“บิ๊กตู่” ลดแรงต้าน โชว์รับฟังเสียงคัดค้าน สั่งกองทัพเรือชะลอซื้อเรือดำน้ำจีน โฆษก รบ.ตีปี๊บนายกฯบริหารงานโปร่งใส เปิดรับทุกความเห็น ทร.ส่งหนังสือแจ้ง กมธ.งบฯ ปี 64 ยอมให้หั่นงบฯ 3,925 ล้านเหลือ 0 ล้านบาท “สันติ” รับลูกให้ใช้งบฯปีถัดไป อ้าง กมธ.เห็นตรงกันต้องมีเรือดำน้ำ “พิจารณ์” สวนก้าวไกลไม่เคยเห็นด้วยอย่าพูดมั่ว ฝ่ายค้านไล่บี้ “นายกฯตู่” ควักเงินเองสู้คดี-จ่ายค่าโง่เหมืองทอง “ประยุทธ์” โวยทุกรัฐบาลไม่แก้ไข ต้องเข้ามาสางปัญหาสัมปทานแร่ โต้หลังเลือกตั้งนายกฯเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กมธ.งบฯโหวตชี้ขาดตัดได้แค่ 12 ล้านบาทงบฯสู้คดีเหมืองอัครา ส.ส.เสรีรวมไทยลุยต่อชง กมธ.สภาฯสอบต่อเหมืองทอง-เรือดำน้ำ “พีระพันธุ์” ส่งผลศึกษาแก้ รธน.ถึงมือ “ชวน” “โภคิน” คาดร่างแก้ไขเสร็จ ก.พ.64 กลุ่มอดีต ส.ว.แนะแก้ ม.272 ชักฟืนออกจากกองไฟ

ในที่สุดการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำจากสาธารณรัฐ ประชาชนจีน วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาทของกองทัพเรือ (ทร.) ก็ไม่สามารถฝ่ากระแสคัดค้านไปได้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งการให้ ทร.ชะลอการจัดซื้อออกไปอีก 1 ปี เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลตระหนักและรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

“บิ๊กตู่” สั่งชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำ 1 ปี

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2564 กำลังพิจารณางบฯจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ (ทร.) 2 ลำว่า หลัง กมธ.งบฯได้พูดคุยและแสดงความกังวลต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้พูดคุยภายในกระทรวงกลาโหมโดยเฉพาะ ทร.ได้ข้อสรุปว่าให้ ทร.พิจารณาชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำในลำที่ 2 และ 3 ออกไปก่อน เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความเข้าใจของนายกฯ ที่เห็นถึงความห่วงใยของประชาชน สังคมและ กมธ.งบฯที่ต้องนำงบไปใช้ส่วนอื่น ไม่ว่าปากท้องประชาชนและเรื่องอื่นที่เหมาะสม ให้ กมธ.งบฯพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง ทร.คงจะพูดคุยกับทางจีนอีกครั้งหนึ่งถึงความจำเป็นต้องชะลอจัดซื้อไปก่อน รัฐบาลพยายามดูแลทุกภาคส่วนทั้งเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงให้สอดคล้อง ประชาชนสบายใจการบริหารราชการของรัฐบาลว่าโปร่งใส ยุติธรรม อยากให้เข้าใจตรงกันว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ถูกต้องทั้งหมด ตั้งแต่จัดซื้อของลำที่ 1 แล้ว ส่วนลำที่ 2 และ 3 จะส่งมอบต่อเนื่องเท่านั้นเอง งบฯทั้งหมดที่ตั้งไว้สำหรับซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ อยู่ที่ 36,000 ล้านบาท ลำที่ 2 และ 3 อยู่ที่ 22,500 ล้านบาท ปีงบฯ 63 เดิมมีงบฯเตรียมจัดสรร 3,375 ล้านบาท แต่เลื่อนมาเป็นงบฯปี 64 ปีนี้เป็นอีกครั้งที่ต้องเลื่อนไปเป็นครั้งที่ 2

...

โอ่ รบ.รับฟังทุกความเห็น ปชช.

เมื่อถามว่าที่ชะลอซื้อเรือดำน้ำเพราะทางการจีนส่งสัญญาณมาทางไทยแล้วใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ต้องให้กระทรวงกลาโหมโดยกองทัพเรือพูดคุยกับทางการจีนอีกครั้งหนึ่งและมาชี้แจง ทราบว่าบ่ายวันที่ 31 ส.ค.จะประชุมสภากลาโหม อาจสอบถามเพิ่มเติมว่าเจรจาอย่างไรหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกระบวนการของ กมธ.งบฯว่าหลังจากชี้แจงและพูดคุยแล้วจะมีความเห็นอย่างไร แต่นายกฯเห็นถึงความสำคัญที่ประชาชนห่วงใยและกังวลเรื่องเศรษฐกิจในปัจจุบัน หากชะลอไปได้อีก 1 ปี คิดว่าอย่างน้อยนำเงิน 3 พันกว่าล้านไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้พอสมควร คงต้องให้ ทร.พิจารณาดำเนินการอย่างอื่นที่จะไม่มีปัญหาด้านความมั่นคงต่อไป เมื่อถามว่าที่ชะลอเพราะต้องการลดกระแสการคัดค้านขณะนี้ใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า การทำงานของนายกฯ รับฟังความเห็นของประชาชนที่เรียกร้องหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคมต่างๆ หรือแม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีกลไกต่างๆที่จะดำเนินการได้ จะประสานงานกันกับทางสภาฯเพื่อให้งานมีความสอดคล้องและกลไกทั้งหมดเดินหน้าต่อไปได้

