับความท้าทายหลายรูปแบบ เรื่องที่หารือกับหลายฝ่ายคือการจัดการสวัสดิการกำลังพล ทบ.ให้โปร่งใส เป็นที่เชื่อมั่นของสังคม จึงจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของ ทบ.กับกรมธนารักษ์ และสวัสดิการภายใน ทบ. อีกเรื่องผู้บังคับบัญชาต้องใส่ใจสวัสดิการของผู้ใต้บังคับบัญชา เรื่องเดือดร้อนต่างๆ ทั้งการเงิน ครอบครัวกำลังพลไม่ได้รับเยียวยาจากการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ฝากข้อคิดการทำงานให้มีวินัย พอเพียง ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา คิดนอกกรอบได้แต่ไม่ผิดระเบียบ ส่วนตัวมีท่านนายกฯเป็นแบบอย่าง ตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. เวลาไปไหนมาไหนจะพยายามลดภาระกำลังพลต้องมารับส่ง หาก ผบ.หน่วยลงไปคลุกคลีพูดคุย รับฟัง นั่งกินข้าวกับลูกน้อง เราอาจได้รับรู้อะไรดีๆ เป็นขวัญกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชา

“บิ๊กตู่”หวั่นโผนายพลทำกองทัพแตก

พล.อ.อภิรัชต์ระบุอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ฝากข้อห่วงใยเรื่องการปรับย้ายของ ทบ. ได้เน้นย้ำว่ากองทัพบกต้องเป็นหนึ่งเดียว เป็นเสาหลักปกป้องอธิปไตยของชาติ จะแตกแยกไม่ได้ การปรับย้ายทุกปีย่อมมีคนสมหวังไม่สมหวัง ได้หารือส่วนตัวกับ รมว.กห.ให้ท่านได้ตัดสินใจพิจารณาตำแหน่งต่างๆ ให้เหมาะสมพิจารณาจากขีดความสามารถมากกว่าอาวุโสรุ่น ขอให้เชื่อมั่นว่าทุกคนทุกหน่วยต้องมีโอกาสเจริญก้าวหน้าทัดเทียม สลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียนให้มีการระบายอย่างเหมาะสม ได้ทราบข้อมูลจากสายตรง ผบ.ทบ. เรื่องที่ต้องแก้ไขมากที่สุดอันดับหนึ่งคือการเลื่อนยศ ตำแหน่ง เบี้ยเลี้ยง เงินเดือน รองลงมาสวัสดิการกำลังพล อันดับสุดท้ายการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม หลายเรื่องแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง แม่ทัพ ผบ.พล.ไม่มีทางทราบ ผบ.หน่วยทุกระดับต้องใส่ใจสวัสดิการ สิทธิกำลังพลลูกน้อง อย่าปล่อยปละละเลยเด็ดขาด

หยอดได้มาพบ ปชช.ผู้ทรงเกียรติ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บึงบางซื่อ กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีมอบ “บ้านใหม่” ให้ชุมชนบึงบางซื่อ ตามโครงการสานพลังประชารัฐ ณ พื้นที่พัฒนาบึงบางซื่อ เขตจตุจักร กทม. มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร่วมงาน นายกฯได้ชมนิทรรศการจากนั้นเป็นประธานมอบทะเบียนบ้านใหม่ให้ชาวชุมชนบึงบางซื่อ 60 หลังแรกจาก 197 หลัง พร้อมกล่าวว่า ถือเป็นรัฐบาลมา 2 สมัยแล้ววางรากฐานดูแลทุกคน ทุกฝ่ายทุกระดับทุกอาชีพ มากบ้างน้อยบ้างต้องค่อยๆเดิน รัฐบาลพยายามทำให้ทุกคนมีความสุข ช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม หลายคนอาจเข้าใจว่ายังไม่ได้อะไรเลย ต้องเข้าใจว่าต้องทยอยตามลำดับความยากลำบาก ความเร่งด่วน และงบฯที่มี สำคัญต้องร่วมมือกัน เรียกร้องอย่างเดียวไม่ได้ ขอให้ทุกคนเข้าสู่กฎระเบียบ ไม่ต้องกลัวรัฐบาลจะล้วงความลับ รัฐบาลหลอกลวงใครไม่ได้หรือพูดบิดเบือนไม่ได้ ไม่เหมือนบางคนใช้โอกาสที่มีแต่ละวันพูด เพราะเขาคุ้มครองตัวเขาได้ แต่วันนี้มาพบกับท่านตัวเป็นๆ พูดจากตัวจริงคนละประเภทจากพวกที่พูดจากโทรทัศน์ ถือได้มาพบกับผู้ทรงเกียรติคือประชาชน แต่พวกท่านก็เลือกผู้ทรงเกียรติเข้าไปก็ดูแล้วกัน

