“กำนันสมบัติ” ส.ส.สระบุรี พลังประชารัฐ ตามขยี้ “เทพไท” ปมดิสเครดิต คสช. แนะทำประโยชน์ให้คนพื้นที่ดีกว่า ด้าน “เทพไท” โต้กลับ เป็นการทำหน้าที่ ส.ส. ตามปกติ ซัดย้อนดูตัวเอง

วันที่ 27 มิ.ย. 2563 นายสมบัติ อำนาคะ ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายรายงานยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการพัฒนาประเทศ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่ายุค คสช. พบการทุจริตคอร์รัปชันมากกว่ารัฐบาลเลือกตั้งของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า เห็นด้วยกับนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาตอบโต้ นายเทพไท อีกทั้งมองว่าเป็น ส.ส. มาหลายสมัยควรจะทำตัวให้มีราคา มีเพื่อนพี่น้องในสภาฯ ไม่ใช่เดินไปไหนมาไหนในสภาฯ คนเดียวไม่มีใครเขาเดินด้วย ก็เพราะว่าเป็นคนเอาดีเข้าตัวชั่วให้คนอื่น ตัดสินคนนั้นคนนี้ โดยลืมมองตัวเองพี่น้องตัวเองที่ยังมีคดีทุจริตการเลือกตั้ง นายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557

พร้อมกันนี้ อยากจะฝากไปถึง นายเทพไท ขอให้ทำหน้าที่ ส.ส. ให้ประชาชนรักและศรัทธาดีกว่า อย่าทำตัวเป็นคนชอบวิจารณ์ การเมืองไทยวันนี้คือการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ปลอดจากโรคภัยต่างๆ อยากขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ ให้มีความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ในความรับผิดชอบของแต่ละคนจะดีกว่า

“ถ้านักการเมืองอย่าง นายเทพไท คิดได้แต่เอาคนนั้นคนนี้มาเปรียบเทียบแล้วเอาสถิติความคิดมาวิจารณ์ ชี้นำ ผมว่าไม่ถูกต้อง วันนี้ประเทศไทยโดยการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พัฒนาบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล มาถูกที่ถูกทางแล้ว ในสภาฯ ก็มีฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยเหตุด้วยผล ฝ่ายรัฐบาลก็บริหารประเทศด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม สามารถตรวจสอบได้ เป็นประชาธิปไตยที่สวยงามอยู่แล้วในเวลานี้ และควรให้เกียรตินักการเมืองด้วยกัน ต่างคนต่างมีหน้าที่ ควรจะเสียสละเวลาไปลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจะดีกว่า”

...

ทางด้าน นายเทพไท ตอบโต้ว่า ตนเองอภิปรายแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และได้นำสถิติดัชนีความโปร่งใสขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) มาเปรียบเทียบลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส. ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารงานของฝ่ายบริหาร

ส่วนข้อกล่าวหาว่าไร้มารยาท เพราะอยู่ฝ่ายรัฐบาลแต่กลับวิจารณ์รัฐบาล นายเทพไท ชี้แจงว่า เป็นการทำหน้าที่ในสภาฯ ถ้าอภิปรายผิดพลาด หรือพาดพิงให้รัฐบาล หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับความเสียหาย ส.ส.ทุกคนในสภาฯ สามารถใช้สิทธิ์ท้วงติง หรือประท้วงได้ และหากมีอภิปรายนอกประเด็นทำให้รัฐบาลเสียหาย ประธานที่ประชุมอย่าง นายชวน หลีกภัย คงจะทักท้วง หรือให้ยุติการอภิปรายไปแล้ว และการอภิปรายเรื่องลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด เปรียบเทียบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาล คสช. ที่มาจากรัฐประหาร ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาล

“ขอให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐคนดังกล่าวไปทบทวนบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ ของตัวเองก่อนว่าได้ทำหน้าที่ ส.ส.ได้สมบูรณ์แล้วหรือยัง เพราะเพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก ไม่ได้แสดงบทบาทในสภาฯ เลย ได้เป็น ส.ส. ก็เพราะโหนกระแส พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามา และถ้าหากจะท้วงติงการทำหน้าที่ของผมในสภาฯ ก็ควรนำไปพูดในสภาฯ ไม่ใช่ออกมาตีโพยตีพายข้างนอก เพื่อสร้างราคาค่างวดให้ตัวเองต่อผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น”