“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” สาวไส้ 7 กลยุทธ์หลุดคดีของคนรวย ยื้อเวลา ขอความเป็นธรรม ใช้เส้นสาย หนีไปต่างประเทศ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก โดยยกว่าเป็น 7 กลยุทธ์หลุดคดีของคนรวย ที่คนจนทำไม่ได้ ซึ่ง นายชูวิทย์ ขอสาวไส้ให้ได้รับรู้รับทราบกัน ซึ่งในเนื้อหามีระบุชื่อของ “บอส” โดยขอยกมาบางส่วนดังนี้
1. ยื้อเวลาให้นานที่สุด
- หาข้ออ้างเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบไปพบตำรวจ กระแสยังแรง ต้องรอให้คลื่นลมสงบ วงเวลาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ป่วยโรคอะไรก็ขุดขึ้นมา หรืออ้างธุรกิจ ต้องไปจัดการงานสำคัญในต่างจังหวัด ต่างประเทศ ที่ไม่มีใครไปแทนได้
2. ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด
- อันนี้สำคัญ เพราะกฎหมายเปิดช่องหวังจะให้ไปคานอำนาจตำรวจไว้ผดุงความยุติธรรมให้กับผู้ต้องสงสัย สามารถขอให้อัยการสั่งตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ ที่ตำรวจไม่ได้สอบเอาไว้ได้ แต่กลับกลายเป็นช่องโหว่ให้พวกรู้มากเอามาใช้ยื้อเวลา เพราะตำรวจยังส่งฟ้องไม่ได้ ต้องไปสอบเพิ่มตามที่ผู้ต้องหาร้องเรียนไว้กับอัยการสูงสุด
3. หากไม่พอ มีเส้นสาย ให้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการสภา
- ไม่ว่ากรรมาธิการการตำรวจ ยุติธรรม ป.ป.ช. ขั้นนี้หากไม่มีเส้นสายอย่าไปหวัง จุดนี้เสียเวลาไปอีกโข เพราะกว่าจะเอาเข้าที่ประชุม กว่าจะสอบเสร็จ อ้างได้อีกว่าอยู่ระหว่างการประชุมของคณะกรรมาธิการ แม้ไม่มีอำนาจ แต่ก็เกรงใจ ยื้อเวลาไปได้ เขยิบไปอีก
4. บั่นทอนสำนวนให้อ่อน
- สำนวนแข็ง ทำให้อ่อน สำนวนอ่อน ทำให้อ่อนมาก หลักฐานอะไรจะทำให้หาย เรียกว่ากลยุทธ์ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ไอ้ปื๊ด” ส่วนไหนไม่เป็นประโยชน์ตัดทิ้งได้ตอนนี้ กระแสเริ่มหาย คนเริ่มลืม
...
5. ยอมให้ออกหมายจับตามขั้นตอน
- ออกหมายจับโชว์ ตัวอยู่ไหนให้จับได้ที่นั่น แต่ที่ไหนได้แค่อย่าไปปรากฏตัวในที่สาธารณะ อย่าไปเดินห้าง อย่าไปกินข้าวให้คนเขาเห็น หรือออกไปหลบต่างประเทศเสียเลย
6. ถอนหมายจับ
- เข้าสู่กระบวนการขอถอนหมายจับ เป็นอันจบหมดเรื่อง ยินดีต้อนรับกลับบ้านได้ เวลคั่มโฮม กระบวนการจบ ถอนหมายจับเรียบร้อย คดีปิด เป็นอันสิ้นสุด กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย
7. หากเรื่องแตกก่อน ยังมีก๊อกสอง
- หากหลุดเข้าสู่กระบวนการศาล แต่เมื่อสำนวนปวกเปียก หลักฐานไม่มี สู้อย่างไรก็ชนะขาดที่ศาลชั้นต้น จบตรงนี้ดีกว่าเยอะ
“อย่างบอส เลื่อนยื้อได้ถึง 8 ปี อะไรที่เคยชัดก็เริ่มเลือนราง ทั้งความเร็ว ทั้งพยาน ล้วนอ่อนระโหยโรยแรง จางหายไปกับสายลมผงเข้าตา สังคมออกมาเอะอะโวยวายก็ทำอะไรไม่ได้ สายไปเสียแล้ว ที่ว่าไม่ตัดสิทธิ์ผู้เสียหายให้ไปฟ้องเองอย่างที่พูด ทำไม่ได้หรอกครับ เพราะครอบครัวผู้เสียหายรับเงินเยียวยามาแล้ว พร้อมเซ็นว่าไม่ติดใจไปฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา ก่อนรับเงินต้องเซ็นกันรับจบตรงนี้ เลิกแล้วต่อกัน อย่างนี้ถึงต้องหนีไปก่อน โอกาสรอดยังมี ออกหมายจับแล้ว ยังถอนหมายจับได้ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังไม่ได้โผล่เยื้องกรายแวะขึ้นศาลแม้สักครั้งเดียว”