พ้อโควิดก็แย่แล้วอย่าละเมิดสิทธิวุ่นวาย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันเติมเต็ม วันนี้อย่าลืมว่าแต่ละช่วงแต่ละเวลาเปลี่ยนแปลงตามลำดับ การจะทุบเปลี่ยนทีเดียวไม่รู้จะทำได้หรือไม่ ช่วยกันทำความเข้าใจด้วย วันนี้ขออย่างเดียวให้บ้านเมืองสงบสุข รัก สามัคคี ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกัน ไม่ทำให้คนอื่นวุ่นวาย ใครจะทำอะไรถือว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่หวังประชาชนจะช่วยทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยด้วยสันติวิธี ไม่ได้มีอะไรกับใครทั้งสิ้น ไม่ได้ต้องการรักษาตำแหน่ง ไม่ได้ต้องการอำนาจ หรือผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แค่ต้องการอำนาจเพื่อบริหารทำให้ประชาชน จึงต้องมีกฎหมาย ต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่ดี ทำอะไรผิดไม่ได้ ขณะเดียวกันถ้ามัวแต่ขัดแย้งจะทำให้บ้านเมืองมีปัญหาโควิด-19 แรงพออยู่แล้ว สำคัญต้องดูแลตัวเองการ์ดอย่าตก ไม่อย่างนั้นปัญหาจะรุมเร้าเข้ามา รัฐบาลต้องคอยตอบทุกเรื่องบางทีไม่เป็นเรื่อง พยายามให้มันเป็นเรื่อง ไอ้ที่ไม่ควรเป็นเรื่อง คือปัญหาที่เราเจอ

อ้อน ศก.ไม่ได้เลว-แย่ไปทั้งหมด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอฝากใจไว้กับทุกคน ฝากไปถึงประชาชนที่อื่นด้วย จะทำทุกอย่างให้กับทุกคน เศรษฐกิจก็ค่อยๆดีขึ้น ไม่ใช่อะไรก็เลวอะไรก็แย่ แล้วจะทำให้คนมีกำลังใจได้อย่างไร ข้อเท็จจริงทุกคนก็รู้อยู่ว่าสาเหตุหลักเพราะโควิด-19 เข้ามา ถ้าไม่มีอาจทำอะไรได้เร็วขึ้นกว่านี้ หลายอย่างตกไปโดยเฉพาะรายได้ประเทศ ขณะที่ทุกคนมีแต่ความต้องการ แล้วรัฐบาลจะเอาเงินจากที่ไหน วันนี้พยายามกู้เงินให้น้อยที่สุด ถ้ากู้มากก็เป็นภาระ ทั้งหมดอยู่ภายใต้กฎหมายทุกประการ ปัญหาของประเทศมีมากมายจำเป็นต้องมีรัฐบาล ทั้งหมดต้องใช้กฎหมาย ใช้กระบวนการรัฐสภา นั่นคือระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ต่อมานายกฯเป็นประธานพิธีเปิดถนนพลาสติกรีไซเคิล รับฟังข้อมูลการนำขยะพลาสติกมาเป็นส่วนประกอบทำถนน เยี่ยมชมบ้านตัวอย่างและแปลงผักเกษตรอินทรีย์ ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดลดกระจกรถเลขทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร ลงโบกมือทักทายชาวบ้าน ระบุว่าขอให้โชคดี ชาวชุมชนถามว่า” เลขทะเบียนรถยนต์ 429 ใช่ไหมงวดนี้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หัวเราะ ก่อนจะกล่าวเตือนว่า “อย่าไปซื้อเยอะนะ”

“รุ้ง” โต้ผู้บริหาร มธ.ห่วงแต่ตัวเอง

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่หน้าตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) คณะสังคมวิทยาฯ หัวหน้าพรรคโดมปฏิวัติ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม 19 ก.ย. แถลงถึงกรณีผู้บริหาร มธ.ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดการชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย.ว่า ไม่ใช่เพราะเอกสารขออนุญาตไม่ถูกต้อง แต่ฝ่ายบริหารไม่อยากให้ใช้ตั้งแต่แรก ห่วงแค่ความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ห่วงนักศึกษา ไม่รู้ว่าถูกกดดันจากใครถึงไม่กล้า ทั้งที่ มธ.ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการชุมนุมของนักศึกษา ยังหวังว่าฝ่ายบริหาร มธ.จะทบทวนการตัดสินใจ และทางกลุ่มยังคงรอคำตอบอยู่ ทั้งยังยินดีที่จะเจรจา เพื่อจัดชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ซัดรับใช้เผด็จการ-ล็อกประตูตัดโซ่บุก

น.ส.ปนัสยากล่าวอีกว่า ขณะนี้เราไม่มีแผนสำรองใดๆยืนยันจัดที่เดิม ไม่ว่าจะให้หรือไม่เราจะใช้สถานที่แห่งนี้ หากล็อกประตูเราจะตัดโซ่ออก ปิดกั้นเราจะบุกเข้าไป เพราะที่แห่งนี้ไม่ใช่พื้นที่ของ มธ.ฝ่ายเดียวแต่เป็นของประชาชนด้วย จะใช้กฎหมายดำเนินการกับเราก็ให้เขาทำไป ไม่ว่าจะเล่นเกมอะไรกับเรา หรือจะถูกจับกุมก่อนการชุมนุมจะดำเนินต่อไป จะมีคนอื่นขึ้นมานำแทน ถ้าสิ่งนี้ทำให้ตนได้รับผลกระทบ หรือถูกลงโทษตามวินัยหรือต้องพ้นจากการเป็นนักศึกษาแสดงว่า มธ.ไม่ได้เป็นแบบเดิมอีกต่อไป รับใช้เผด็จการสยบยอมกับอำนาจ