นายกฯย้ำพร้อมฟังเสียงคัดค้าน

เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องเอสแคป ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานสัมมนา Global Compact Network Thailand และกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “วิถีคิดผู้นำในสถานการณ์วิกฤติ ประสบการณ์จากสถานการณ์ โควิด-19” ในงานสัมมนา “วิถีคิดผู้นำสู่ความยั่งยืนภายใต้ชีวิตวิถีใหม่” ในโอกาสการฉลองครบรอบ 20 ปีการจัดตั้งโกลบอลคอมแพ็กภายใต้สหประชาชาติตอนหนึ่งว่าตระหนักดีว่า “สิทธิมนุษยชนเป็นรากฐานที่เข้มแข็งของสังคมและธุรกิจ” การเคารพสิทธิมนุษยชนทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญและปฏิบัติ เมื่อเราเริ่มทำงานในแบบใหม่ๆอาจมีเสียงคัดค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกคน โดยเฉพาะเยาวชน เชื่อมั่นว่าต่างมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมภารกิจ “รวมไทยสร้างชาติ” ไปพร้อมๆกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน คิดใหม่ ทำใหม่ สร้างสรรค์เพื่อก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

ส่ง ผบ.ทร.คุยจีนเลื่อนจ่ายปีหน้า

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมสภากลาโหมถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า อยู่ในขั้นตอนของ กมธ.ซึ่ง ทร.ต้องไปชี้แจง ยังต้องรอความเห็นของ กมธ.งบฯก่อน ซึ่ง ทร.ต้องไปคุยกับทางจีนในฐานะคู่สัญญาว่าจะชะลอการจ่ายเงินปีหน้าได้หรือไม่ ได้คุยกับ ผบ.ทร.ให้แนวทางไปแล้วว่าให้ไปคุยเจรจากับจีน งบฯกว่า 3,000 ล้านบาทไม่สามารถโยกไปทำอะไรได้ต้องตีตกกลับมา และเงินตัวนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินและการคลังอยู่แล้วว่าจะนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง เมื่อถามย้ำว่าจะเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำต่อ เพียงแต่ชะลอจ่ายเงินไปปีหน้าใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จะไปหยุดอย่างไร เป็นแผนการพัฒนาของกองทัพ ต้องไปดูว่าสถานการณ์รอบประเทศเป็นอย่างไร เราฝึกร่วมตลอดหลายปีมาแล้วแต่ไม่เคยมีเรือดำน้ำที่จะฝึกร่วมกับเขาเลย ทั้งที่มีพื้นที่ อาณาเขตทางเรือฝั่งทะเลมากมายมหาศาลพอสมควร โดยเฉพาะ 200 ไมล์ทะเลต้องระมัดระวังเอาไว้อย่านำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แต่ละช่วงมาเปรียบเทียบกัน ต้องมองไปข้างหน้า หากช้าเกินไปอาจไม่ทันเวลา

ย้อนไม่มองนิติบัญญัติก้าวล่วง รบ.บ้าง

เมื่อถามว่า หลังนายกฯให้แนวทางชะลอซื้อเรือดำน้ำ พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการครอบงำระบบนิติบัญญัติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงแต่ในฐานะ รมว.กลาโหมได้ให้แนวทางแก่ ทร.อยากให้เข้าใจว่ามีสองบทบาท คือนายกฯต้องรับฟังความคิดเห็น มองให้รอบด้าน อีกบทบาทหนึ่งคือ รมว.กลาโหมต้องดูแลกองทัพ หากมีปัญหาเช่นนี้อยากให้ลองไปเจรจากับคู่สัญญาดู เนื่องจากมติ ครม.มอบหมายให้ ทร.ไปเจรจา จะมาบอกว่าปีหน้าเดี๋ยวก็มีปัญหาอีกก็ทำอะไรกันไม่ได้ ทำไมถึงไม่คิดว่า อำนาจนิติบัญญัติกำลังก้าวล่วงอำนาจบริหารบ้าง อยากให้ฟังทั้งสองทาง ถ้าเป็นเรื่องที่เสนอใหม่เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องนี้อนุมัติไว้แล้วชั้นต้นต้องไปหารือกับมิตรประเทศ

