พท.แฉเสือโหย เร่ขายโครงการ! นศ.บุกทําเนียบอัดยับเผด็จการ
“อภิสิทธิ์” ปัดไม่ใช่โต้โผไล่ “จุรินทร์” โบ้ยสื่อบางสำนักลากไปเอี่ยวไม่เกี่ยวแน่นอน ยกตัวอย่างศึกใน พปชร. ซัดรัฐธรรมนูญปี 60 ต้นเหตุทำพรรคการเมืองอ่อนแอ “นิพิฏฐ์” โผล่รับเป็นคนกลางประสาน ส.ส.ตั้งวงคุยปัญหาอึดอัดใจ ทำเพื่อรักษาพรรค ไม่ได้หวังคั่ว รมต. “จุรินทร์” แจงเคลียร์กันแล้วยึดเอกภาพทำงานกู้คะแนนนิยมกลับคืน รองโฆษก พท.จี้แก้ รธน.ฉบับสืบทอดอำนาจ “ชวลิต” แฉเสือโหยเร่ขายโครงการงบฯเงินกู้ “บิ๊กป้อม” โบ้ยไม่รู้ๆ 3 ก.ค.ประชุมใหญ่เลือก กก.บห.ชุดใหม่ ร้อง “ฮู้ววว” เสียงสูงสื่อซักจาก หน.พรรคจ่อนั่งนายกฯในอนาคต “พุทธิพงษ์” เหน็บไม่ใช่เจ้าชีวิต ส.ส.กทม.แยกก๊กสังกัด “มาดามเดียร์” สนท.บุกทำเนียบฯประณามเผด็จการกำจัดคนเห็นต่าง บี้ล่าตัวการอุ้มหาย “วันเฉลิม” ด้าน “ประวิตร” อู้อี้ติดต่อกัมพูชาไปแล้ว
ปัญหาคลื่นใต้น้ำในพรรคประชาธิปัตย์ มีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่ม ส.ส.และสมาชิกที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรค พยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อจะให้นายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง โดยนายอภิสิทธิ์ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ความอ่อนแอของพรรคการเมืองต่างๆในขณะนี้เป็นเพราะผลพวงของรัฐธรรมนูญ ปี 2560
“อภิสิทธิ์” โต้ไม่เกี่ยวลูกพรรคไล่ “จุรินทร์”
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีข่าวการรวบรวมรายชื่อกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคเกินครึ่งหนึ่งเพื่อให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคว่า ได้รับทราบข่าวนี้จากสื่อมวลชน แต่ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า มีการเคลื่อนไหวอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่พูดได้เต็มปากเต็มคำคือ ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง และถ้าใครบอกกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยสื่อบางสำนักลากตนกลับไปก็ยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน สำหรับสภาวะการเมืองในปัจจุบันเห็นว่า น่าเป็นห่วงถึงอนาคตอันใกล้นี้เพราะดูจากผลสำรวจความเชื่อถือที่มีต่อการเมืองลดน้อยถอยลงไปมาก อีกทั้งความเข้มแข็งของสถาบันการเมืองโดยเฉพาะในระบบรัฐสภา พรรคการเมืองต้องเป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง ก็ดูเหมือนมีแต่ความวุ่นวายและความอ่อนแออยู่ในเกือบจะทุกพรรคการเมือง
...