วางหรีดฟ้องวิญญาณรัฐบุรุษ “ปรีดี”

หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้นำพวงหรีดดอกไม้สีเหลืองแดงมีข้อความ “อาลัยจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” เดินไปวางใต้ฐานอนุสาวรีย์ปรีดี พนมยงค์ อดีตรัฐบุรุษ แสดงความไว้อาลัยในจิตวิญญาณ มธ.ที่หายไป ทั้งนี้ น.ส.ปนัสยายังได้หันไปกล่าวต่ออนุสาวรีย์อดีตรัฐบุรุษว่า “เขาไม่ให้หนูใช้สถานที่นะคะอาจารย์ แต่หนูจะใช้” พร้อมกล่าวด้วยว่า อาจารย์ปรีดีมาเข้าฝันทนายอานนท์ นำภา แล้วด้วยว่า “อาจารย์อนุญาตให้ใช้สถานที่ได้” ก่อนที่จะชู 3 นิ้วแล้วยุติกิจกรรม

“แก้วสรร” นำศิษย์เก่าขวางม็อบ นศ.

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมประกอบหุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ มธ.ท่าพระจันทร์ กลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์ นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ ศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ มธ.2512 และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำให้เกิดความเสียหายภาครัฐ (คตส.) ยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ตรวจสอบรัฐบาลนายทักษิณชินวัตร นัดศิษย์เก่าร่วมหารือร่วมลงชื่อในหนังสือเปิดผนึก เรื่อง “ปิด...มธ.พอกันทีวีรชน” เพื่อค้านการให้นักศึกษาใช้พื้นที่ชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.

ไม่อยากเห็นวีรชนตายฟรี

จากนั้นนายแก้วสรรแถลงว่า คำว่าวีรชนคือ คนไทยที่เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ต้องตายฟรี เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้อีก ศิษย์เก่า มธ.มีข้อคัดค้านการชุมนุมดังนี้ 1.ผู้ชุมนุมบอกว่า จะนอนค้างแรมก่อนเดินขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น มองว่าเป้าประสงค์คือการเทม็อบใส่ทำเนียบ 2.ที่ว่าจะชุมนุมโดยสงบเชื่อว่าสงบแต่ปากเพราะร้อนกันมาตั้งแต่ในโซเชียล สมัยรุ่นตนชุมนุมในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 มีการบ่มเพาะความคิดและเหตุผลกันยาวนาน แต่นี่ชุมนุมแค่วันเดียวก็จะเทคนออกไปข้างนอก ทั้งยังเป็นม็อบไซเบอร์ที่มีการสร้างความจงเกลียดจงชัง ถึงขั้นเกือบจะเป็นเรดการ์ด หรือยุวชนนาซีกันได้แล้ว

ปักใจมีคนชักใยเลี่ยง ก.ม.ใช้ที่ตั้ง มธ.

นายแก้วสรรกล่าวว่า 3.ความสุ่มเสี่ยงสูง เพราะแค่ฟังชื่อกลุ่มอยากจะหัวเราะแล้ว ถามว่า มีใครมีความสามารถจัดการและคุ้มครองมวลชน ศิษย์เก่ามองว่าไม่มี แล้วที่จะเทคนออกไปทำเนียบสมัยพฤษภาทมิฬก็เป็นแบบนี้จะให้เกิดอีกหรือ 4.ไว้วางใจไม่ได้ กลุ่มผู้ชุมนุมจะร่วมมือกับใครควรประกาศมาให้ชัดไม่ใช่ออกมาแค่ไม่กี่คน จึงไม่เชื่อว่าเคลื่อนไหวโดยอิสระต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง ทั้งสังเกตว่า กฎหมายการชุมนุมสาธารณะเปิดช่องไว้ไม่ควบคุมการชุมนุมในสถานศึกษา แสดงว่าผู้ชุมนุมวางแผนมาหวังจะเลี่ยงข้อกฎหมายนี้แล้วใช้ มธ.เป็นฐาน

