นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล เหน็บ รัฐบาลคนหน้าเดิม เพิ่มเติมคือ "คนพายเรือให้โจรนั่ง" โดนเตือน ให้ถอนคำพูดกลางสภา อัดงบ กรมราชทัณฑ์น้อย เหน็บ บางคนควรอยู่ในคุก แต่ได้อยู่ทำเนียบฯ
วันที่ 2 ก.ค. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายว่า 6 ปี ของยุค คสช.สู่รัฐบาลสืบทอดอำนาจ จากกลุ่มคนหน้าเดิม เพิ่มเติมด้วยกลุ่มคนที่พายเรือให้โจรนั่ง ทำให้ประเทศเราถดถอย ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องเตือนทันทีว่า ขอให้ถอนคำพูดว่า กลุ่มคนที่พายเรือให้โจรนั่ง เป็นการกล่าวหาผู้อื่น ไม่อยากให้ใช้คำพูดรุนแรงอภิปรายในสภาฯนี้
โดยนางอมรัตน์ จะเปลี่ยนคำพูดใช้คำว่า กลุ่มที่สนับสนุน คสช.ให้เป็นรัฐบาล ทำให้ประเทศถดถอย จนถูกจัดให้ติดอันดับหนึ่งของโลก ในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจ แต่ที่น่ากลัวไม่แพ้กัน คือ ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความยุติธรรม ล้าหลัง ซ้ำเติมคนจน คนด้อยโอกาส ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะกองทุนยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมราชทัณฑ์ และกรมบังคับคดี ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ในการเข้าถึงกฎหมาย เช่น ช่วยประกันตัว ช่วยพิจารณาให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหา ระหว่างดำเนินคดีทั่วประเทศ ได้รับงบประมาณน้อยมาก และยังมีปัญหาในเรื่องความเหลื่อมล้ำ ในการจัดสรรอย่างไม่เป็นธรรม โดยในปี 2562 มีการจัดสรรเพื่อมาช่วยเหลือคนที่ถูกละเมิดสิทธิมมนุษยชน เพียง 1% เปอร์เซนต์กว่าๆ เท่านั้น โดยมีสาเหตุมาจากคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มีทัศนะทางการเมืองไม่ตรงกับรัฐบาล และกองทัพ หากออกมาแสดงความคิดเห็นก็จะถูกจับยัดเยียดคดีเกี่ยวกับความมั่นคง และคนกลุ่มนี้จะหมดสิทธิตามหลักเกณฑ์ในการได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม
...
นางอมรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือเยียวยาผู้บริสุทธิ์ ที่ต้องตกเป็นแพะรับบาป และตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม ซึ่งกรมนี้มีปัญหาตั้งแต่ยื่นเรื่อง มีความซับซ้อนเรื่องเอกสาร จนชาวบ้านทั่วไป ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ขั้นการอุทธรณ์ก็ต้องใช้มืออาชีพมาช่วย จนชาวบ้านรอไม่ไหว ความยุติธรรมที่มาช้า คือ ความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง หลายคนรอที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ แต่หมดหวัง ที่จะได้รับในชาตินี้ ส่วนกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นกรมที่ใหญ่ แทนที่จะถูกปรับงบให้เพิ่มขึ้น แต่งบปี 2564 ถูกปรับลดลงถึงเกือบ 23 ล้านบาท ตนคิดว่า ประเทศเรามีอะไรแปลกๆ บางคนควรจะต้องอยู่ในเรือนจำ กลับไปอยู่ในทำเนียบ ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ควรจะต้องอยู่ในเรือนจำ ก็ต้องเวียนว่าย ตาย เกิด เดินเข้าๆ ออกๆ สถานการณ์คนล้นคุก มีมายาวนาน อาจเป็นเพราะประเทศเรามีกฎหมายอาญามาก มีการลงโทษด้วยการจำคุกอย่างฟุ่มเฟือย ขณะนี้เรามีนักโทษในเรือนจำประมาณ 3 แสนกว่าคน จากเรือนจำ 143 แห่ง ทั่วประเทศ จึงอยากทราบว่า ช่วงวิกฤติโควิด-19 กรมบังคับคดี เตรียมความพร้อมอย่างไร สำหรับคดีความทางเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งกำลังจะถาโถมเข้ามา ซึ่งการจัดสรรงบประมาณ จึงอยากให้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด เพื่อยกให้ประเทศเราเทียบเทียมนานาอารยประเทศ