"ชวน" ชม ส.ส.ภูมิใจไทย สวมหน้ากากอนามัย กันโควิด-19 ในสภาตลอด ไม่ทราบข่าว พบผู้ติดเชื้อในสภา ยัน ไม่เคยกดดันส.ส.ปชป.ถอนรายชื่อ-ไม่มีใครมาหารือเปิดประชุมสภาวิสามัญ 

วันที่ 10 ก.ย. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในสภาผู้แทนราษฎรพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ยังไม่เห็นข่าวนี้ แต่ยอมรับว่า เห็นการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ลดน้อยลง เช่น การสวมหน้ากากในห้องประชุม ที่พบว่า ทุกคนไม่ได้สวมหน้ากากอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังขอชื่นชมส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่สวมหน้ากากตลอด พร้อมยืนยันว่าจะไม่ประมาท และจะดูแลอย่างดีที่สุด ซึ่งตนเองก็ได้ย้ำต่อทุกคนให้ทราบอย่างบ่อยครั้งว่า ให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด แต่ในส่วนของกระแสข่าวนั้นไม่ทราบว่า ใครเป็นคนปล่อยข่าว ขณะเดียวกันจำนวนผู้ติดตามนักการเมืองก็เพิ่มมากขึ้นซึ่งความจริงต้องไม่ควรเกิน 2 คนต่อ ส.ส.1 คน

นายชวน กล่าวถึงการยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ของพรรคเพื่อไทยที่จะยื่น 4 ญัตติในวันนี้ และคาดหวังว่า จะมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ว่ากระบวนการจะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เดิมได้มีการกำหนดการพิจารณาญัตติการแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ไว้แล้ว โดยเชื่อว่าเรื่องนี้ทันในสมัยประชุมนี้ ในวันที่ 23-24 ก.ย. ซึ่งการขอให้เปิดสมัยวิสามัญนั้นขณะนี้ยังไม่มีใครมาหารือ

ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า นายชวน เข้าไปกดดัน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ขอให้ถอนรายชื่อออกจากญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ของพรรคก้าวไกลนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกดดันให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถอนรายชื่อออก โดยเฉพาะที่มีส.ส.ตรัง ร่วมลงชื่อ 2 คนด้วยและก็ยังไม่สอบถามเพราะเห็นว่า เป็นสิทธิของแต่ละคน จะไม่ไปยุ่ง ทั้งนี้ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ ส.ส.ของพรรคไปร่วมลงชื่อกับญัตติของพรรคก้าวไกล และไม่ขอก้าวล่วงเพราะเป็นญัตติทางการเมือง แต่ยอมรับว่า ในพรรคมีปัญหาในบางเรื่อง แต่กรรมการบริหารของพรรคดูแลอยู่ ส่วนจะมีบทลงโทษอะไรหรือไม่นั้นเป็นอำนาจของหัวหน้าพรรค

...

สำหรับการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในวันนี้นั้น นายชวน กล่าวว่า จะต้องหารือกับรองประธานเรื่องการวางกรอบอภิปราย เพราะว่าวันนี้ยังมีเรื่องที่ค้างพิจารณาจากสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกหลายเรื่องด้วย แต่ก็ชื่นชมสมาชิกในการบริหารการอภิปรายให้กระชับเวลาของตนเองได้ดี และหากบริหารจัดการเวลาได้ดีก็จะให้พิจารณาญัตติต่างๆ ให้เร็วด้วย ซึ่งการพิจารณาญัตติต่างๆ ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์แวดล้อมด้วย เช่น ไม่ควรเอาเรื่องน้ำแล้วมาพูดตอนที่มีสถานการณ์น้ำท่วม