ซัดม็อบเผด็จลืมสิทธิ์คนอื่น

“5. มธ.มีส่วนร่วมด้วยไม่ได้ เพราะเป็นการขอชุมนุมที่ต่ำกว่าประชาธิปไตย ใช้สิทธิ์ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ต้องค้านไม่ได้ยืนอยู่ข้างเผด็จการ ไม่เกี่ยวกับรักไม่รัก “ประยุทธ์” แต่ประเทศไทยจะมาโดนแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว ถามว่า ถ้ามีแล้วตายจริง หรือเผาเมืองจริงๆใครรับผิดชอบ ที่ว่า มธ.มีเสรีภาพทุกตารางนิ้วก็จริง แต่เราจะไม่ยอมรับเผด็จการ ไม่ว่าจะมาในรูปของทหารหรือม็อบ เผด็จการไม่ได้มีแค่ทหาร นายกฯเลือกตั้ง ม็อบก็เผด็จการได้เช่นกัน ถ้าไม่ยอมรับสิทธิ์คนอื่น ไม่รู้จักสถาบัน เห็นว่าจะทำอะไรก็ได้ ทุกวันผู้ชุมนุมลืมคำว่าส่วนรวมไป “เพนกวิน” และน้องๆ มธ.กำลังใช้สิทธิ์เกินส่วน คุณเป็นเผด็จการ นี่ไม่ใช่วิธีของ มธ. ในวันที่ 15 ก.ย. เวลา 16.00 น. ศิษย์เก่าจะเดินเข้ายื่นหนังสือต่ออธิการบดี และประธานสภา มธ.ใครที่เห็นด้วยขอให้มายึดธรรมศาสตร์คืนจากเผด็จการ” นายแก้วสรรกล่าว

ศาลไต่สวน “เพนกวิน” ละเมิดศาล

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลอาญา ที่ศาลนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพกวิน) แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก ละเมิดอำนาจศาล กรณีวันที่ 8 ส.ค.63 ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นำตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) เข้ายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา ระหว่างนั้นนายพริษฐ์ยืนตะโกนส่งเสียงดัง ใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณาชักชวนให้บุคคลอื่นๆเดินทางมาชุมนุมเพื่อขัดขวางกระบวนพิจารณาของศาล รวมทั้งไลฟ์สดผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล ทั้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดศาลอาญา ย่อมถือว่า เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

ทนายแก้ต่างไม่เจตนาเป็นปฏิปักษ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลานัดนายพริษฐ์ เดินทางมาพร้อมนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ โดยยื่นคำให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ทนายความแถลงต่อศาลยอมรับว่า ผู้ถูกกล่าวหากล่าวถ้อยคำตามคำกล่าวหาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์กับศาล และประสงค์จะให้ศาลไต่สวนพยานของผู้ถูกกล่าวหา 2 ปาก คือ ผู้ถูกกล่าวหาและนายอานนท์ นำภา เพื่อพิสูจน์ว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เป็นการขัดขวางรบกวนการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล

หายใจโล่งคำสั่งเลื่อนไป 28 ต.ค.

ทั้งนี้ ศาลตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้รับแผ่นบันทึกภาพและเสียงที่บันทึกเหตุการณ์ในวันที่ 8 ส.ค.63 ซึ่งเป็นหลักฐานที่ผู้กล่าวหาจะนำมาสืบ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสแก้ข้อกล่าวหาและเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ให้นำสำเนาหลักฐานดังกล่าวให้ผู้ถูกกล่าวหาหากมีข้อคัดค้านหรือคำชี้แจงให้ยื่นเป็นคำแถลงเข้ามาในนัดหน้า และให้ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญาตรวจสอบว่า หลังจากวันที่ 8 ส.ค.มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับคำกล่าวหาเกิดขึ้นในบริเวณศาลอีกหรือไม่แล้วรายงานให้ศาลทราบในนัดหน้า โดยศาลให้เลื่อนไปไต่สวนเป็นวันที่ 28 ต.ค.

โวยโดนกุเรื่องให้ร้ายขอเงิน ส.ส.

ภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดี นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเมิดศาล และขอให้ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณากรณีนี้ด้วยความเป็นธรรมตามข้อเท็จจริง อีกทั้งยังขอยืนยันว่า จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.แม้ว่า มธ.ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ก็ตาม และขอปฏิเสธกรณีมีการพาดพิงว่า ตนไปขอรับเงินบริจาคจาก ส.ส.พรรคการเมือง เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกสร้างมาให้ร้ายตัวเอง

สุรินทร์จัดเวทีรำลึกคณะราษฎร์

ที่เวทีไผทสราญ สวนรักสวนสุขภาพเทศบาลเมืองสุรินทร์ ถนนกรุงศรีนอก เครือข่ายสุรินทร์อิน (in) ประชาธิปไตย จัดเวทีสาธารณะเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตย การเมืองการปกครองไทย ที่เป็นประวัติศาสตร์ให้เครือข่าย มีการติดป้ายผ้าข้อความ “หยุดคุกคามประชาชน” “ยุบสภาเลือกตั้ง” พร้อมชักชวนให้ร่วมลงชื่อร่วมรื้อร่วมสร้างรัฐธรรมนูญ โดยมี น.ส.พักตร์วิไล สหุนาฬุ เป็นผู้ประสานงานเครือข่าย จัดกิจกรรมเสวนาประวัติศาสตร์อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยคณะราษฎร์ เสาหลัก 6 ประการ และการแสดงดนตรี

เด็กอุดรบ่ทนคนอุบาทว์ร่วมไล่รบ.