ทร.เเจ้ง กมธ.ยอมตัดเหลือศูนย์ล้าน

ขณะที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ที่มาร่วมประชุมสภากลาโหมปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณีชะลอการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 จากจีนไป 1 ปี โดย พล.ร.อ.ลือชัย ได้แต่ยิ้มก่อนยกนิ้วโป้งให้ ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าต้องชะลอหรือเลื่อน พล.ร.อ.ลือชัย ไม่ตอบเดินขึ้นห้องรับรองไปรอทันที มีรายงานว่า ทร.ได้ส่งหนังสือที่ลงนามโดย พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ ทำการแทน ผบ.ทร.เรื่อง การปรับลดงบฯการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ เเจ้งมายังประธานคณะ กมธ.งบฯปี 64 สภาฯว่าตามร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 มีรายการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ ตามร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 64 มีวงเงินงบฯจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ 3,925 ล้านบาท มีสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทร.พิจารณารอบคอบแล้ว เห็นว่าการลดงบรายการนี้ลงถึงแม้เป็นความเสียหายต่อการดำเนินการตามแผนงานโครงการของ ทร. แต่เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภาวการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ทร.ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว และขอปรับลดงบฯจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ ในปีงบฯ 64 ทั้งหมด คงเหลือ งบฯในปีงบฯ 64 จำนวน 0 ล้านบาท เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ

“โจ้” ยักท่า กมธ.เคาะไม่ใช่ “บิ๊กตู่” สั่ง

ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยในฐานะโฆษก กมธ.งบฯ ปี 64 กล่าวว่า ต้องรอดูคณะ กมธ.ชุดใหญ่จะถอนงบฯจัดซื้อเรือดำน้ำตามที่รัฐบาลระบุหรือไม่และจะโหวตกันอีกหรือจะถอนโดยไม่ต้องลงมติ การทำงานของคณะ กมธ.กับฝ่ายบริหารไม่เกี่ยวกัน เป็นเรื่องของ กมธ.จะพิจารณาจะถอยหรือไม่ถอยอยู่ที่ผลการประชุม กมธ.มากกว่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่านายกฯสั่งให้ถอยแล้ว กมธ.ถอยตามกลายเป็นฝ่ายบริหารครอบงำการทำงานของ กมธ. ขณะนี้เลยขั้นตอนที่ กองทัพเรือจะถอนเรื่องออกแล้ว แต่เป็นเรื่องคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ เข้าชี้แจง ถ้า กมธ.ชุดใหญ่ยืนยันตามคณะอนุ กมธ.คือมีเรือดำน้ำ แต่ถ้าเปลี่ยนมติก็ไม่มีเรือดำน้ำ ถ้าตัดงบฯเรือดำน้ำจริงไปเพิ่มงบฯกลางช่วยโควิดได้ เพียงแต่ยังสรุปยอดเงินไม่ได้ เพราะเรื่องยังไม่จบ

“สันติ” อ้าง กมธ.เห็นพ้องต้องมีเรือดำน้ำ

ช่วงบ่าย ที่รัฐสภา การประชุมคณะ กมธ.วิสามัญฯงบฯปี 64 มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และประธานคณะ กมธ.งบฯปี 64 เป็นประธานการประชุม ได้เข้าสู่วาระพิจารณารายงานของคณะอนุ กมธ. ครุภัณฑ์ฯ ที่มีนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ. โดยนายสันติกล่าวต่อที่ประชุมว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญ กมธ.แต่ละพรรคหารือความเหมาะสมเกี่ยวกับเรือดำน้ำ จากการสอบถามมีข้อสรุปเห็นตรงกันว่าการมีเรือดำน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่ง 3 ลำน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ประเทศไทยมีทะเลถึงสองฝั่งและพื้นที่ชายฝั่งทะเล 12 ไมล์ทะเล ยังมีพื้นที่ทับซ้อนด้านความมั่นคงที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน

ปรับลดตาม ทร.แจ้งให้ใช้งบปีถัดไป

นายสันติกล่าวอีกว่า เรื่องเรือดำน้ำได้ผ่านออกมาเป็นงบตั้งแต่งบฯปี 63 แต่ด้วยความปรารถนาดีเห็นแก่เศรษฐกิจของประเทศ กองทัพเรือได้ส่งงบฯคืนให้รัฐบาลไปแก้ปัญหาโควิด ต้องขอบคุณกองทัพเรือด้วย จะคืนงบฯให้ในปีงบฯ 64 ต่อไป กมธ.เห็นว่าแม้เรือดำน้ำมีความจำเป็น แต่ยังไม่เหมาะในเวลานี้ โควิดอาจเกิดการระบาดรอบสองได้ กระทรวงกลาโหมและ ทร.ได้แจ้งมาว่าในปี 64 ทร.ยินดีให้ปรับงบฯ 3,925 ล้านบาท ในส่วนที่ต้องไปจ่ายออกไปก่อนให้เป็นศูนย์ และให้ ทร.ไปใช้งบฯปีถัดไปตามเห็นสมควร ปีนี้เลื่อนงบฯงวดแรกจ่ายเรือดำน้ำออกไป ทร.ได้มีหนังสือแล้ว ส่วนเงินที่ปรับออกไปเป็นหน้าที่ของหน่วยรับงบฯและสำนักงบประมาณจะไปพิจารณา ต่อมานายสันติได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอใช้สิทธิเพื่อเสนอญัตติให้คณะ กมธ.ปรับลดงบฯในส่วนนี้ตามที่ ทร.ได้เเจ้งมา

