สบายตัวมา 100 วัน สุดท้าย “โควิด-19” ก็โผล่ขึ้น มาจนได้ ทางเดียวก็ต้องหยุด ทันที การ์ดอย่าตกนั้นดีที่สุด นายกฯต้องเร่งตั้ง “ขุนคลัง” คนใหม่เพื่อเสริมความเชื่อมั่นก่อนที่จะสายเกินไป

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้วนกลับมาจนได้หลังผ่าน 100 วันไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศต้องจบสถิติโดยปริยาย

ผู้ติดเชื้อรายนี้เป็นผู้ต้องขัง มีอาชีพเป็นดีเจในผับดังย่านพระราม 3 พระราม 5 และข้าวสารควบ 2 จังหวัดคือกรุงเทพฯ และนนทบุรี

ดีที่ตรวจพบก่อนที่จะถูกคุมขังในเรือนจำ

มิฉะนั้นคงดูไม่จืดแน่...ที่กลัวว่าจะมารอบ 2 อาจจะมาก็ได้

จากการทำงานของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงทีทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์เบื้องต้นเอาไว้ได้

ประเด็นสำคัญก็คือการค้นหาต้นตอว่าไปติดเชื้อมาจากใคร ที่ไหน ตรงนั้นแหละจะเป็นการควบคุมดีที่สุด

อย่าไปตื่นตระหนกตกใจกันจนเกินเหตุ!

“การ์ดอย่าตก”...ยังเป็นมนต์ขลังที่ต้องท่องให้ขึ้นใจอยู่ตลอดเวลา

ที่จะต้องพึงระวังและป้องกันอย่างเข้มข้นก็คือบริเวณชายแดนไทย–พม่า ในทุกจังหวัด เพราะการแพร่ระบาดในเมียนมานั้นถือว่าหนักเอาการ

ถ้าหลุดรอดเข้ามาได้คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเผชิญชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่รู้ว่าจุดจบจะลงเอยอย่างไร

ทุกองคาพยพจึงต้องตื่นตัวในทุกมิติ

ใครที่รู้ตัวว่าได้สัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะสถานที่ไหนก็ตามจึงควรร่วมมือกับแพทย์ด้วยความรับ ผิดชอบต่อสังคม

เข้าพบแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะได้ตรวจเชื้อและปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด อันจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี

...

ผ่านประสบการณ์มาแล้วยังต้องร่วมมือร่วมใจให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม...แต่อิทธิพลจาก “ดวงดาว”–“ดวงคน” นั้นมันสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก

“นายกฯลุงตู่” เป็นตัวอย่างที่เผชิญมาด้วยตนเอง

เริ่มวันที่ 1 ก.ย.63 “ปรีดี ดาวฉาย” ได้ยื่นใบลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสดๆร้อนๆ

จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม?

ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นไม่มากก็น้อยเพราะสภาพเศรษฐกิจเพิ่งจะขยับเดินหน้าไปสู่การฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ

ความอ่อนไหวอย่างนี้ไม่เป็นผลดีแน่!

ทางที่ดีก็คือเร่งหารัฐมนตรีคลังคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง อย่าไปคิดว่าในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะขจัดปัดเป่าทุกอย่างได้

ยิ่งพวกบ่างช่างยุพยายามจะตีขลุมส่งเสริมว่านายกฯควรจะควบเก้าอี้รัฐมนตรีคลังอีกตำแหน่งหนึ่ง

แนะอีกว่ายกตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมที่ควบอยู่ให้ “พี่ใหญ่” ไปเลย

ระวังเถอะ...จะตกหลุมพรางแล้วมานั่งครางทีหลัง

หรือการที่จะให้ “สันติ พร้อมพัฒน์” ขยับจาก รมช.คลัง ขึ้นชั้นเป็นเจ้ากระทรวงเสียเลยนั้น คำตอบเรื่องนี้มันมีอยู่แล้ว กระแสสังคมคิดยังไงก็น่าจะรู้กันดี

หรือในพลังประชารัฐก็หยุดคิดหยุดเคลื่อนไหวที่ต้องการผลักดันคนในพรรคเข้ามาสวมเก้าอี้ตัวนี้

หากไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นได้

ทุกวันนี้สถานภาพหืดขึ้นคอแค่ไหนก็รู้กันแล้วมิใช่หรือ?

"ลิขิต จงสกุล"