ที่ลานน้ำพุทุ่งศรีเมือง เขตเทศบาลนครอุดรธานี คนรุ่นใหม่ใช้ชื่อ “กลุ่มเสรีประชาธิปไตยเยาวชนอุดร” สวมเสื้อสีดำนัดรวมตัวแสดงพลังขับไล่รัฐบาลเป็นครั้งที่ 2 ภายใต้ชื่อ “คนอุดรบ่ทนคนอุบาทว์” มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนจำนวนหนึ่งถือป้ายร่วมกิจกรรม ล่ารายชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขายเสื้อยืด กระเป๋าผ้า แจกแซนด์วิชและน้ำ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรจำนวนหนึ่งมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจ แกนนำได้กล่าวปราศรัยโจมตีรัฐบาล และประกาศสนับสนุนหลักการ 3 ข้อ คือ 1.รัฐบาลต้อง “หยุดคุกคามประชาชน” 2.รัฐบาลต้อง “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” จากเจตจำนงของประชาชน 3.รัฐบาลต้อง “ยุบสภา” เปิดทางให้ประชาชนแสดงเจตจำนงเลือกผู้แทนฯได้อีกครั้ง บนจุดยืนต้องไม่มีการรัฐประหาร และไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ทั้งนี้นายสมยศ พฤษาเกษมสุข คอลัมนิสต์ประจำเว็บไซด์ประชาไทนักกิจกรรมแรงงาน ประธานสหภาพพันธมิตรแรงงานประชาธิปไตย แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และบรรณาธิการบริหารนิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณ เดินทางมาร่วมปราศรัยด้วย

ไทยภักดีฟุ้ง 8.8 หมื่นคนค้านรื้อ รธน.

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยภักดี เมื่อ 13.00 น. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มแถลงข่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เพจไทยภักดี ประเทศไทยถึงการเปิดให้ประชาชนเข้าชื่อ 5 หมื่นรายชื่อ เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ว่า ผ่านไป 10 ชม. มีประชาชนร่วมลงชื่อค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ ราว 8.8 หมื่นคน ที่ไม่ใช้บัตรประชาชนยืนยันบุคคลเราไม่ได้ต้องการนำรายชื่อไปใช้แก้กฎหมายหรือเสนอร่างกฎหมาย สิ่งที่เกิดทำให้คู่แข่งฝั่งตรงข้ามตกใจมาก เริ่มโจมตีทางโซเชียลมีเดีย กลุ่มไทยภักดีเพิ่งก่อตั้งใหม่ เงินเราไม่มีและไม่มีเทคโนโลยีระดับสูงเหมือนบางกลุ่มที่ใช้โซเชียลต่างประเทศปั่นกระแสเข้ามา นี่คือพลังเงียบของประชาชนที่จะร่วมกดดันนักการเมือง ไม่ให้เอาเงินภาษีหมื่นล้านบาทมาแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ตัวเอง ขอเตือนอย่าท้าทายประชาชน วันหนึ่งคนที่เห็นด้วยกับไทยภักดีทนไม่ได้จะไปปรากฏตัวที่รัฐสภา จะรวบรวมรายชื่อวันที่ 20 ก.ย.แล้วจะถ่ายสำเนานำไปส่งให้รัฐสภาต่อไป

ถกแก้ รธน.วาระแรกต้องจบ 24 ก.ย.

ที่เมืองทองธานี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกลุ่มไทยภักดีเตรียมรวบรวมรายชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อยื่นคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การคัดค้านหรือการเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติ ยื่นเสนอความเห็นมาได้ ไม่จำเป็นต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ถึง 50,000 รายชื่อ เพราะไม่ใช่การเสนอร่าง พ.ร.บ. ส่วนการพิจารณาญัตติเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีหลายประเด็นเพื่อขอแก้ไขจะหารือกันอีกครั้งหนึ่งว่าจะพิจารณาเรียงตามลำดับวาระแยกกัน หรือจะพิจารณาพร้อมกันไปในคราวเดียวแล้วค่อยลงมติแยกกัน หรืออาจลงคะแนนคราวเดียวหลายฉบับก็ได้ เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ได้หารือถึงวิธีการลงคะแนนกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทยแล้วแต่ยังไม่มีข้อยุติ แล้วแต่จะตกลงกันว่าใช้วิธีใดที่ไม่ขัดกฎหมาย กรอบเวลาการพิจารณาวาระแรก ทุกคนต้องอภิปรายให้จบภายในวันที่ 23-24 ก.ย. สิ้นสุดสมัยประชุมพอดี

“คึก” ประกาศโหวตหนุน 3 ญัตติ พท.

