สศก.เฉลิมพระเกียรติ "ในหลวง" ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค. 63 เปิดตัวโครงการ "แรงงานคืนถิ่น พลิกฟื้นผืนดิน ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ตามนโยบาย รมว.เกษตรฯ


วันที่ 10 ก.ค. นายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น รัฐบาลได้มีนโยบายเพื่อรองรับกลุ่มแรงงานและผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องกลับคืนสู่ถิ่นฐานบ้านเกิดกว่า 40,000 คน โดยทุกภาคส่วนต่างร่วมกันหามาตรการต่างๆ บรรเทาตวามเดือดร้อนของประชาชน อาทิ กระทรวงแรงงาน เน้นมาตรการรองรับสถานการณ์ว่างงาน กระทรวงการคลัง อัดฉีดเม็ดเงินช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อสร้างโอกาสให้แรงงานกลับเข้าสู่ระบบ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ได้เน้นย้ำถึงการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งนอกจากจะมีมาตรการจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร 15,000 บาทแล้ว ยังได้มีนโยบายช่วยเหลือกลุ่มแรงงานกลับคืนถิ่นได้รับผลกระทบรวมถึงผู้ว่างงาน ที่สนใจปรับเปลี่ยนอาชีพเข้าสู่ภาคการเกษตร 

โดยได้มอบหมาย สศก. จัดทำโครงการแรงงานคืนถิ่น พลิกฟื้นผืนดิน ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการ “พัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจการเกษตรอาสาประจำศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร” โดยอบรมและสาธิตการทำการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการบริหารจัดการสินค้าเกษตรผลผลิตทางการเกษตร ผ่านเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) พร้อมบูรณาการขับเคลื่อนผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) หรือศูนย์ปฏิบัติการอื่นๆ จากภาครัฐ หรือโดยกลุ่มองค์กรประชาชน ในการช่วยเหลือแรงงานคืนถิ่นให้สามารถทำการเกษตรเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ 

...

นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีที่ มติ ครม. เมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 ได้อนุมัติโครงการฟื้นฟูเยียวยาภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการอบรม “แรงงานคืนถิ่น” ในครั้งนี้ สามารถบูรณาการและเชื่อมโยงรวมถึงต่อยอดร่วมกับโครงการต่างๆ ที่สำคัญ ภายใต้โครงการฟื้นฟูเยียวยาฯ ในหลายโครงการ อาทิ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งกลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบทฤษฎีใหม่ “โคกหนองนาโมเดล” ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการต่างๆ ที่มีการส่งเสริมและให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิต ทั้งพืช ปศุสัตว์ และประมง ได้จากหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ภายใต้กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

สศก. ได้ถือโอกาสในเดือนกรกฎาคม เดือนมหามงคลของปวงชนชาวไทย ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2563 เปิดตัวโครงการดังกล่าวนำร่องกิจกรรมครั้งแรก ณ ศพก. อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยปราชญ์เกษตรตัวอย่าง คือ นายเชิดชัย จิณะแสน ศกอ. จ.ศรีสะเกษ และประธาน ศพก. ระดับประเทศ 


ทั้งนี้ สศก. มีแผนดำเนินกิจกรรมในทุกภาค โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1-12 ร่วมกับ ศกอ. ในพื้นที่จัดอบรมให้แก่เกษตรกร แรงงานที่ถูกเลิกจ้าง และผู้ว่างงานกว่า 1,000 ราย บูรณาการขยายผลไปสู่การเชื่อมโยงกับการพัฒนาอาชีพจากหน่วยงานต่างๆ โดยกิจกรรมจะเน้นอบรมและสาธิต ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพเกษตรอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การปรับพื้นฐานความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง การทำการเกษตรที่สามารถเลี้ยงชีพได้ภายใน 7 วัน การปลูกพืชสวนครัว พืชไร่ ไม้ผล การประมง การจัดการแหล่งน้ำ การปศุสัตว์ การปลูกป่าและไม้เศรษฐกิจ และที่สำคัญคือองค์ความรู้ด้านเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชที่เหมาะสมในพื้นที่และให้ผลตอบแทนสูง ผ่านแอปพลิเคชัน ฟาร์ม D การคิดต้นทุนการผลิตด้วยแอปพลิเคชันกระดานเศรษฐี (RCMO) การจัดทำแผนธุรกิจ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูล BIG Data ของศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (NABC) เพื่อให้ก้าวทันยุคดิจิทัลในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว 


“วิกฤติโควิดช่วงที่ผ่านมา ได้กระทบต่อเศรษฐกิจและทุกภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากพิจารณาแล้ว เราจะเห็นได้ว่า ภาคเกษตร กลุ่มเกษตรกร ยังเป็นกลุ่มที่สามารถพึ่งพาตนเองได้จากการทำกิจกรรมเกษตรผสมผสาน จึงทำให้เกษตรกรยังคงมีรายได้ อีกทั้งภาคเกษตรยังมีศักยภาพในการรองรับ และช่วยแก้ไขปัญหาผู้ถูกเลิกจ้างและว่างงานได้อีกด้วย ซึ่ง สศก. เรามีเศรษฐกิจการเกษตรอาสา หรือ ศกอ. ที่มีศักยภาพ และพร้อมทั้งความรู้ ประสบการณ์ด้านการเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน ที่จะเข้ามาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ผ่านการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนโครงการร่วมกัน” เลขาธิการ สศก. กล่าว.