“ก้าวไกล” สวนไม่เห็นด้วยอย่าอ้างมั่ว

จากนั้นนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เเย้งว่า กมธ.ในส่วนพรรคก้าวไกลไม่ได้คุยกับนายสันติตามที่กล่าวอ้าง พรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ และการเลื่อนออกไปเพียงหนึ่งปีงบประมาณไม่น่าจะเป็นประโยชน์ โดยนายพิจารณ์ได้สอบถามต่อที่ประชุมและตัวแทนสำนักงบประมาณว่า ปีงบฯ 2565 จะมีการพิจารณางบฯเรือดำน้ำใหม่หรือไม่อย่างไรหรือจะตกไป และ ทร.ต้องตั้งงบฯเข้ามาใหม่หรือไม่ ตัวแทนสำนักงบฯชี้เเจงว่ารายการเรือดำน้ำ อนุมัติตั้งแต่ปีงบฯ 63 ส่วนการดำเนินการในปีงบฯ 65 ต้องรอความชัดเจนจาก ทร.ก่อนว่าได้เจรจากับผู้ผลิตอย่างไร จากนั้นที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 63 เสียงเห็นด้วยกับการปรับลดงบฯตามที่นายสันติเสนอมา

“วราเทพ” เชื่อหั่นงบฯทันกรอบ 105 วัน

เมื่อเวลา 09.15 น. ที่รัฐสภา นายวราเทพ รัตนากร รองประธาน กมธ.งบฯปี 64 ให้สัมภาษณ์ก่อนว่า กมธ.จะพิจารณาผลการพิจารณาปรับลดงบฯของคณะอนุ กมธ.ทั้ง 8 ชุดให้เสร็จ ข้อสังเกตต่างๆ คาดว่าจะพิจารณาได้วันที่ 2-3 ก.ย. จากนั้นจะทำรายงานพิมพ์เป็นรูปเล่มส่งสภาฯภายในสัปดาห์หน้า ที่หลายคนกังวลว่าจะใช้เวลาเลยกรอบเวลาทำงาน 105 วัน จนทำให้ต้องใช้ร่างเดิมที่รัฐบาลเสนอ เคยทำงบฯมาหลายครั้งไม่คิดว่าจะเลย 105 วัน กมธ.ทุกพรรคส่วนใหญ่มีแนวคิดว่ามาในนาม ส.ส.และทำหน้าที่พิจารณารายละเอียดงบฯเป็นสำคัญ

“เรวัต” ฉะอย่าใช้ภาษีจ่ายค่าโง่เหมืองทอง

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และรองคณะ กมธ.งบฯปี 64 ให้สัมภาษณ์ว่าจะขอรายชื่อ กมธ.ท่านอื่นให้ร่วมสนับสนุนข้อเสนอตัดงบฯเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ดลิมิเต็ด วงเงิน 111 ล้านบาท ให้เหลือ 0 บาท หากเสียงข้างมากใน คณะ กมธ.ชุดใหญ่ไม่เห็นด้วย พร้อม กมธ.คนอื่นๆจะสงวนความเห็นไปยังที่ประชุมสภาฯให้วินิจฉัยต่อไป เรื่องเหมืองอัคราเกิดขึ้นสมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 ระงับการทำเหมือง ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าหัวหน้า คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรมาใช้ภาษีประชาชน

ฝ่ายค้านแพ้ 38 ต่อ 21 ตัดงบสู้คดีเหมืองทอง

ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะ กมธ.งบฯปี 2564 ที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังและประธาน กมธ.เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ เรื่องงบฯของกระทรวงอุตสาหกรรม 111 ล้านบาท เพื่อต่อสู้คดีที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี จ.พิจิตร ฟ้องร้องรัฐบาลไทย กรณีหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ โดย นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะ กมธ.ใช้สิทธิแปรญัตติตัดงบฯทั้งหมด 111 ล้านบาท เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าหัวหน้า คสช. ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่มีสิทธิใช้งบประมาณต่อสู้คดี แต่ที่ประชุมมีมติ 38 ต่อ 21 เสียง ให้ปรับลดงบฯเพียง 12 ล้านบาทตามที่คณะอนุ กมธ.เสนอมา นพ.เรวัตและ กมธ.ที่เห็นตรงกันจึงขอใช้สิทธิสงวนคำแปรญัตติขอให้ตัดงบฯทั้งหมด 111 ล้านบาท ในการพิจารณารายมาตราวาระ 2

ยื่น กมธ.สภาฯสอบต่อสองเรื่องร้อน

น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า รัฐบาลสั่งชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำไป 1 ปี แต่ยังให้กองทัพเรือซื้ออยู่เพื่อดับกระแสต่อต้าน ทั้งที่หลายฝ่ายเห็นว่าควรยกเลิก ไม่สมเหตุสมผลกับสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ชะลอแค่ปีเดียวเป็นเเค่ละครคั่นฉากดับกระเเสร้อน โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเกิดในช่วง คสช.ยึดอำนาจ แม้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบแล้ว แต่อ้างเเบบนี้ไม่ถูก สนช.ใครเเต่งตั้ง ผลัดกันเกาหลังเเล้วอ้างข้างๆคูๆว่าผ่านฝ่ายนิติบัญญัติมาก่อนเเล้ว การฟื้นเศรษฐกิจ ช่วยคนตกงานกับชะลอซื้อเรือดำน้ำอะไรจำเป็นกว่ากัน ส่วนการนำงบฯแผ่นดินไปสู้คดีเหมืองทองอัคราให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ปิดเหมืองอัครา เมื่อศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าหัวหน้า คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่สามารถนำเงินภาษีประชาชนมาจ่ายได้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสถานะใดเเน่ จะรับผิดชอบกับสิ่งที่ก่อไว้อย่างไร พรรคเสรีรวมไทยจะยื่นเรื่องให้ กมธ.ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ 2 เรื่องที่เกิดขึ้น และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์มาตอบด้วยตัวเอง

จี้ “ตู่” รับผิดชอบค่าทนาย–ค่าโง่เหมือง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงานและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะติดลบหนักถึง -10% รัฐบาลต้องคิดทุกกรอบ เลื่อนจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำไป ถูกต้องแล้ว แสดงให้เห็นว่าตั้งใจแก้ปากท้องประชาชนต้องมาก่อนเรื่องอื่น ถ้าเป็นไปได้ควรยกเลิกไปเลย เทคโนโลยีโดรนใต้น้ำมาแทนที่เรือดำน้ำแล้ว อีกเรื่องการเตรียมเงินไปสู้คดีมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทอง มีโอกาสสูงที่ไทยจะเสียค่าโง่ในความผิดพลาด เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศจะรับผิดชอบเองควรต้องจ่ายเอง หากแพ้คดีต้องจ่ายหลายหมื่นล้านบาทใครจะรับผิดชอบ เคยมีคำตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จะให้รัฐจ่ายค่าความเสียหายให้แก่การกระทำของคนไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐคงเป็นไปไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องรับผิดชอบเองทั้งค่าทนายและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

ซัดคำสั่ง คสช.ขัดข้อตกลงการค้าฯ

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งงบฯค่าใช้จ่ายต่อสู้คดีข้อพิพาทกับบริษัท คิงส์เกต ฯหลัง คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งระงับเหมืองแร่ทองคำ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเพราะใช้คำสั่ง คสช.สั่งระงับทำเหมือง ซึ่งกระทำมิได้เพราะผิดข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ บริษัทต่างชาติไม่ยอมรับมาตรา 44 ซึ่งเป็นแค่กฎหมายเฉพาะกิจที่มีผลแค่ในประเทศไทย ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุการใช้มาตรา 44 ไม่ได้สั่งปิดเหมือง แต่ให้หยุดชั่วคราวจนกว่าจะมี พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่เป็นการพูดแบบปัดสวะให้พ้นตัวไป คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 72/2559 สั่งให้ผู้ประกอบการที่ได้รับประทานบัตรและใบอนุญาตทุกประเภท ยุติการทำเหมืองทองตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2560 จึงเป็นที่มาของการนำราชอาณาจักรเข้าสู่ข้อพิพาทกับบริษัทคิงส์เกตฯ หากมีคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศออกมาว่าไทยแพ้ ไทยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์จะให้ราชอาณาจักรไทยต้องรับผิดชอบแทนความผิดที่ตัวเองก่อหรือ

“บิ๊กตู่” โวยทุก รบ.ไม่แก้จนเข้ามาทำ

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงคดีเหมืองทองอัคราว่า รัฐบาลพยายามแก้ไข ที่ถามว่าตนจะรับผิดชอบอย่างไรเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน ต้องย้อนกลับไปดูว่าปัญหาที่เหมืองทองอัคราเกิดจากอะไร จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนมาร้องเรียน ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้แก้ไขปัญหานี้ แต่รัฐบาลชุดนี้ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อให้ชัดเจน อยู่ระหว่างขั้นตอนอนุญาโตตุลาการ ที่ผ่านมามีการเจรจากันมาโดยตลอด ผิดถูกด้วยกันทั้งคู่ ตนเป็นคนมาหยุดการกระทำความผิดต่างๆ และความเดือดร้อนของประชาชน อยากให้มองตรงนี้

โต้หลัง ลต.นายกฯเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

“หลายคนบอกว่าช่วง คสช.ตนระบุว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ อยากให้เข้าใจว่าตอนนั้นอยู่ในช่วง คสช.แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ใครจะมองอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมเป็นนายกฯที่ต้องแก้ไขปัญหาทั้งหมด อยากให้ดูปัญหาคลองด่านตอนนั้นว่าผมแก้ไขปัญหาอย่างไร เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ก็แก้ไขปัญหาไปแล้ว รวมถึงปัญหาทางด่วน ทุกเรื่องต้องหาวิธีการ อย่านำเรื่องโน้นมาผูกโยงกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรกัน ของเก่าไม่ต้องแก้ ของใหม่ก็ทำไม่ได้แล้วประเทศไทยจะไปอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

ผลศึกษาแก้ รธน.ถึงมือ “ชวน”

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 นำคณะ กมธ.เข้ายื่นรายงานของ กมธ.ที่พิจารณาเสร็จแล้ว ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อให้พิจารณาบรรจุระเบียบวาระ โดยนายพีระพันธุ์กล่าวว่า รายงานนี้นำเสนอเนื้อหาเชิงวิชาการ ไม่ได้สรุปแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับของ กมธ.ฯ แต่ได้นำเสนอความเห็นแง่มุมต่างๆ เช่น ข้อเสนอต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ให้ความเห็นทั้ง 2 ด้าน ควรและไม่ควรแก้ไข ไม่มีหลักการันตีว่ารายงานจะถูกนำไปเป็นเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่าเนื้อหารายงานเป็นกลาง หากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่เตรียมตั้งขึ้น จะนำไปศึกษาเพื่อเป็นฐานแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ได้เพราะมีความเห็นทุกแง่มุม แต่ไม่ได้ศึกษาเชิงลึก