ซัด รธน.ต้นเหตุพรรคการเมืองอ่อนแอ
“แม้ว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจะหวังให้ราบรื่นตลอดไปไม่ได้ จะมีการช่วงชิงกันบ้าง การเห็นต่างกันบ้างเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย แต่ในปัจจุบันมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น รัฐธรรมนูญที่ทำให้คนที่อยู่ในการเมืองหลายคนคิดว่า ฉันมีพรรคเล็กๆสัก 10-20 คน น่าจะดีกว่า เลยทำให้การถอยห่าง ออกจากรูปแบบการเมืองที่พยายามพัฒนากันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ถูกมองว่าทำให้เกิดการแบ่งขั้ว แต่ในขณะนี้สร้างระบบอีกแบบหนึ่งความขัดแย้งก็ไม่ได้ลดลง ส่วนปัญหาในพรรคพลังประชารัฐนั้น ให้ไปย้อนดูเทปคำปราศรัยที่ผมเคยพูดในช่วงหาเสียงจะพบว่า ปัญหาไม่ได้แตกต่างจากที่ผมเคยกล่าวไว้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

“นิพิฏฐ์” รับประสาน ส.ส.ชงแก้อึดอัด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนระบุว่าเหตุที่มีการเคลื่อนไหวรวบรวมรายชื่อกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค เพราะบางคนต้องการเป็นรัฐมนตรีในการปรับ ครม.ว่าเคยบอกแล้วว่ารับเป็นคนกลางเพื่อประสานให้ ส.ส.และสมาชิกพรรคที่อัดอึด มองเห็นปัญหา เพื่อให้ผู้บริหารพรรคแก้ไขปัญหา ได้บอกไปแล้วว่าเขารับขบวนขันหมากแล้ว แต่ยังไม่กำหนดวันแต่งเท่านั้นเอง เพราะได้ประสานไปที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคด้านภารกิจ รับปากว่าจะนัดผู้บริหารพรรคพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเท่านั้น แต่ถ้ามีการคว่ำขันหมากก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งค่อยว่ากัน เพราะยังไม่เกิดขึ้น
ปัดเดินเกมเขย่าหวังคั่วเก้าอี้ รมต.
นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีคนบอกว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่อต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล ขอบอกว่าเป็นมาหมดแล้วทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้านและอื่นๆ ยกเว้นเป็นโควิด ถ้าตีเจตนาอย่างนี้ขอบอกให้คนที่คิด ขอให้ไปนุ่งขาวห่มขาวบวชชีพราหมณ์ไถ่บาป เพราะตนไม่มีความคิดนี้ ยืนยันว่าไม่หวังรับตำแหน่งใดๆในการปรับ ครม. ส่วนคนอื่นตนไม่ทราบ และเหตุที่รับเป็นคนกลาง เพื่อหารือแก้ไขปัญหาในพรรค เพราะต้องการรักษาสมาชิกพรรคทั้ง ส.ส.และอดีต ส.ส.ให้อยู่กับพรรคต่อไป เพราะทุกคนมีศักยภาพ ที่ตนทำไปเพื่อรักษาพรรคเช่นกัน
เมื่อถามว่าแสดงว่ามีการรวบรวมรายชื่อ กก.บห.พรรคตามที่เป็นข่าวจริง นายนิพิฏฐ์กล่าวว่าไม่ทราบ เพียงแต่รับประสานที่จะให้มีการคุยกัน เมื่อถามย้ำว่าหรือจะรอให้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีตามกฎหมายพรรคการเมืองกำหนด แล้วจะหารือถึงการเปลี่ยนแปลง กก.บห.พรรค นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตามหลักการประชุมใหญ่สามัญประจำปี มีวาระการประชุมเพื่อพิจารณาประจำอยู่แล้ว การจะคุยเรื่องสำคัญอย่างนี้คุยภายในได้

“พีระพันธุ์ ” ชิ่งออกมาแล้วไม่คิดกลับ ปชป.
