“น่าเศร้ามากสำหรับประเทศไทย” คดีนี้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อระบบยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย คำตัดพ้อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม หลังเห็นรายงาน “การตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา” ของนายวิชา มหาคุณ และคณะ

พร้อมสั่งสอบสวนเจ้าหน้าที่และบุคคลเกี่ยวข้อง ที่ทำหน้าที่ไม่โปร่งใส ไร้จริยธรรม ส่วนคดีให้เดินต่อไปในส่วนที่ยังไม่หมดอายุความ

ขณะที่ “วิชา” แฉเป็นทฤษฎีสมคบคิด ตำรวจ–อัยการ ทำกันเป็นแก๊ง สมยอม ประวิงเวลาจนน่าอับอาย สุดท้ายเสนอปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามสูตร

ไม่รู้ว่าจะกู้วิกฤติศรัทธา ลดข้อกังขาจากสังคมได้มากน้อยแค่ไหน เพราะความผิดหลายข้อหาสำคัญของ “บอส” ถูกเตะถ่วงจนหมดอายุความไปแล้ว ทำได้แค่ล้อมคอก ศึกษา ทบทวน แล้วสุดท้ายก็ปฏิรูป

ต้องจับตาดูกระบวนการสอบสวนไล่เบี้ยเอาผิดจะเข้มข้นจริงจัง หรืออืดเป็นเรือเกลือ เพราะสาวลึกลงไปก็อาจชนตอ เจอแต่เครือข่าย “กากี่นั้ง” กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ส่วนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่าให้เป็นแค่คำพูดซ้ำซาก สุดท้ายก็วนกลับมาที่เก่าหนีไม่พ้นสังคมบูชาเงิน โยนใส่หิน หินยังลอย ช่วยลดเหลื่อมล้ำทำให้ชาวบ้านเห็นชัดๆ “คุกไม่ได้มีไว้แค่ขังคนจน”

อย่างน้อยอยากให้ “รัฐบาลลุงตู่” ฝากผลงานให้คนไทยชื่นชมจดจำว่าได้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติด้านกระบวนการยุติธรรม แม้ว่าด้านอื่นจะกะปลกกะเปลี้ยเจียนอยู่เจียนไปโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ

จากปฏิบัติการช็อกรัฐบาล ภาคราชการ ธุรกิจ “ปรีดี ดาวฉาย” ประกาศลาออกจาก รมว.คลังฟ้าแลบ หลังทำงานได้แค่ 20 กว่าวัน สะดุ้งสะเทือนไปตามๆกัน

...

โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” แทบล้มทั้งยืน หลังไปตื๊อดึงตัวมาหวังปั้นผลงานด้านเศรษฐกิจ แต่กลับด่วนถอดใจเอาดื้อๆ ต้องฝืนกัดฟันบอกการลาออกของ “ปรีดี” ไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นนักลงทุน

เพราะยังมีตนเองเป็นหัวหน้าทีมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังมีรัฐมนตรีช่วย ขณะที่โครงการก็เซตไว้พร้อมแล้ว

แต่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน มองตรงข้าม การลาออกของนายปรีดีสั่นสะเทือนเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือรัฐบาลอย่างมาก ชัดเจนว่ารัฐมนตรีคนนอกที่รัฐบาลเชิญมาเพราะไปตื๊อเขามา

ไม่มีคนที่มีชื่อเสียงคนไหนอยากเข้าร่วมรัฐบาลในภาวะเศรษฐกิจทรุดหนัก การเมืองผันผวนเช่นนี้

เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย พล.อ.ประยุทธ์เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ และทีมงานสี่กุมารออกไป เอาคนนอกเข้ามาใหม่แต่ก็ออกไปแบบด่วนจี๋ ช็อกตาตั้ง เครดิตความเชื่อมั่นพังทลายแทบไม่เหลือ

ชั่วโมงนี้ไม่รู้จะนับหนึ่งเปิดฉากโชว์แผนกู้เศรษฐกิจกันท่าไหน ระฆังยังไม่ทันดัง นักมวยก็โยนผ้าแล้ว

ไม่ต้องบอกก็รู้ฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงควักอีกตามเคย ริบอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวง แทรกแซงบอร์ดรัฐวิสาหกิจ รมว.คลังกลายเป็นแค่พนักงานบริษัท มีหน้าที่ทำงานบริหารอย่างเดียว

ก่อนหน้านี้ “ปรีดี” ก็ไม่ได้เต็มใจมา แถมเข้ามาก็ไม่มีทีมงานตัวเองเป็นรัฐมนตรีช่วย เพราะฝ่ายการเมือง พรรคพลังประชารัฐกระชากโควตาไปให้ “บิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมช.แรงงาน แบบผิดฝาผิดตัว สุดท้ายก็ไปนั่งขัดแข้งขัดขากับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จนน่าตลก

“ปรีดี” เห็นสัญญาณเสี่ยงภัยไม่ต้องรอนาน เผลอหลุดเข้ามาในดงเสือ สิงห์ กระทิง แรด ฝ่ายการเมืองยึดผลประโยชน์เหนือการบริหาร ผลสำเร็จ อยู่ไปก็เอาชื่อมาทิ้งเปล่าๆ เลยชิงลาออกก่อนจะเสียคน

รู้ตัวดีว่าสู้รบปรบมือกับฝ่ายการเมืองไม่ไหวแน่ ขนาดนายสมคิดกับทีมงานสี่กุมารยังกระเด็น นับประสาอะไรกับตัวเองที่ละอ่อนทางการเมือง

ล่าสุด 10 พรรคเล็ก นำโดยนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย และ “ตัวจี๊ด” อย่างนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้จังหวะชงให้ “บิ๊กตู่” ย้ายมาควบ รมว.คลังเอง แล้วให้พี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาควบ รมว.กลาโหม

เล่นบทเอาใจพี่ใหญ่สุดลิ่มทิ่มประตู แต่ดูแล้ว “บิ๊กตู่” คงไม่เอาด้วยแน่

ชั่วโมงนี้หลายอย่างประเดประดัง คลื่นโถมซัดรัฐนาวาเรือเหล็กระลอกแล้วระลอกเล่า แต่เดอะโชว์มัสต์โกออน ชีวิตต้องเดินต่อไป แก้ปัญหาเฉพาะหน้าหาคนมาแทน “ปรีดี” ที่ลาออกไป

ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็เอาคนการเมืองเข้ามาให้รู้แล้วรู้รอด ที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ก็มีอยู่มากทั้งในพรรคและนอกพรรค แล้วก้มหน้าทำงานกันต่อไปด้วยคำว่า “หน้าที่”

เรื่องถอดใจไม่เคยมีอยู่ในหัว “บิ๊กตู่” อยู่แล้ว.

ทีมข่าวการเมือง