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มอีก 4 ฉบับและ 1 ใน 4 ฉบับ คือญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 สอดคล้องกับญัตติของพรรคก้าวไกลที่ตกไปแล้ว ยืนยันตลอดว่าจะไม่ถอนชื่อ ขอประกาศจุดยืนจะใช้สิทธิ์โหวตสนับสนุนญัตติพรรคร่วมรัฐบาลแก้ ม.256 และของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แก้มาตรา 272 มาตรา 88, 83, 85, 90, 91 และ 94 เกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งที่ใช้บัตร 2 ใบ ถ้าญัตติทั้ง 3 ฉบับนี้ผ่านมติที่ประชุมรัฐสภาด้วยเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ไม่น้อยกว่า 84 คนแล้ว เชื่อว่าจะปลดล็อกการเมืองของประเทศได้ระดับหนึ่ง ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตัดอำนาจ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯและแก้ระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบได้จะเป็นหลักประกันว่าระหว่าง ส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุการเมืองต้องยุบสภา จะทำให้การเลือกตั้งเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากกว่าครั้งที่ผ่านมา

“อันวาร์” ย้ำจุดยืน ปชต.ไม่ถอนชื่อ

นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณี น.ส.พัชรินทร์ ชำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ตำหนิ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลงชื่อญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ขัดธรรมเนียมปฏิบัติและมารยาททางการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลว่า ทราบทางสื่อจั่วหัวข่าวว่า “พปชร.ฉะไร้มารยาท แหกมติวิป” เป็นการกล่าวหาที่รุนแรงมาก ไม่ชี้แจงคงไม่ได้ เป็นคนหนึ่งที่ลงชื่อและไม่ถอนชื่อด้วย เดิมพรรคไม่เคยมีมติใดๆ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เคยถามถึง 2 ครั้งในที่ประชุม ส.ส.พรรคเมื่อวันที่ 1 ก.ย.มีผู้บริหารพรรคประชุมอยู่ด้วยตนและเพื่อน ส.ส.จึงร่วมลงชื่อในญัตตินั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในใจตลอดเวลา หลังพรรคมีมติจะเสนอญัตติร่างเดียวกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อความเป็นเอกภาพ ประธานวิปพรรคให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่กดดันให้ถอนชื่อแต่ต้องรับผิดชอบหาคำตอบให้สังคมจึงไม่ถอนเป็นจุดยืนเรื่องประชาธิปไตย หากถอนจะทำให้ตนและพรรคภาพพจน์เสียหาย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภารู้สึกได้ในปัญหาภาพพจน์ จึงรีบปฏิเสธว่าไม่มีการกดดัน ส.ส.พรรคเพื่อให้ถอนชื่อในญัตตินี้ ที่สำคัญคือไม่ได้ฝ่าฝืนมติพรรค

ปูดมติพรรคมีทีหลัง–ใครแน่คุกคาม ปชป.

“ข้อเท็จจริงมติพรรคออกมาภายหลัง เป็นเรื่องภายในของพรรค คนนอกไม่รู้เรื่องกลับมาตำหนิว่าไม่รู้จักมารยาทการร่วมรัฐบาล อยากถามใครกันแน่ที่ไร้มารยาทและคุกคามให้พรรคอื่นต้องปฏิบัติตามในสิ่งที่ฝืนต่อความรู้สึกสังคม อยากบอกคนนอกพรรคให้เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจ้าของ ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็น อาจแตกต่างกันได้ แต่เราหาข้อยุติร่วมกันได้ หากข้อยุตินั้นสังคมไม่เห็นด้วยจะลงโทษในช่วงเลือกตั้งเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 ผมและสมาชิกพรรคยอมรับบทลงโทษที่รุนแรงจากสังคม ที่เราละเลยต่อหน้าที่ นักการเมืองต้องยืนเคียงข้างประชาชน ต้องทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการคือต้องทำในสิ่งถูกต้อง ให้ถูกเป็นถูกผิดเป็นผิด มั่นใจว่าพวกเราเดินมาถูกทางแล้ว จากกรณี “บอส กระทิงแดง” ผู้มีอำนาจจะทำสิ่งผิดให้เป็นถูก จึงเกิดปัญหาวิกฤติกระบวนการยุติธรรม” นายอันวาร์กล่าว

ชื่นชม กมธ.จัดข้อมูลตั้งต้นแก้ รธน.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการศึกษาของคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ว่าจะเป็นฐานข้อมูลตั้งต้นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ขอชื่นชมและขอบคุณ กมธ.ที่รับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย ได้รับการยอมรับตรงกันว่าเป็นประเด็นปัญหาซึ่งไม่ได้มองแค่เรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่มองถึงสิทธิและเสรีภาพ หลักประกันขั้นพื้นฐาน ทั้งสิทธิชุมชน สิทธิกระบวนการยุติธรรม สิทธิของผู้บริโภค สิทธิในที่ดินทำกิน สิทธิของผู้พิการและผู้ยากไร้ รวมถึงระบบการเลือกตั้งการถ่วงดุลและการตรวจสอบเรื่องทุจริต ที่สำคัญคือบทบาทอำนาจหน้าที่ ส.ว.ในบทเฉพาะกาล เชื่อว่าหากขับเคลื่อนใน ส.ส.ร.จะเกิดเป็นผลสำเร็จได้ อาจใช้เวลาบ้าง แต่หากเราต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศเดินได้ควบคู่กันไป