“โภคิน” คาดฉบับแก้ไขเสร็จ ก.พ.64

นายโภคิน พลกุล ในฐานะที่ปรึกษาคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ข้อเสนอของ กมธ.เป็นสิ่งที่ตกผลึกร่วมกัน ส่วนข้อเสนอให้มี ส.ส.ร.ทำรัฐธรรมนูญ ถือเป็นข้อเสนอที่เห็นว่าหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ควรให้ ส.ส.ร.ดำเนินการ ส่วนกรณีที่มีข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนให้ปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นข้อเรียกร้องร้องที่สะสมไว้ เพื่อให้ ส.ส.ร.รับไปพิจารณาได้ ประเด็นต่างๆต้องใช้เวลาไปทีละประเด็น การแก้ไขรัฐธรรมนูญตนเชื่อว่าจะเป็นไปตามกรอบของสันติวิธี ส่วนสำหรับเวลาที่จะใช้พิจารณานั้น คาดว่าฉบับแก้ไขจะเสร็จเดือน ก.พ.2564 จากนั้นคือตั้ง ส.ส.ร. โดยใช้เวลา 60 วัน จากนั้นยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่มีความเห็นคือ 120 วัน หรือ 240 วัน ขึ้นอยู่กับข้อตกลง จากนั้นจะนำร่างรัฐธรรมนูญให้สภาฯเห็นชอบหรือทำประชามติ เป็นเรื่องต้องพิจารณาอีกครั้ง หากให้ ส.ส.ร.ทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว เนื้อหาจะออกมาเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหรือรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ต้องยอมรับ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้

“ไพบูลย์” ชงเลื่อนมา 10 ก.ย. ตามตกลง

นายชวนกล่าวว่า จะตรวจสอบก่อนบรรจุในวาระ เบื้องต้นวันที่ 10 ก.ย. รายงานจะอยู่ในระเบียบวาระการประชุมส่วนของเรื่องที่ กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว ในระเบียบวาระมีรายงานของ กมธ.ที่ทำแล้วเสร็จบรรจุไว้ ดังนั้น รายงานฉบับนี้ต้องบรรจุลำดับต่อไป แต่หากที่ประชุมสภาฯเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนขอมติให้เลื่อนพิจารณาได้ ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า วันที่ 10 ก.ย. จะขอเลื่อนรายงานของ กมธ.ขึ้นมาพิจารณาก่อนเพราะเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านแล้ว

วิป รบ.ไฟเขียว นศ.ร่วมวง ส.ส.ร.

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการคัดเลือกโควตานักศึกษาเข้าเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า จะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เช่น ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องไม่เป็น ส.ส.และ ส.ว.เป็นต้น เมื่อหลักการแล้วจะตั้ง กมธ.และพิจารณาต่อในวาระ 2-3 โดยใช้เสียง 3 ใน 5 ของสมาชิกรัฐสภา ก่อนนำทูลเกล้าฯต้องทำประชามติ จะยื่นร่างฯให้ประธานสภาฯในวันที่ 1 ก.ย.

23–24 ก.ย.เปิดสภาถกร่างแก้ รธน.

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า คาดว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลจะเข้าสู่วาระพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาได้วันที่ 23-24 ก.ย. โดยหลักการเห็นชอบร่วมกันให้ตั้ง ส.ส.ร. 200 คน มาจากการเลือกตั้งแต่ละจังหวัด 150 คน รัฐสภาคัดเลือก 20 คน มาจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย 20 คน และจากนักเรียน นิสิต นักศึกษา 10 คน ห้ามข้าราชการการเมือง รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. รวมถึงบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เป็น ส.ส.ร.

“สุทิน” อ้าแขนวิปรัฐบาลคุยกันได้

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเกี่ยวกับเสียงเห็นชอบวาระแรกและวาระสาม จากเดิมใช้เสียงเห็นชอบไม่น้อยเกินกึ่งหนึ่งไปเป็นใช้เสียงเห็นชอบ 3 ใน 5 ว่า การแก้ไขมาตรา 256 ควรทำให้เงื่อนไขการแก้ไขทำได้ง่ายขึ้น แต่หากยากกว่าเดิม ต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง ยังไม่เห็นรายละเอียด แต่เชื่อว่าสามารถคุยกันได้ เนื่องจากหลักการตรงกันคือแก้ไขมาตรา 256 และตั้ง ส.ส.ร.