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวจะกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่เป็นความจริง ตนออกมาแล้วไม่เคยคิดกลับ และไม่มีใครมาทาบทาม งงกับข่าวที่เกิดขึ้น สัปดาห์ก่อนก็มีข่าวว่าตนจะไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาสัปดาห์นี้บอกว่าจะกลับไปพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเป็นหัวหน้าพรรค และตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะสังกัดพรรคการเมืองไหน เพราะยังไม่ถึงเวลา อีกทั้งตอนนี้มีความสุขมากที่ทำงานอยู่ตรงนี้ อยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ท่านไม่เคยคุยกันเรื่องการเมืองเลย คุยกันแต่เรื่องงานอย่างเดียว ตรงกับสิ่งที่ตนอยากทำมาตลอด
“จุรินทร์” มุ่งงานลงพื้นที่มัดใจคนใต้
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางลงพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.สตูล ติดตามโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน และนโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางและชาวสวนปาล์ม รวมทั้งมอบถุงยังชีพช่วยชาว จ.สงขลาและสตูล มีนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย นายสุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา กรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค ชาวสงขลาและสตูลมารอต้อนรับมอบดอกกุหลาบและชูป้ายให้กำลังใจราว 200 คน ระหว่างนั้นเกิดเหตุไฟฟ้าในอาคารผู้โดยสารดับกะทันหัน ทำให้มืดสนิทไปชั่วขณะ ขณะที่ด้านนอกอาคารจากปกติก่อนเครื่องลงแดดออกท้องฟ้าแจ่มใส แต่เกิดฝนตกลงมาจนนายจุรินทร์ต้องเดินฝ่าสายฝนไปขึ้นรถ
ย้ำต้องเป็นเอกภาพโกยคะแนนกลับ
นายจุรินทร์กล่าวถึงกระแสขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์ ที่คณะกรรมการบริหารพรรคกดดันให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. พูดคุยกันไปชัดเจนแล้ว ทุกคนในพรรคตระหนักดีว่าความเป็นเอกภาพจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้พรรคได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคใต้การเลือกตั้งที่ผ่านมาคะแนนเสียงลดลงมาเหลือ 22 เสียงจาก 50 เสียง เป็นหน้าที่ที่ทุกคนในพรรคต้องช่วยกันทำให้คะแนนนิยมในภาคใต้เพิ่มขึ้น ตนทำงานในฐานะรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคลงพื้นที่พบปะสมาชิกพรรคเป็นประจำทุกภาคอยู่แล้ว จากนั้นนายจุรินทร์เดินทางไปที่วิทยาลัยเทคนิคสตูล อ.เมืองสตูล มอบถุงยังชีพตามโครงการต่อลมหายใจซาเล้ง มีนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผวจ.สตูล และนายชัยยุทธิ์ พลเสน นายกสมาคมซาเล้งแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยประชาชนอาชีพขับรถซาเล้งเก็บของเก่าขาย 350 คนมารอต้อนรับ
พท.จี้นายกฯเร่งแก้ รธน.ขับเคลื่อน ปท.
นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้นักการเมืองและพรรคการเมืองในภาพรวมอ่อนแอ ขาดความเป็นเอกภาพ ปัจจัยหลักมาจากรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อให้เกิดปัญหามิติต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่พรรคพลังประชารัฐ ที่เคยมีสมาชิกกล่าวว่ารัฐธรรมนูญออกแบบมาเพื่อพวกเรา เพื่อให้ประเทศชาติพ้นจากกับดักรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ จึงเห็นว่าผู้นำรัฐบาลและสภาฯควรเร่งให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เป็นปัญหาโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขวิธีการแก้รัฐธรรมนูญในมาตรา 256 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างใหม่ เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ ให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยตามที่ควรจะเป็น และเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนภายในประเทศและระดับระหว่างประเทศกลับคืนมา ก่อนที่ประเทศไทยจะตกขบวนเวทีการแข่งขันโลกทุกด้าน

“บิ๊กป้อม” ร้อง “ฮู้ว” หลังถูกถามนั่งนายกฯ
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความพร้อมการจัดประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 3 ก.ค. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โอ้ว...ไม่รู้ๆ ถามแต่เรื่องพรรคนั่นแหละ เมื่อถามว่า หากถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปในอนาคตหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ทำเสียงสูงและลากยาวใส่ผู้สื่อข่าวว่า “ฮู้ววววว...” ก่อนจะขึ้นรถออกไปทันที

“บี” เหน็บไม่ใช่เจ้าชีวิต ส.ส. กทม.แยกก๊ก
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรักษาการคณะกรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มีการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เป็นเอกภาพหลัง ส.ส. กทม.บางส่วนไปลงพื้นที่กับ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าการลงพื้นที่เป็นนโยบายที่เราสนับสนุน ตนส่ง ส.ส.ลงพื้นที่ทุกเขต ส่วนใครจะชวนใครลงพื้นที่ไม่เป็นปัญหา เป็นหน้าที่ ส.ส.ต้องลงไปดูแลความเดือดร้อนประชาชน เมื่อถามว่า มีการมองว่า 12 ส.ส.กทม.พลังประชารัฐแตกเป็น 2 กลุ่ม มี 5 คนไปอยู่กับ น.ส.วทันยา นายพุทธิพงษ์ตอบว่า เราไม่ปิดกั้นความคิดใครว่าต้องสนับสนุนใคร ไม่เคยคุยกับน้องๆหากมีกรรมการบริหารพรรคต้องสนับสนุนใคร เป็น ส.ส.กันแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง เราไม่ใช่เจ้าชีวิตเขา ไม่ใช่ เจ้าของความคิดเขา อาจดูเหมือนเราไม่ได้พูดคุยกันแต่ความสัมพันธ์ยังดีอยู่ เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ที่สนับสนุนมาตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้กลับย้ายกลุ่มนายพุทธิพงษ์ตอบว่า ยอมรับตนเป็นคนทาบทามมาเกือบทุกคนเอง วันหนึ่งหากใครคิดจะไปไหนต้องให้เกียรติและสิทธิ์เขา ส่วนตัวไม่ได้เสียใจแต่วันหนึ่งอาจมานั่งคิดแล้วรู้สึกเสียใจก็ได้ว่าเลือกมาเองและสนับสนุนเขาไปถึงฝั่ง
เชื่อตั้งกลุ่มมาต่อรอง “บิ๊กตู่” ไม่ได้
นายพุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า การตั้งกลุ่มต่อรองตนไม่ทำ และไม่เชื่อว่าการต่อรองตำแหน่ง ถ้าจะมีการเปลี่ยนหรือปรับอะไรต่างๆแล้ว นายกฯจะใช้เป็นเหตุผลดูจากการจับกลุ่มในพรรค มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ระบบนี้อาจใช้ได้ก่อนเลือกตั้งว่ามีใครสนับสนุนผู้สมัครคนไหน เพื่อช่วยให้ได้เป็น ส.ส. แต่หลังเลือกตั้งนานแล้ว มารวบรวม ส.ส.เพื่อใช้เป็น พลังต่อรองตำแหน่ง ไม่คิดว่าระบบนี้จะเกิดขึ้น ถ้ามีคงเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทุกคนคงไปรวบรวม ส.ส.เพื่อมาต่อรอง จึงไม่ใช่คิดว่าเป็นระบบที่นายกฯใช้และคิดว่าถ้าใช้ระบบนี้จะยุ่งไปกันใหญ่ทั้งภาคและทุกโซน
ลั่นถึงเวลาต้องเปลี่ยน กก.บห.
“ส่วนเรื่องในพรรคเมื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคเสร็จ ผู้บริหารใหม่จะทำให้ทุกอย่างมีเอกภาพมากขึ้น ต้องยอมรับว่า 1 ปีที่ผ่านมาพรรคยังมีอีกหลายอย่างต้องทำ ไม่ได้เป็นความผิดใคร ต่างคนต่างมีภารกิจ กรรมการบริหารพรรคชุดแรกมีตั้งแต่ก่อตั้งพรรคและก่อนการเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันเรามี ส.ส.ร้อยกว่าคน มีสาขาและสมาชิกอีกจำนวนมาก จึงควรมีองค์ ประกอบของ ส.ส.แต่ละภาคเป็นกรรมการบริหารพรรค เพื่อมีส่วนร่วมสะท้อนปัญหาประชาชน จึงถึงเวลาปรับเปลี่ยน” นายพุทธิพงษ์กล่าว

“บิ๊กตู่” ชม ปชป.-ภท.ร่วมแก้ราคายาง
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือการนำอุปกรณ์การจราจรและอำนวยความปลอดภัยทางถนนผลิตจากยางพาราไปใช้ในหน่วยงานภาครัฐ มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เป็นผู้แทนลงนาม นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมและนายอนันต์ สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ร่วม เป็นสักขีพยาน โดยนายกฯกล่าวว่า เกษตรกรจะได้ประโยชน์กว่าร้อยละ 70 เพิ่มรายได้ลดการนำงบฯรัฐไปดูแลราคายางพาราในอนาคต เป็นการทำงานร่วมกันที่ดีของ 2 พรรคร่วมรัฐบาล ขอให้สานต่อเป็นรูปธรรมให้ได้ ตั้งใจทำความดีให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่มีรายได้มากขึ้น จะเป็นความดีที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เจริญต่อไปในวันข้างหน้า
กห.แจงเก็บเอกสารลับ พ.ร.บ.โอนงบฯ
ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีที่กรรมาธิการงบประมาณไม่พอใจที่ กห.เก็บเอกสารลับระหว่างการประชุมพิจารณาโอนงบฯของกลาโหม 1.77 หมื่นล้านบาท ว่า กห.ไม่มีนโยบายปกปิดข้อมูลหรือขัดขวางการทำงานของ กมธ.ต่างๆในรัฐสภา เป็นหน้าที่ของส่วนราชการต้องสำแดงข้อมูลอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาต่อการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติในกระบวนการประชาธิปไตย ได้ยึดมั่นและปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้มาตลอด คณะ กมธ.วิสามัญฯได้ประสานกันแล้วพิจารณาเป็นรายหน่วย หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม หลังจากพิจารณาจบรายหน่วย เจ้าหน้าที่ได้ขอเรียกเก็บคืนเอกสารที่มีชั้นความลับตามความรับผิดชอบว่าด้วยระเบียบการรักษาความลับของทางราชการ มิได้มีวัตถุประสงค์จะปกปิดข้อมูลหรือปิดกั้นการทำงาน เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน กห.จะประสานการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และการดำเนินการต่อเอกสารที่มีชั้นความลับ
เฉ่งเสือโหยเร่ขายโครงการงบเงินกู้
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะที่โครงการของงบเงินกู้ยังไม่ได้รับการอนุมัติ แต่บรรดาเสือหิวเสือโหยเริ่มเร่ขายโครงการกันแล้ว จะเป็นความเสียหายอย่างยิ่งถ้างบรั่วไหล ใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น คณะกรรมการภาคประชาชน จะมีบทบาทอย่างสำคัญในการรักษาผลประโยชน์ของตำบล หมู่บ้านของตนเอง ด้วยการติดตามตรวจสอบให้ผู้รับจ้างทำงานตามรูปแบบที่ได้รับการอนุมัติ และขอฝากกรรมาธิการวิสามัญที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภาฯ ให้วางระบบการติดตาม ตรวจสอบอย่างเข้มงวด รอบคอบ รัดกุม ประสานงานกับคณะกรรมการภาคประชาชนแต่ละพื้นที่ที่กระทรวงมหาดไทยจะ แต่งตั้งอย่างใกล้ชิด

“วิษณุ” โยนถามทหารปมบ้านนายกฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายก-รัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาดโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องตามที่ฝ่ายค้านยื่นประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในประเด็นอยู่อาศัยในบ้านพักทหารทั้งที่เกษียณอายุราชการแล้ว ว่า ขอให้ไปถามทางทหารจะดีกว่า ตนไม่เกี่ยวข้อง รู้แต่บ้านพิษณุโลก
ไม่รู้ “วรเจตน์” ขัดแย้งกับ “บวรศักดิ์”
เมื่อถามถึงกรณีนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ลาออกจากกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองระบุว่าไม่ได้แจ้งให้ทราบว่ามีการเปลี่ยนตัวประธานมาเป็นนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ตอนตั้งคงแจ้งให้ทราบว่าให้ร่วมเป็นคณะกรรมการ แต่ไม่ได้แจ้งว่ากรรมการคนอื่นมีใคร บ้าง ในอดีตตนเคยได้รับการแต่งตั้งโดยไม่ทราบว่าเพื่อนร่วมคณะกรรมการมีใครบ้างจึงรับปาก แต่ภายหลังเห็นชื่อคณะกรรมการทั้งหมดแล้วจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ และอาจมีปัญหาขัดแย้งกับกรรมการคนอื่นๆจึงลาออก นายวรเจตน์ช่วยงานคณะกรรมการกฤษฎีกามามาก ไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร นายวรเจตน์บอกว่าขัดแย้งกับนายบวรศักดิ์อันนั้นก็ไม่รู้ ตอนรับเขาอาจไม่รู้ว่านายบวรศักดิ์เป็นประธาน
“ประวิตร” ประสานกัมพูชาตาม “ต้าร์” หาย
อีกเรื่อง เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการประสานกับทางการกัมพูชา ในการติดตามตัวนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ถูกอุ้มหายในกรุงพนมเปญว่า ได้ติดต่อไปทางกัมพูชาแล้ว

สนท.บุกทำเนียบฯประณามอุ้มผู้ลี้ภัย
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สหภาพนักเรียนนิสิตแห่งประเทศ ไทย (สนท.) นำโดย น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียนนิสิตแห่งประเทศไทย พร้อมแนวร่วมกว่า 20 คน เดินทางมาหน้าทำเนียบรัฐบาลอ่านแถลงการณ์ประณามการอุ้มหายผู้ลี้ภัยทางการเมือง ผู้ร่วมกิจกรรม ได้ชูสามนิ้ว และผูกริบบิ้นโบขาวที่รั้วทำเนียบฯเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วย แถลงการณ์มีเนื้อหาว่ากรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกอุ้มหายจากที่พักในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. จนบัดนี้กว่า 1 สัปดาห์แต่การสืบหายังไม่คืบหน้า
ฉะเหยื่อเผด็จการกำจัดคนเห็นต่าง
“นับเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่รัฐเผด็จการใช้กำจัดผู้เห็นต่างทางการเมือง นับตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม บริหารประเทศมา มีนักเคลื่อนไหวและผู้ลี้ภัยทางการเมืองถูกอุ้มหายกว่า 9 คน รวมถึงการถูกลอบทำร้าย เช่น กรณีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ทุกกรณีไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เหยื่อทุกคนล้วนเป็นผู้เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล รัฐย่อมตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ สนท.ขอประณามการอุ้มหายและลอบทำร้ายทุกกรณี ขอเรียกร้องให้เร่งรัดกระบวนการสืบสวนหาความจริงและนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร็ว” แถลงการณ์ สนท.ระบุ
กมธ.เชิญ 9 หน่วยงานรัฐแจง “ต้าร์” หาย
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลและโฆษก กมธ.การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แถลงว่าเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. กมธ.ได้ประชุมนัดพิเศษมีมติเชิญบุคคลจาก 9 หน่วยงานราชการมาให้ข้อมูลกรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกอุ้มหาย วันที่ 17 มิ.ย. ได้แก่ 1.ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 2.ปลัดกระทรวงยุติธรรม 3.ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด 4.ผบ.ตร. 5.พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญทหารบก 6.ประธานคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกการทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ 7.เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ 8.นายบาดาร์ ฟารุค ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ และ 9.นายสุณัย ผาสุข ผู้แทนฮิวแมนไรท์ วอทช์
บี้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินสกัดม็อบ–ผู้เห็นต่าง
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข่าวรัฐบาลจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก แต่จะทดลองยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวว่า ปัญหาสำคัญของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินคือเจ้าหน้าที่ได้รับยกเว้นความรับผิด และมีอำนาจค่อนข้างมาก เป็นอันตรายต่อประชาชน ท้ายที่สุดอาจกลายเป็นเครื่องมือทำให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพแสดงออกไม่ได้เต็มที่ นอกจากไม่ใช่คงเอาไว้เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ตัวเลขต่างๆยืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้นมากจนไม่รู้ว่าต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ต่อไปทำไม หรือแท้จริงแล้วการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นการใช้เครื่องมือทางกฎหมายที่ให้อำนาจฝ่ายบริหาร ปกป้องรัฐบาลเอง จากการที่ประชาชนที่มีความเห็นตรงกันข้ามกับรัฐบาลแล้วอาจจะประท้วง หรือแสดงความคิดเห็น โดยรัฐบาลจะใช้เครื่องมือทางกฎหมายนี้เพื่อรังแกผู้ชุมนุม การแก้ไขปัญหาโควิด-19 แค่กฎหมายปกติก็เพียงพอแล้ว จะอ้างว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้เพื่อไปปิดน่านฟ้าก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเรามี พ.ร.บ.ปิดน่านฟ้า ให้อำนาจไว้อยู่แล้ว การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ จึงไม่มีความจำเป็น ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เรียก ป.ป.ช.ให้ข้อมูลคุ้มครอง “หมู่อาร์ม”