“วันชัย” ชี้ฝ่ายค้านพลาดชงแก้ ม.279

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราอีก 4 ญัตติว่า ไม่ทราบเจตนาฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติแยกรายประเด็น อาจทำให้เสียพลังต่อการลงมติเห็นด้วยของ ส.ว. ทำให้การออกเสียงแตกแยกมากขึ้น เทียบกับการยื่นญัตติเดียว จากการฟังเสียง ส.ว. ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขโดยลดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ แต่ญัตติที่ตัดอำนาจ ส.ว.ว่าด้วยการเสนอแนะ เร่งรัดและติดตามการปฏิรูปไม่เห็นว่าเป็นข้อดีและจำเป็นเร่งด่วนต้องแก้ไขหรือไม่ เมื่อมีประเด็นใหม่การยื่นเป็นรายมาตรา ส.ว.แต่ละกลุ่มต้องคุยกันมากขึ้น ต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีก่อนจะมีความเห็นไปในทางใด ส่วนญัตติที่ยื่นแก้ไขมาตรา 279 ว่าด้วยการรับรองความชอบธรรมตามกฎหมายของคำสั่งและประกาศ คสช. อาจเป็นประเด็นขัดแย้ง จนกระทบต่อขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะการลงมติแก้ไขต้องอาศัยเสียงสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ดังนั้นประเด็นแก้ไขมาตรา 279 เชื่อว่าเป็นการวางยุทธศาสตร์ของฝ่ายค้านที่ผิดพลาด

“พีระศักดิ์” ชูเขตเดียวเบอร์เดียวแก้บัตรเขย่ง

นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิก ส.ว.ในฐานะที่ปรึกษาคณะกมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) กล่าวว่าก่อนประชุมรัฐสภาพิจารณาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญวันที่ 23-24 ก.ย.วิปวุฒิฯจะหารือวางกรอบการทำหน้าที่ไว้เป็นแหล่งข้อมูลเตรียมพร้อมให้ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากนักกฎหมายทำความเข้าใจ จะไม่ไปกำหนดว่าต้องลงมติทิศทางไหน ทุกคนเป็นอิสระไม่มีใครบังคับใครได้ ได้ดูคร่าวๆมีบางเรื่องเป็นทางออกที่ดี เช่น ร่างฉบับการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ส.ส.นำเเนวคิดของรัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ เขตเดียวเบอร์เดียว บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะเป็นทางเลือกให้ชาวบ้านเลือกคนที่รักพรรคที่ชอบได้ กกต.คำนวณคะเเนนง่ายขึ้นด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แก้ปัญหาการนับคะเเนนของ กกต.ล่าช้าจนถูกวิจารณ์เรื่องบัตรเขย่ง เพราะมีเงื่อนไขคำนวณคะเเนน ส.ส.บัญชีรายชื่อซับซ้อนไป

“อิทธิพร” มั่นใจทำประชามติทัน

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการที่รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจต้องทำประชามติ ว่า ครม.เพิ่งเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและทำประชามติ จะได้ปฏิบัติตามร่างกฎหมายดังกล่าว ขอให้มั่นใจว่า กกต.จะดำเนินการภายในเวลาที่กำหนดได้อยู่แล้ว ส่วนที่ กกต.มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากกรณีถูกศาลนครศรีธรรมราช สั่งจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลก่อนจะประสานรัฐบาลให้มีการตราพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.นครศรีธรรมราชใหม่ ส่วนนางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ศาลฎีกาสั่งตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี จากเหตุยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จคำตัดสินศาลเป็นที่สุด ทำให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส.อยู่แล้ว กฎหมายไม่เปิดช่องให้ยื่นศาลวินิจฉัยกรณีลักษณะนี้ได้ แต่กรณีนายเทพไทเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและอยู่ระหว่างรอการลงโทษ กกต.ต้องการความชัดเจนจึงยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ลั่นพร้อมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น

นายอิทธิพรกล่าวอีกว่า ขณะนี้ กกต.พร้อมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะประกาศให้เลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อใดและรูปแบบใดก่อน เพราะการแบ่งเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศเสร็จตั้งแต่เดือน เม.ย. แต่ยังมีกระบวนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต้องใช้เวลาอยู่บ้างแต่ไม่มีปัญหา ส่วนเทศบาลเหลือเพียง 15-16 แห่งยังติดปัญหาแนวเขต แต่คิดว่าดำเนินการได้ทัน ขณะที่งบฯการกำกับดูแลของ กกต.รวมถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 กกต.ได้รับจัดสรร 800 ล้านบาท ขณะที่บุคลากรการเลือกตั้ง กกต.ท้องถิ่น ได้เตรียมรายชื่อไว้พร้อมแล้วเช่นกัน รัฐบาลยังไม่ส่งสัญญาณ หรือติดต่อกันอย่างเป็นทางการ แต่กับกระทรวงมหาดไทยได้ประสานเป็นระยะอยู่แล้ว