อดีต ส.ว.แนะแก้ ม.272 ชักฟืนพ้นไฟ

นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอดีต ส.ว.ปี 2543-2549 ได้หารือร่วมกับสมาพันธ์อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาทางออกวิกฤติรัฐธรรมนูญ อาทิ นายพนัส ทัศนียานนท์ พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน นายสมพงษ์ สระกวี อดีต ส.ว.นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ นายจักรพันธุ์ ยมจินดา อดีต ส.ส.กทม. พรรคไทยรักไทย นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นักวิชาการอิสระ และ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า โดยเห็นร่วมกันว่า การแก้รัฐธรรมนูญควรเริ่มต้นแก้มาตรา 272 เรื่องอำนาจ ส.ว. ต้องไม่ให้มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ให้ทำหน้าที่นิติบัญญัติอย่างเดียว ไม่ใช่การปิดสวิตช์ ส.ว.จากนั้นค่อยไปแก้ไขมาตรา 256 ให้ตั้ง ส.ส.ร.ภายใน 60 วัน มายกร่างใหม่ให้เสร็จใน 90 วัน ขณะนี้ไฟกำลังไหม้บ้าน ต้องเร่งดึงฟืนออกจากไฟจะเสียเวลาในกระบวนการตั้ง ส.ส.ร. 1-2 ปี ไม่ได้เพื่อสนองตอบข้อเรียกร้องกลุ่มนักศึกษาลดการเผชิญหน้าที่อาจนำมาสู่ความรุนแรง

ผวาอำนาจนอก ปชต.รีบชงนายกฯ

นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ เลขาธิการสมาพันธ์อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองน่าเป็นห่วง สุ่มเสี่ยง เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวทางไม่เป็นประชาธิปไตย จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ประเทศเสื่อมถอยมากขึ้น ควรยกเลิกบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ในรัฐธรรมนูญไม่ให้ ส.ว.มีส่วนลงมติตั้งนายกฯ ถือเป็นทางที่วินวินทุกฝ่าย คือ 1.ข้อเรียกร้องประสบความสำเร็จ 2.นายกฯอยู่ในตำแหน่งต่อไป 3.ส.ว.ยังอยู่ในตำแหน่ง ไม่ต้องลงประชามติตามมาตรา 256 (8) และใช้เวลาน้อยแก้ปัญหาได้เร็ว หลังจากนี้จะทำหนังสือเสนอแนวคิดนี้ไปยังนายกฯ ประธานสภาฯ ประธานวุฒิสภา และพรรคก้าวไกลได้รับทราบต่อไป

“ประยุทธ์” เชื่อม็อบ 19 ก.ย.ไม่แรง

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกในวันที่ 19 ก.ย.ว่า ยังไม่เห็นว่าจะมีแนวโน้มรุนแรง ถ้ายังรักษากฎกติกา การยกระดับการชุมนุมต้องดูว่าควรหรือไม่ คนไทยมีตั้ง 67 ล้านคน ต้องไปดูว่ามีความเห็นอย่างไร คนเหล่านี้เป็นใครบ้าง หลายคนปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องจะว่าด้วยวัตถุพยานหรือภาพถ่าย ว่ากันไปต้องสอบสวนกัน ไม่ได้ขู่ใคร รัฐบาลรับฟังทุกภาคส่วน เปิดเวทีนักศึกษาทั่วประเทศให้ประเทศชาติเดินหน้ากับอีกฝ่ายต้องการให้หยุดอยู่กับที่ ที่สำคัญปัญหาโซเชียลมีเดีย ขออย่าไปเชื่อทวิตเตอร์ หากหวังดีจริงๆ เขาต้องเปิดเผยตัวเอง

เมีย “บิ๊กแดง” ลั่นพวกเรารักชาติ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพ บก (บก.ทบ.) นางกฤษติกา คงสมพงษ์ หรือ “ดร.อ้อ” นายกสมาคมแม่บ้านทหารบก ภริยา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เป็นประธานพิธีเปิดห้องสมุดมีชีวิตภายใน บก.ทบ.เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้บุตรหลานกำลังพลใช้บริการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ นางกฤษติกากล่าวว่า ห้องสมุดมีชีวิต จะสอดแทรกเรื่องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฝากเด็กๆเยาวชนต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ศึกษาหลายแขนง ในโซเชียลมีเดียที่มีคำไม่สุภาพเป็นโซเชียลที่ไม่ดี ไม่อยากให้ลูกหลานไปยุ่งเกี่ยว เมื่อถามว่า พล.อ.อภิรัชต์ก็ถูกสังคมโซเชียลฯโจมตี นางกฤษติกา ตอบว่า “ก็ให้กำลังใจ อยากให้ “พี่แดง” เข้มแข็ง ฝากด้วยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราในที่นี้ทำ เพราะพวกเรารักชาติ วัตถุประสงค์เดียวกันแต่แนวทางคนละอย่างกัน”

ไทยภักดีจี้ รบ.ญี่ปุ่นหยุดยั้ง “ปวิน”

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ ตัวแทนกลุ่มไทยภักดี ยื่นหนังสือภาษาไทย อังกฤษและญี่ปุ่น เรียกร้องขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นมีมาตรการจัดการหยุดยั้งและตรวจสอบพฤติกรรมนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ที่นำเสนอข้อมูลบิดเบือนต่างๆเกี่ยวกับสถาบันฯเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ มีแนวร่วมใส่เสื้อเหลือง ผูกริ้บบิ้นลายธงชาติ ห้อยนกหวีดมาชูป้ายให้กำลังใจ ก่อนเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่นออกมารับหนังสือ

