“เงิน อำนาจ ทำระบบเสื่อมทรุด” เรื่องจริงที่ยากจะปฏิเสธ ไม่ว่าวงการไหนวงการนั้น วิถีของสังคมไทยบูชาเงินเป็นใหญ่ ใครรวยก็สบาย มีหน้ามีตา มีเกียรติ ส่วนคนจนไม่ตายก็ติดคุก ไม่มีใครแคร์ จะมีค่าเต็มที่ก็แค่ช่วงเลือกตั้งแค่นั้น
ปัญหาความเหลื่อมล้ำน่าจะแก้ได้ชาติหน้าตอนบ่ายๆ
คดี “บอส อยู่วิทยา” ทายาทอภิมหาเศรษฐี หลุดคดีขับรถชนตำรวจตาย อัยการไม่ฟ้อง ตำรวจไม่แย้ง ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดคนหาเช้ารับประทานค่ำจับใจ ถ้าเป็นลูกหลานญาติพี่น้อง ติดคุกหัวโตไปนานแล้ว
ตอนนี้สังคมกำลังจับตาเรื่องจะจบยังไง กรรมการที่ตั้งขึ้นมาเป็นดอกเห็ดจะสรุปอะไรมาให้น่าประทับใจได้บ้าง โดยเฉพาะชุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ตั้งนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ต้องยอมรับตามตรงความรู้สึกสังคมที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมมันเสื่อมทรุดเกินเยียวยาแล้ว
ดังนั้น คำตอบที่ออกมาจะเป็นเครื่องพิสูจน์และชี้วัดกระแสความนิยมทั้งตำรวจ-อัยการ และ “รัฐบาลลุงตู่”
ชั่วโมงนี้ประเด็นการเมืองเลยดูซาลงไปหน่อย จืดลงไปนิด การปรับ ครม.น่าจะลงตัวแล้วประมาณกลางเดือน ส.ค. จะเห็นโฉมหน้า ครม.ประยุทธ์ 2/2 โละทีมสี่กุมารออกไป แล้วเอาทีมงานมือไม้นายกฯเข้ามาขับเคลื่อนแทน
“ปรีดี ดาวฉาย” ว่าที่รองนายกฯ และ รมว.คลัง สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ว่าที่รมว.พลังงาน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเช่นเดิม หน้าตาแบบนี้ไม่รู้ว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้สังคม นักลงทุนมากน้อยแค่ไหน แต่ผลโพลบางสำนักบอกให้เปลี่ยนรัฐบาลดีกว่า
...
ถือเป็นงานหนักของรัฐบาลที่ต้องกู้วิกฤติศรัทธาฝ่ามรสุมหลายลูก ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติกระบวนการยุติธรรม เป็นช่วงพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกอย่างแท้จริง ประคองไม่ดีมีสิทธิ์พังทุกเมื่อ
แต่นั่งทางในหรือนั่งทางนอกก็ยังดูไม่ออกจะกู้สถานการณ์กลับมายังไง
เหลือบไปดูเกมการเมืองในสภาไม่น่าห่วงเท่าไหร่ รัฐบาลเลยเสียงปริ่มน้ำมาไกลโพ้น ขณะที่ฝ่ายค้านตอนนี้ก็อลเวงอีนุงตุงนัง พรรคเพื่อไทยฝ่ายค้านอันดับ 1 ยามนี้ล่อกันเละเทะ แย่งชิงอำนาจการนำกันแบบถึงพริกถึงขิง
เป็นที่รู้ว่ากันว่าชั่วโมงนี้ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค คือผู้นำพรรคที่ได้อำนาจสิทธิ์ขาดจากคนแดนไกลให้บริหารจัดการพรรคตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้
แต่ด้วยสไตล์การทำงานที่ประสานงานกับแกนนำรายอื่นๆไม่ค่อยกลมเกลียว ส่วนใหญ่เน้นหนักไปทาง “ประสานงา” กันมากกว่า เลยทำให้เกิดปัญหาระหองระแหงภายในอยู่ตลอด
กับหัวหน้าพรรค นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ก็ใช่ว่าจะสนิทแนบแน่น “หัวหน้าพงษ์” จะอยู่กับ “ทีมอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย มากกว่า ตอนนี้ก็แตกตัวแยกไปตั้ง “กลุ่มแคร์” เดินการเมืองเชิงวิชาการแล้ว
ล่าสุด มีข่าวปล่อยลอยลมคุณหญิงสุดารัตน์จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เพื่อวัดกระแส รักษาฐานใน กทม. อ้างเป็นบัญชานายใหญ่ เล่นเอาเจ้าตัวงานเข้า ปรี๊ดแตกควันออกหู เจตนาถีบส่งไปลงท้องถิ่นเพื่อตัดตอนอำนาจการนำ
ตามโปรไฟล์ “เจ๊หน่อย” ขึ้นชั้นสูงสุดไปท้าชิงตำแหน่งนายกฯแล้ว วันนี้จะให้ลดระดับลงมาฟาดฟันในเวทีผู้ว่าฯ กทม. ก็กระไรอยู่ ข่าวที่ออกมาคงไม่ใช่กองเชียร์แน่แต่มาจากกองแช่งมากกว่า
ถ้าลงสมัครจริงๆ “คุณหญิงสุดารัตน์” จะชนะมั้ย ถามใครหรือถามโพล คงให้เต็มที่ร้อยละยี่สิบ ถ้าลงแล้วแพ้อีกงวดนี้คงช้ำสะบักสะบอม จะกลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯอีกทีคงไม่ไหว ดังนั้น ทางออกคือต้องหาคนลงแทน
ล่าสุด เลยเห็นการทวงบุญคุณกันออกอากาศ จ้องลาก “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมว.คมนาคม ที่ประกาศตัวลงในนามผู้สมัครอิสระไปก่อนหน้านี้ ให้เปลี่ยนใจกลับมาสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย
“เสี่ยไก่ใจปํ้า” วัฒนา เมืองสุข พูดเบาๆแต่เจ็บ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้จัก มาเป็นรัฐมนตรีจนโด่งดังแข็งแกร่งที่สุดในปฐพีเพราะ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ตอนเลือกตั้งเพื่อไทยก็ให้เกียรติเป็นถึงแคนดิเดตนายกฯ
“วันนี้ยังคิดไม่ออกถึงเหตุผลที่คุณชัชชาติปฏิเสธที่จะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ศักดิ์ศรี และคุณค่าของความเป็นนักการเมืองก็วัดกันตรงนี้แหละครับ”
งานนี้ร้าวฉานกันหนัก ต้องทิ่มกันแรงๆ เพราะถ้า “ชัชชาติ” ไม่ลง “คุณหญิงหน่อย” อาจต้องลงเอง
ว่าไปก็เข้าทางพรรคอื่นๆที่เตรียมพร้อม เฝ้ารอดูสถานการณ์ พรรคก้าวไกลน่าจะส่งลงแน่ แต่ฐานคะแนนก็เครือเดียวกัน อาจกลายเป็นศึก 3 เส้าคนกันเอง ส่วนที่จะหยิบชิ้นปลามันอาจเป็นทีมงานพลังประชารัฐ
คัดตัวเน้นๆ แจ่มๆ อาศัยจังหวะชุลมุนรีบประกาศเลือกตั้งไปเลย.
ทีมข่าวการเมือง