เรื่องราวฉาวโฉ่ กรณีนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดโปงกลางที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการงบประมาณ ระบุว่า มีอนุ กมธ.คนหนึ่งโทรศัพท์ไปรีดเงิน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว คำตอบก็คือนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพิ่งได้รับเบอร์โทรศัพท์

เป็นเบอร์โทร.ของ ส.ส.ผู้เป็นอนุ กมธ. ที่นายศักดิ์ดาระบุว่าโทร.ไปรีดเงินหลายครั้ง เมื่อได้รับเบอร์โทร.แล้ว ส่งให้ฝ่ายกฎหมายของสภาเพื่อพิจารณาต่อไป ก่อนหน้านี้ นายชวนมอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อประสานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบ

เหตุที่ต้องประสานกับ ป.ป.ช. เพราะนายชวนเห็นว่าถ้าให้สภาสอบกันเอง เกรงว่าจะไม่ได้รับความเชื่อถือ คณะกรรมาธิการคณะหนึ่งก็ยังยืนยันที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน มีบุคคลภายนอกรัฐสภายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการแล้ว และเลขาธิการ ป.ป.ช.ก็เคยแถลงว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้แม้จะไม่มีผู้ร้อง

แต่เรื่องราวก็ยังเงียบๆอยู่ แม้แต่ชื่อของ ส.ส.ที่ถูกกล่าวหาก็ยังไม่เปิดเผย ให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ ไม่ทราบว่าสภาผู้แทนราษฎรมองเรื่องนี้อย่างไร มองว่าเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสียร้ายแรงต่อชื่อเสียงและศรัทธารัฐสภา ซึ่งเป็นเสาหลักของการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา

บางคนอาจมองว่าการรีดเงินแค่ 5 ล้านบาท เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย เพราะมืออาชีพเขาเรียกกันหลายสิบล้านหรือหลายร้อย ล้าน แต่ ป.อาญามาตรา 149 ระบุว่าถ้า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ เรียกรับสินบนโดยไม่เกี่ยงจำนวนเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ไม่ใช่แค่พ้นจาก ส.ส.

...

บางคนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของ ส.ส.แต่ละคน ไม่ใช่ระบบการโกงกินของสภา แต่นายวิลาส จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ตรวจสอบเรื่องการทุจริตมาอย่างโชกโชน ยืนยันว่ามีทั้งทุจริตมือใหม่หัดขับ และมืออาชีพ ส.ส.ที่เป็นอนุ กมธ.ที่มีเรื่อง บอกว่าบางคนเข้ามาเป็น กมธ.ทุกปี และหากินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

เพื่อดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดี และศรัทธาของประชาชนต่อรัฐสภา และต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย สภาผู้แทนราษฎรจะต้องให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา โดยองค์กรที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่สอบกันเองล้างผิดให้กันเอง จะทำให้ศรัทธาในระบบรัฐสภา เสื่อมถอยยิ่งขึ้น กลายเป็นเหยื่ออำนาจนิยม.