“ไมค์–เพนกวิน” โผล่แจมม็อบทำเนียบฯ

เมื่อเวลา 16.30 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) ได้ไปร่วมชุมนุมเป็นกำลังใจกับกลุ่มรักษ์โตนสะตอที่เรียกร้องให้ยุติก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว อ.ป่าบอน จ.พัทลุง มีนายเดชา เหล็มหมาด ประธานกลุ่ม และนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายเขียนอนาคตประเทศไทย พร้อมแนวร่วม เดินเท้าจากหน้ากระทรวงเกษตรฯ ถนนราชดำเนิน มาชุมนุมริมรั้วประตู 1 ทำเนียบฯ ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มาร่วมสังเกตการณ์ ต่อมานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิตแห่งประเทศไทย (สนท.) ตามมาสมทบถือป้ายประท้วงชู 3 นิ้ว ต่อมานายประสิทธิ์ชัยอ่านแถลงการณ์ ตอน 18.00 น. พอดีทำเนียบฯเปิดเพลงเคารพธงชาติ นายภาณุพงศ์กับนายพริษฐ์จึงยืนตรงแต่มือซ้ายยังชู 3 นิ้วอยู่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ

องค์กรปลดเผด็จการต้านซื้อเรือดำน้ำ

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ลานสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน หน้าศูนย์การค้า MBK กลุ่มองค์กรปลดเผด็จการเพื่อเสรีภาพ (DDO) นำโดย น.ส.อาทิตยา พรพรม นักศึกษา ม.มหิดล กลุ่มภาคีนักศึกษาศาลายาและนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย นัดหมายนักเรียน นักศึกษาและมวลชนเสื้อแดง จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “ค้านเรือดำน้ำ ภาษีที่โบยบิน” สลับขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการจัดซื้อเรือดำน้ำ จากนั้นอ่านแถลงการณ์ว่า การใช้เงินภาษีของรัฐบาลไม่อยู่บนหลักการประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงประชาชน ประชาชนประสบผลกระทบทางเศรษฐกิจ กลับซื้ออาวุธที่ไร้ความจำเป็น ให้หยุดเสียและนำภาษีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จากนั้นพากันเขียนโพสต์อิทถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ติดลูกโป่งปล่อยขึ้นฟ้า เหยียบลูกโป่งรูปเรือดำน้ำ โดย น.ส.อาทิตยานำภาพ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีเรือดำน้ำอยู่ในเฟรมเดียวกันมาฉีกทิ้ง

ยื่น ป.ป.ช.คุ้ย ส.ส.รีดทรัพย์ บ.ซีซีทีวี

เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์ รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนกรณีการเผยแพร่คลิปเสียงยาวเกือบ 2 นาที คล้ายเสียง ส.ส.คนดัง หัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง เจรจาเรียก รับเงิน 12 ล้านบาท จากบริษัทติดตั้งกล้องโทรทัศน์ วงจรปิด (ซีซีทีวี) ในโครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า ถ้ากระทำจริงเป็นการประพฤติชั่วร้ายแรง เข้าข่ายความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 339 ฐานกรรโชกทรัพย์และมาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิก สภาเทศบาล เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินโดยมิชอบ มีโทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 40,000 บาท หรือประหารชีวิต และเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมปี 2561

ชี้อีกไม่นาน ชัดอนุ กมธ.ตบทรัพย์

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนักการเมืองเรียกรับผลประโยชน์ 5 ล้านบาท จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ระหว่างการพิจารณางบฯปี 64 ในชั้นคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 แลกกับการผ่านงบฯของหน่วยงานว่า ป.ป.ช.เข้าตรวจสอบแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขอเอกสารหลักฐานจากที่ประชุมต่างๆ และสอบพยานที่เกี่ยวข้อง ค่อนข้างมีพยานหลักฐานพอสมควร ภายในไม่นานจะมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการกับใครอย่างไร

กกต.ส่งศาล รธน.วินิจฉัย “เทพไท”

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณีศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. จำคุกนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ 2 ปีโดยไม่รอการลงโทษ และเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี จากกรณีร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557ว่าคำพิพากษาดังกล่าวแม้ยังไม่เป็นที่สุดจะมีผลให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายเทพไทสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) และมาตรา 96 (2) หรือไม่ หลังการประชุมมีรายงานว่าที่ประชุม กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญาสมาชิกภาพของ ส.ส.ของนายเทพไท

ส.ส.แค่หัวโขน “คึก” ขู่ กกต.ระวัง ม.157

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พร้อมรับสถานการณ์การเมืองไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ตำแหน่ง ส.ส. คือหัวโขน แม้ไม่ได้เป็น ส.ส. ยังทำงานการเมืองช่วยประชาชนได้ แต่ต้องการความชัดเจนเพื่อสร้างบรรทัดฐานกรณีมี ส.ส.คนใดถูกตัดสิทธิทางการเมืองระหว่างดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส รัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 98 และมาตรา 101 คลุมเครือ จึงจำเป็นต้องสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น ประเด็นนี้เป็นจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญอีกจุดหนึ่งที่ต้องแก้ไขไม่ให้เกิดปัญหาการยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต กกต.จะเร่งรีบประชุมและมีมติประกาศจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช กระทำได้แต่ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นภายหลัง ถ้า กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา 157 เสี่ยงถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ถูกจำคุกเหมือน กกต.ในอดีตได้