"อัครเดช" ยันเห็นด้วยปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปัญหาฝังรากลึกในสังคมมานาน ทำเกิดความเเตกเเยกทางการเมือง ชี้กองทัพต้องไม่ทำรัฐประหาร ต้องเป็นรั้วของชาติ ทำหน้าที่ปกป้องชาติ ดูเรื่องมั่นคง เชื่อปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง


เมื่อวันที่ 19 ส.ค.63 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่องแนวทางการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ว่า ในส่วนของข้อสังเกตที่คณะกรรมาธิการจัดทำมานั้นยังขาดความสมบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา และมีมานานแล้ว ตั้งแต่ต้นน้ำในส่วนของพนักงานสอบสวน คือ ตำรวจ ต่อมาอัยการ จนถึงศาล อย่างเช่นคดีของบอส อยู่วิทยา ที่เป็นประเด็นอยู่ในสังคมขณะนี้ ซึ่งเกิดจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม เศรษฐกิจ กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย ที่เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนาน ก่อนที่จะมีความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นหากจะบอกว่าความเหลื่อมล้ำเพิ่งจะเริ่มต้นจากเหตุความไม่สงบทางการเมืองนั้นไม่ใช่ เพราะความจริงแล้วความเหลื่อมล้ำเริ่มต้นและฝังรากลึกในสังคมไทยมายาวนาน ดังนั้นตนเห็นด้วยกับการปฏิรูป โดยสิ่งที่ต้องการเสนอให้มีการปฏิรูปความเหลื่อมล้ำและการบังคับใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติสำหรับคนที่อยู่ในสังคม

"แต่ถ้าความขัดแย้งทางการเมืองแล้วเอารายงานฉบับนี้มาอ้างอิงในเรื่องความเหลื่อมล้ำตนคิดว่าสิ่งนี้อาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ เพราะเมื่อศาลตัดสินเข้าข้างใคร คนนั้นก็บอกว่าศาลยุติธรรม แต่เมื่อศาลตัดสินไม่เป็นไปตามความคิดของตนเองนั้น ก็บอกว่าศาลนั้นไม่ยุติธรรม นี่ก็เป็นหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาในสังคม ดังนั้นการที่ทุกคนยอมรับการตัดสินของศาล ไม่ว่าจะเป็น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ถ้าทุกคนเคารพในการตัดสินของศาล ปัญหาในบ้านเมืองนี้ก็จะไม่เกิด ความแตกแยกในสังคมก็จะไม่เกิด เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะได้เห็นว่าแกนนำต่างๆ เริ่มพยายามชักจูงมวลชนให้เห็นในแนวทางของตน โดยเอาคำสั่งศาล คำพิจารณาของศาลมาเป็นประเด็นทางการเมือง" นายอัครเดชกล่าว

...

นายอัครเดช ยังเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และเป็นที่ต้องการของประชาชนในการที่อยากจะเห็นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่มีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะเป็นประเด็นที่จะทำให้บ้านเมืองนั้นสามารถเดินหน้าไปได้ รวมถึงเรื่องของการนิรโทษกรรมก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่บ้านเมืองวุ่นวาย อย่างเช่น เมื่อตอนที่มีการแบ่งแยกสีเสื้อ ก็มีเรื่องของนิรโทษกรรมที่เป็นประเด็นทางการเมือง เนื่องจากไม่ได้นิรโทษกรรมเฉพาะส่วนที่เป็นประเด็นทางการเมือง แต่นิรโทษกรรมไปจนถึงเรื่องของอาญา การทุจริตคอร์รัปชัน จนทำให้เกิดคำหนึ่งที่ว่า “นิรโทษกรรมสุดซอย” จึงเป็นที่มาของความแตกแยกทางการเมือง ฉะนั้นหากการนิรโทษกรรมตนเห็นด้วยที่จะได้มีการนิรโทษกรรมในส่วนของผู้ที่เป็นประเด็นทางการเมืองเท่านั้น

นอกจากนี้ นายอัครเดช ยังกล่าวถึงกองทัพ โดยเห็นด้วยที่กองทัพไม่ควรจะต้องออกมาทำรัฐประหาร เพราะกองทัพนั้นจะต้องอยู่ในหน้าที่ของตนเอง เป็นรั้วของชาติเท่านั้น ส่วนประเด็นทางการเมืองนั้นขอให้เป็นกระบวนการทางการเมืองได้แก้ปัญหาด้วยกันเอง ดังนั้นกองทัพต้องอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตน ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติดูเรื่องของความมั่นคง.