อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาฯ เพื่อไทย จี้ "พล.อ.ประยุทธ์" ต้องชัดเจนแผนฟื้นฟู เตือน แย่งใช้งบ 4 แสนล้าน ไม่จัดลำดับความสำคัญ เหมือน "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ด้วยการขู่ "เคอร์ฟิว" อีกรอบ 

วันที่ 17 มิ.ย. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แสดงความเป็นห่วงถึงการขอใช้งบประมาณ 4 แสนล้านบาทของหน่วยงานต่างๆ ที่รัฐบาลยังไม่ชี้แจงความชัดเจนว่าจัดลำดับความสำคัญอย่างไร และจะเน้นการฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจด้านใดก่อนหลัง เพราะจะกลายเป็นการ "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาประเทศ โดยเฉพาะหลังรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาครบ 3 เดือนแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ยังเดือดร้อนหนักและยังตกงานอีกเป็นจำนวนมาก

“เรายังไม่เคยได้ยินจากปากผู้นำรัฐบาลว่า จะช่วยเหลือธุรกิจของคนทำมาค้าขายรายเล็กรายน้อย ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศได้อย่างไร ธุรกิจที่กำลังจะเปิดใหม่ จะไปรอดได้หรือไม่ นี่ยังไม่นับโรงงาน โรงแรม หรือสถานประกอบการหลายแห่งที่ทยอยปิดตัวไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างไร งบ 4 แสนล้านบาท จะมีประโยชน์สำหรับพวกเขา หรือไม่ แต่สิ่งที่เราได้ยินอย่างต่อเนื่องก็คือผลงานด้านสาธารณสุข ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่วันนี้คนไทยอยากรู้ว่า ทำยังไงครอบครัวจะไม่อดตายมากกว่า” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว...

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า รัฐบาลอ้างความจำเป็นในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับทำงานเหมือนไม่มีเรื่องฉุกเฉิน เพราะระบบรัฐราชการทั้งหลายยังคงทำงานกันแบบ “รถไฟโบราณ” คือถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ทั้งที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งหลายภายใต้สภาวะการแข่งขันในโลกยุคใหม่ไม่มีผู้ประกอบการที่ไหนสามารถรอได้ ทุกคนต้องการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและทันเวลา แต่ที่ผ่านมากลับต้องเจอกับอุปสรรคสำคัญก็คือระบบการบริหารราชการแบบเก่าของรัฐบาลนั่นเอง

...

นอกจากนี้ รัฐบาลยังกลายเป็นผู้ทำลายความเชื่อมั่นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเสียเอง เช่น การออกมาขู่ว่า จะประกาศเคอร์ฟิวอีกรอบ เพียงแค่มีเด็กแว้นบางกลุ่มออกมาสร้างความวุ่นวาย ทั้งๆ ที่สามารถใช้กฎหมายปกติจัดการได้ การออกมาพูดช่นนี้ย่อมทำให้ผู้ประกอบการขาดความมั่นใจ และตัดสินใจชะลอการเปิดกิจการ ซึ่งทำให้คนจำนวนมากต้องตกงานกันต่อไปทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างปัญหาเลยแม้แต่น้อย

“ส่วนการให้ข่าวว่า รัฐบาลยังไม่พร้อมให้จัดเลือกตั้งท้องถิ่น นอกจากจะกระทบความเชื่อมั่นในเรื่องการขาดงบประมาณแล้ว ยังส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นในการลงทุนต่างๆ ในภูมิภาค เพราะนักลงทุนย่อมต้องการท้องถิ่นที่มีเสถียรภาพ ไม่ใช่ท้องถิ่นที่ถูกแทรกแซงจากส่วนกลางด้วยระบบรัฐราชการเหมือนทุกวันนี้ ประเทศไทยเคยเสียหายจากการเลื่อนเลือกตั้งระดับชาติหลายครั้ง จนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นจากนานาชาติและย้อนกลับมาทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเราเอง ดังนั้นการเลื่อนเลือกตั้งท้องถิ่นออกไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นอุปสรรคกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลเองด้วยเช่นกัน” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว...

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น ตนเองอยากวิงวอนให้รัฐบาลเน้นการใช้ยุทธศาสตร์ การสร้างความเชื่อมั่น และเน้นการสร้างวัฒนธรรมดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง มากกว่าการสร้างเงื่อนไขบนความหวาดกลัวของประชาชน นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องรีบตัดสินใจแล้วว่า จะใช้ ครม.เศรษฐกิจชุดเก่าหรือชุดใหม่ เพราะนักธุรกิจส่วนใหญ่ ไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งปล่อยเวลาเนิ่นช้าออกไป การใช้เงิน 4 แสนล้าน จะไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับขึ้นมาปกติเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน