อย่าทำป่วน....

แค่นี้ก็เหลือเกินแล้ว

โควิด-19 คงเบื่อเมืองไทยเต็มประดาแล้ว เมื่อเจอมาตรการป้องกันและรักษาของไทยอย่างถึงลูกถึงคนจนต้องรามือไปตามวิถีทาง

ทำให้ปลอดจากการติดเชื้อในประเทศมาหลายเพลาแล้ว จนใกล้จะคืนมาสู่ความปกติ สามารถดำเนินกิจการต่างๆ เกือบทั้งหมด

แม้แต่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพื่อหารายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจอันเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่จะเริ่มขับเคลื่อนได้แล้ว

แต่การเมืองเรื่องวุ่นๆยังเป็นอุปสรรคอยู่

นี่แหละจึงเป็นความรับผิดชอบสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะต้องขับเคลื่อนไปสู่ผลสำเร็จให้ได้

หลังจากฝ่ามรสุมโควิด-19 มาได้อย่างดี

ปัญหาในพรรคพลังประชารัฐที่ขัดแย้งแทงใจคนทั้งประเทศในห้วงที่เผชิญปัญหาโรคระบาดหวังว่าคงจะสงบลงเสียที

เมื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ขึ้นมารั้งเก้าอี้หัวหน้าพรรคอย่างเต็มตัว

เพียงแต่ยังไม่ได้ฤกษ์เข้าพรรคเท่านั้นเอง แต่ก็สามารถจัดการปัญหาภายในได้อย่างลงตัวแล้ว พร้อมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

วัดจากความพึงพอใจจากบรรดา “นักการเมือง” ที่ได้รับการสนองตอบตามความต้องการในตำแหน่งแห่งหนต่างๆ

เหลืออีกก้าวหนึ่งก็คือการเคลื่อนตัวเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีเท่านั้น

แต่ล่าสุดเรื่องการปรับ ครม.นั้น น่าจะทอดระยะไปอีกพอสมควร เมื่อมีการเปิดเผยว่า นายกฯได้พูดคุยกับนายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ 2 รัฐมนตรีที่ถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งผู้บริหารในพรรคพลังประชารัฐ

ยืนยันว่าให้ทำงานกันต่อไปอย่ากังวลว่อกแว่กกับเรื่องการปรับ ครม. และยังเตือนไปถึงบรรดาข้าราชการด้วยเสียงเข้มว่า “อย่าเกียร์ว่าง”

...

พูดง่ายๆว่าเป็นการย้ำว่าข้าราชการมีหน้าที่ต้องปฏิบัติทำงานเพื่อประชาชนไม่ใช่มีข่าวว่าจะเปลี่ยนตัวรัฐมนตีแล้ว จึงไม่สนองตอบ

ถือโอกาสรอ “นายใหม่” ทำนองนั้น...

ด้วยท่าทีของนายกฯซึ่งความจริงแล้วน่าจะดำเนินการเพื่อ “ปิดเกม” ขัดแย้งเรื่องนี้มานานแล้ว เพื่อไม่ให้บานปลายเพราะไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นทั้งระบบที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยตรง

ต้องกล้าตัดสินใจในความเป็นผู้นำทางการเมืองที่แยกไม่ออกระหว่างฐานะผู้บริหารกับความเป็นนักการเมืองที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองก็ตาม

หลายวันที่ผ่านมาในสถานการณ์ขัดแย้งที่เกิดขึ้น รวมถึงการปรับ ครม.นายกฯคงได้สดับตรับฟังความเห็นต่างๆที่หลากหลายจากหลายฝ่าย

ทั้งที่หวังดีและหวังร้ายผสมปนเปกันไป

คงจะได้ข้อสรุปและเห็นทางออกแล้วว่าควรตัดสินใจและดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เกิดผลดีต่อประเทศในหนทางที่ดีที่สุด

แม้จะมีอำนาจในมือที่สามารถตัดสินใจโดยเฉพาะการปรับ ครม.ทั้งเอาใครออกเอาใครเข้าก็ตามแต่รัฐบาลชุดนี้มีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล 20 กว่าพรรค

พอได้ข่าวเรื่องปรับ ครม.ก็ทำท่าจะกระจองอแงด้วยความอยากได้ใคร่เป็นเสนอตัวเสนอหน้ากันพัลวัน

“ไม่ง่าย-ไม่ยาก” ที่จะจัดการแต่ต้องใช้ “บารมี” เพื่อสยบความอยาก.

“สายล่อฟ้า”