“อนุชา” ปลุกสำนึกต้านคอร์รัปชัน

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่อาคารอิมแพค ฟอรัม เมืองทองธานี นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการเนื่องในวันสหวิทยาการ ครั้งที่ 10 เรื่อง ธรรมาภิบาลกับการป้องกันการทุจริตในสังคมไทย จัดโดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยการนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการแก้ไขปัญหา โดยนายอนุชากล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมที่ทรงคุณค่าทุกภาคส่วนจะได้ระดมความรู้ ความสามารถนำมาร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศ ชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่เป็นปัญหาระดับต้นๆของประเทศ ซึ่งในส่วนของราชบัณฑิตยสภานั้นประกอบด้วยปราชญ์ผู้มีความรู้ที่หลากหลายสาขาวิชา การเสนอแนะองค์ความรู้จากการประชุมจะเป็นประโยชน์ต่อคณะรัฐมนตรี และรัฐบาลในการกำหนดนโยบายหรือมาตรการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศต่อไป

“บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่ลุยแก้ปัญหาน้ำ

ที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อเวลา 09.00 น. ที่บึงบอระเพ็ด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลงพื้นที่ติดตามแนวทางพัฒนาและฟื้นฟูแห่งน้ำธรรมชาติของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่รัฐบาลได้จัดงบฯสนับสนุน โดยมีนายอรรถพร สิงหวิชัย ผวจ.นครสวรรค์ และนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช.บรรยายสรุปความก้าวหน้า ก่อนเป็นประธานมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในโครงการธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินประชาชน 1,000 ราย เยี่ยมชมบูธนิทรรศการแก้ปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอขอบคุณและขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เสียสละทุ่มเทปฏิบัติงาน ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาบึงบอระเพ็ดให้เป็นแหล่งน้ำสำรอง อุปโภคบริโภค แหล่งท่องเที่ยว และการเกษตร

พท.จี้รบ.เร่งจ่ายเบี้ยชรา–คนพิการ

นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงเฟซบุ๊กกรมบัญชีกลางประกาศเรื่องการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ ระบุว่างบฯของเดือน ก.ย.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) มีงบฯไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเลื่อนจ่ายไปก่อนว่า สะท้อนความล้มเหลวการบริหารจัดการงบฯของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่จัดลำดับความสำคัญของการใช้งบประมาณ ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน และขอตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลถังแตกหรือไม่ ทั้งที่งบฯส่วนสำคัญยิ่งต่อผู้สูงอายุและผู้พิการ ยิ่งช่วงวิกฤติ-19 หลายครอบครัวใช้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยผู้พิการประทังชีวิต ไม่มีรายได้ ซ้ำเติมความ เดือดร้อนของประชาชนอย่างมาก ขอเรียกร้องให้ สถ.เร่งจัดสรรงบฯเพื่อจ่ายให้ผู้สูงอายุและผู้พิการกว่า 9 ล้านรายโดยเร็ว

สถ.ปัดไร้ปัญหาจ่ายได้ 22 ก.ย.

นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กล่าวถึงการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำเดือน ก.ย.2563 ล่าช้าว่า เรื่องเบี้ยยังชีพไม่มีปัญหา ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับกรมบัญชีกลางในการโอนเงิน จะมีการโอนเงินในวันที่ 22 ก.ย.หรืออาจจะเร็วกว่านั้น รับรองว่าจะถึงมือผู้สูงอายุและคนพิการอย่างแน่นอน นายประยูรรัตน์ กล่าวด้วยว่า การจ่ายเงินล่าช้าเป็นเพราะเมื่อถึงช่วงปลายปีงบประมาณจะมีการสำรวจจำนวนผู้สูงอายุและคนพิการ โดยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นและลดลงตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องของการเสียชีวิตหรือมีผู้สูงอายุเข้าเกณฑ์เพิ่มขึ้น ทำให้ตัวเลขปรับขึ้นลงตลอดเวลา แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการบริหารงบฯนำมาเกลี่ยเพิ่มเติมได้ ยืนยันที่ล่าช้าไม่เกี่ยวกับงบฯไม่พอ

“พิมพ์รพี” ฉะ กมธ.ดันขุดคลองไทย

น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กมธ.วิสามัญศึกษา การขุดคลองไทยและระเบียงเศรษฐกิจ สภาฯอภิปรายท้วงติงในที่ประชุม กมธ.วิสามัญศึกษา การขุดคลองไทยและระเบียง เศรษฐกิจว่า กรณีมีการใช้ชื่อ กมธ.ไปอ้างว่าจะสรุปรายงานส่งนายกฯให้เดินหน้าโครงการขุดคลองไทย ทั้งที่ กมธ.ไม่ได้มีหน้าที่ มีการนำข้อมูลต่างชาติที่สนใจร่วมลงทุนสนับสนุนผลักดันโครงการนี้ ทั้งที่ กมธ.ไม่มีหน้าที่ผลักดันโครงการ มีแต่ศึกษาข้อดีข้อเสียรอบด้านเท่านั้น และยังไม่เคยพิจารณาเรื่องดังกล่าวเลย ขอให้ กมธ.ทบทวนบทบาทอำนาจหน้าที่ ไม่ทำอะไรที่เกินขอบเขตจนถูกครหาได้ว่า รับงานใครมาเพื่อผลักดันโครงการนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ควรทำตัวเป็นเสมือนตรายางรับรองความชอบธรรมผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ของฝ่ายบริหาร