“หมอบุ๋ม” ย้ำ สธ. บรรจุข้าราชการรุ่นโควิดเสร็จสิ้นในเดือนนี้ ส่วนค่าตอบแทน อสม. พร้อมโอนเข้าบัญชี 21 ก.ย. เร่งเดินหน้าจัดหาวัคซีนโควิด-19 เตรียมดันท่องเที่ยวเมืองสมุนไพร 5 จังหวัด

วันที่ 3 ก.ย. 2563 แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสรุปผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบของที่ระลึกแก่ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2563 พร้อมมอบนโยบายเรื่องการบรรจุข้าราชการใหม่จำนวน 45,684 อัตรา จะต้องบรรจุเสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ ด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ จากที่มีข่าวอ้างว่าช่วยบรรจุเป็นข้าราชการรุ่นโควิดได้ ขอย้ำว่าไม่เป็นความจริง อย่าหลงเชื่อ หากพบให้ดำเนินการถึงที่สุด ไม่มีการละเว้นโทษ

ทั้งนี้ ยังได้มอบนโยบายการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2564 เรื่องสำคัญคือ การดำเนินการให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ของโลกได้รับวัคซีนที่ต่างประเทศผลิตได้ และการพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ, การขับเคลื่อนระบบบริการปฐมภูมิให้คนไทยมีหมอประจำตัว 3 คน คือ หมอประจำบ้าน หมอสาธารณสุข หมอครอบครัว เพื่อลดความแออัดโรงพยาบาลและสร้างเสริมระบบสุขภาพคนไทย การสร้างระบบธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความคุ้มค่า หากมีการทุจริตจะดำเนินการอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกับกรณีคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งขณะนี้ สปสช. ได้ยกเลิกสัญญาคลินิกที่พบการทุจริต พร้อมจัดหาหน่วยบริการรองรับ รับสมัครคลินิกชุมชนอบอุ่นเพิ่ม และเรื่องสุดท้ายคือ การคุ้มครองประชาชนจากสารเคมีและสินค้าที่ทำลายสุขภาพ

...

สำหรับประเด็นที่น่าสนใจในการประชุม คือ บทบาทของ อสม.ในการดำเนินการต้านภัยโควิด-19 ที่เป็นด่านหน้า ออกเคาะประตูบ้านเฝ้าระวัง ดูแล สอดส่อง ป้องกันโรคโควิด-19 ในชุมชน ซึ่งรัฐบาลเห็นความสำคัญและมอบค่าตอบแทน อสม. ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการหารือกับกรมบัญชีกลางแล้ว โดยจะเบิกจ่ายค่าป่วยการ อสม. จำนวน 7 เดือน ตั้งแต่ มี.ค. - ก.ย. 2563 เป็นเงิน 3,500 บาท และจะส่งเข้าบัญชีของ อสม. ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ ซึ่งหากสถานการณ์เกิดขึ้นอีกรัฐบาลก็จะดูแลต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังมีบทบาทในการร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยดำเนินการ 2 เรื่อง คือ การขับเคลื่อนสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมฟ้าทะลายโจร เพื่อผลิตยาสมุนไพร และการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีใหม่ โดยพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเมืองสมุนไพร 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก อุดรธานี สุราษฎร์ธานี และสงขลา.