น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ในฐานะคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม เสมียนงบประมาณ สังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก เปิดโปงการทุจริตเบี้ยเลี้ยงทหารของผู้บังคับบัญชาในหน่วยงาน แถลงว่า คณะทำงานมีมติตั้งนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคณะทำงาน จะตรวจสอบ 3 ประเด็น คือ 1.มีการทุจริตเบี้ยเลี้ยงทหารจริงหรือไม่ 2.หมู่อาร์มถูกข่มขู่คุกคามหรือไม่ 3.การกล่าวหาหมู่อาร์มว่าหนีทหาร จะมีการคุ้มครองพยานได้หรือไม่ เราต้องทำงานแข่งกับเวลาหาข้อเท็จจริง เนื่องจากหมู่อาร์มถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าหนีทหาร วันที่ 19 มิ.ย. คณะทำงานจะเชิญตัวแทนจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.มาให้ข้อมูลหลักกฎหมายคุ้มครองพยานและความคืบหน้าคำร้องที่ได้ยื่นต่อป.ป.ช.ไปก่อนหน้านี้ ช่วงบ่ายจะเชิญหมู่อาร์มเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม
“จรัญ” มี 200 ล้านหลังพ้นศาล รธน.
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 เม.ย.63 ได้แก่ 1.นายนุรักษ์ มาประณีต อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีทรัพย์สิน 32,334,367 บาท แบ่งเป็นของนายนุรักษ์ 10,772,065 บาท นางศรีสัมพันธ์ มาประณีต คู่สมรส 21,562,301 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มีหนี้สิน 345,044 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 31,989,323 บาท 2.นายจรัญ ภักดีธนากุล มีทรัพย์สิน 206,133,234 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายจรัญ 11,635,704 บาท และทรัพย์สินของนางทีปสุรางค์ ภักดีธนากุล คู่สมรส 194,497,530 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน โดยมีที่ดิน 22 แปลง อาทิ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ.บางเลน จ.นครปฐม รวมมูลค่า 156 ล้านบาท และมีหนี้สิน 22,112,033 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 184,021,201 บาท
“จิรนิติ” นั่งตุลาการศาล รธน.มี 114 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ป.ป.ช.ยังเปิดบัญชีทรัพย์สิน ของตุลาการรัฐธรรมนูญอีก 3 คน กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.63 ได้แก่ 1.นายจิรนิติ หะวานนท์ มีทรัพย์สิน 114,253,158 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายจิรนิติ 51,926,919 บาท และของนางวิภาวรรณ หะวานนท์ คู่สมรส 62,326,238 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 10 แปลง มูลค่าร่วม 75 ล้านบาท อาทิ อ.เมือง จ.นนทบุรี อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยเฉพาะที่ดินเขตบางซื่อ กทม. 1 ไร่ 50 ตร.ว.ของนางวิภาวรรณมีมูลค่าร่วม 58.5 ล้านบาท 2.นายวิรุฬห์ แสงเทียน มีทรัพย์สิน 19,923,475 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินนายวิรุฬห์ 17,698,178 บาท นางจิตติ แสงเทียน คู่สมรส 1,595,297บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินและเงินฝากในธนาคาร 3.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม มีทรัพย์สิน 24,384,651 บาท เป็นของนายอุดม 8,656,369 บาท และนางสมจิตต์ สิทธิวิรัชธรรม คู่สมรส 15,758,682 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน ที่ดิน อ.เมืองพิจิตร และทรัพย์สินอื่นๆ อาทิ พระทองคำ แหวน เข็มขัดทอง และนาก เครื่องประดับต่างๆ